บล.ฟิลลิป พร้อม 100% ลุย Stock Futures ชูเทคโนโลยีทันสมัย ทีมงานมาตรฐานสากล

บล.ฟิลลิป ชูทีมงานและเทคโนโลยีมาตรฐานสากล รองรับซื้อขาย Single Stock Futures 24 พ.ย.นี้ เชื่อนักลงทุนให้การต้อนรับคับคั่ง เพราะคุ้นเคยกับเรื่องหุ้นรายตัวอยู่แล้ว เผยลูกค้าเก่าให้ ความไว้วางใจซื้อขายอนุพันธ์มากขึ้น เร่งเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการเปิดอบรมให้ ความรู้อย่างสม่ำเสมอ เชื่อปีหน้ายังสามารถรักษาฐานลูกค้าได้แม้การแข่งขันดุเดือด

นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านการลงทุนครบวงจร และผู้นำบริการด้านการลงทุนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตระบบแรกและระบบเดียวที่สามารถซื้อขายทั้งหุ้น กองทุนรวม ตราสารอนุพันธ์ และหุ้นต่างประเทศ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมเต็มที่ทั้งเรื่องของระบบการซื้อขาย และบุคคลากร เพื่อรองรับการเปิดซื้อขาย Single Stock Futures (SSF) หรือฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญรายตัวเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 นี้

ทั้งนี้ การเปิดการซื้อขาย Single Stock Futures ในครั้งนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนมีความคุ้นเคยในการลงทุนที่เป็นลักษณะหุ้นรายตัวอยู่แล้ว ขณะเดียวกันการซื้อขาย SET 50 Index Futures ในช่วงที่ผ่านมาก็มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง แสดงว่านักลงทุนมีความรู้ ความเข้าใจในการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) มากขึ้น

“ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการพัฒนาระบบการซื้อขาย และทดสอบความพร้อมก่อนเข้าสู่การซื้อขายจริงสำหรับทุกๆ ผลิตภัณฑ์ในตลาด TFEX ทั้ง SET50 Index Futures , SET50 Index Options, Gold Futures รวมถึง Stock Futures ที่จะเปิดซื้อขายเป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซึ่งบริษัทฯ ก็มีความพร้อม 100% ทั้งในเรื่องระบบการซื้อขาย และทีมงานที่มีประสบการณ์ ผ่านการอบรม และทดสอบตามมาตรฐานสากลแล้ว” นายกิดาการกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีการให้บริการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่จะช่วยให้นักลงทุนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตัวเอง หรือส่งผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดที่ผ่านการอบรมจาก TFEX เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถ ติดตามภาวะตลาด และการเคลื่อนไหวของราคา Futures ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

ดังนั้น จากจุดแข็งในเรื่องความพร้อมของระบบการซื้อขาย บุคลากร และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบคู่แข่งโบรกเกอร์รายอื่นๆ และมั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าทั้งนักลงทุนที่เป็นลูกค้าเปิดบัญชีของบริษัทฯ เดิมอยู่แล้ว รวมถึงที่เป็นนักลงทุนแต่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทฯ

“เรามองว่าฐานลูกค้าในตลาดอนุพันธ์ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก ซึ่งถ้าดูจากภาพอุตสาหกรรมโดยรวมบัญชีที่ซื้อขายหุ้นมีกว่า 5-6 แสนบัญชี ขณะที่บัญชีที่ซื้อขายอนุพันธ์มีเพียง 1.4 หมื่นบัญชีเท่านั้น ส่วนถ้ากลับมาดูภายในของเรามีบัญชีลูกค้าที่ลงทุนในหุ้นอยู่ประมาณ 1.5-1.6 หมื่นบัญชี ส่วนฐานลูกค้าอนุพันธ์มีอยู่ประมาณ 1,000 บัญชี ดังนั้น ที่ผ่านมาเราจึงเน้นเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าภายในบริษัทฯ ก่อน ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่นใจ และพอใจในการให้บริการของบริษัทฯ อยู่แล้ว”

ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยต่อว่า สำหรับส่วนแบ่งการตลาด TFEX ของบริษัทฯ ปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณ 10% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนปีหน้าถึงแม้โบรกเกอร์ใหม่จะมีปริมาณการซื้อขาย การแข่งขันใน ตลาดสูงขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบกับการขยายฐานลูกค้า หรือส่วนแบ่งการตลาดของ บริษัทฯ มากนักจากจุดเด่นในเรื่องของการให้ข้อมูลและความรู้กับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงในปีหน้าจะมีการซื้อขายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่อีก นั่นก็คือ Gold Futures ซึ่งบริษัท ฯ ก็มีความพร้อม 100% อยู่แล้ว