แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทยปี 2552 : ภายใต้ความท้าทายจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก

ธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่จะสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลหมุนเวียนภายในประเทศจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย ซึ่งตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญของไทยส่วนใหญ่มาจากประเทศในภูมิภาคอาเซียนและสหภาพยุโรป มีสัดส่วนในตลาดท่องเที่ยวของไทยรวมกันกว่าร้อยละ 50 ในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวจีนนั้นนับว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญของไทย ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 4 รองจาก มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตามลำดับ โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.9 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย แต่ทว่าผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในปี 2551 ให้ชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยชะลอลงตามไปด้วย อีกทั้งยังถูกผลกระทบซ้ำเติมจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยในปี 2551 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่มีเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ประกอบกับการแข่งขันแย่งชิงตลาดนักท่องเที่ยวจีนจากต่างประเทศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวจีนในไทยของปี 2551 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภาวะทางเศรษฐกิจของจีนถือว่ามีความแข็งแกร่งมากที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้การท่องเที่ยวแบบเอาต์บาวด์ของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้อำนาจซื้อของผู้บริโภคชาวจีนสูงขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระดับบน โดยปัจจุบัน ประเทศเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวจีนใฝ่ฝันเดินทางไปเยือนมีทั้งสิ้น 89 ประเทศ ซึ่งผลสำรวจจากบริษัทวิจัย AC Nielson ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่มาจาก 3 เมืองหลักได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และกว่างโจว โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้นิยมเดินทางไปประเทศยุโรปและเข้าพักในโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงเลือกซื้อสินค้าหรูหราจากร้านแบรนด์เนมชื่อดังของโลก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่ 5,253 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ขณะที่มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนในการเดินทางไปฮ่องกงและมาเก๊าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับ 1 และ 2 ของชาวจีนที่ 2,185 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมของชาวจีนในปัจจุบัน ขณะที่ไทยติดอยู่ในประเทศเป้าหมาย 10 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวจีนในอันดับที่ 7 รองจาก ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม และ รัสเซีย
แม้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 มีจำนวน 34.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 จากช่วงเดียวกันของปี 2550 โดยในเดือนกันยายน 2551 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปยังต่างประเทศจำนวน 3.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 อย่างไรก็ตาม คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศจะชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 โดยทางสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน คาดว่า ในปี 2551 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศประมาณ 46 ล้านคน ขยายตัวชะลอเหลือร้อยละ 12 จากปี 2550 ที่มีจำนวน 40 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 18.6

ภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยปี 2551 และ แนวโน้มปี 2552

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในไทยเป็นรายไตรมาสจากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ของสำนักงานบริหารการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยในปี 2551 จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 โดยมีอัตราขยายตัวร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปี 2550 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2551 ที่เติบโตร้อยละ 21 และคาดว่าการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ได้ปรับลดลงจนเป็นอัตราติดลบที่เร่งตัวขึ้น โดยมีอัตราหดตัวร้อยละ 32 ในไตรมาสที่ 3 และ หดตัวร้อยละ 88 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยชะลอตัวต่อเนื่องในปี 2551 ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทย โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยน่าจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ดังนี้

1. ปัญหาความไม่แน่นอนของการเมืองไทย
ความท้าทายประการสำคัญที่สร้างผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทยจากการชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคือ ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยที่ยืดเยื้อติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปลายปี 2551 โดยได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนที่มีแผนเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยในช่วงเทศกาลและวันหยุดประจำปี อีกทั้ง ในปีที่ผ่านมายังมีเหตุการณ์ชุมนุมปิดสนามบินในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ อาทิ สงขลา ภูเก็ต และ หาดใหญ่ และยังมีเหตุการณ์ปิดสนามบินในกรุงเทพ ฯ ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกันซึ่งนับว่าเป็นการซ้ำเติมและสร้างความเสียหายต่อธุรกิจท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรง จากผลพวงของเหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยตกอยู่ในภาวะชะงักงันเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยในช่วงดังกล่าวไม่สามารถเดินทางกลับประเทศ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่วางแผนเดินทางมาไทยต่างชะลอการเดินทาง เนื่องจากเกิดความกังวลด้านปลอดภัย รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากที่ยกเลิกการเดินทางมายังประเทศไทย

2. การแข่งขันที่เข้มข้นของตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศ
ปัจจุบันการแข่งขันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของตลาดท่องเที่ยวในแต่ละประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้นทั้งจากแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชียและแหล่งท่องเที่ยวระยะไกลในภูมิภาคยุโรปที่เล็งเห็นความสำคัญของส่วนแบ่งตลาดจีนที่มีแน้วโน้มการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนอย่างฮ่องกงและ มาเก๊าซึ่งมีสัดส่วนในตลาดสูงถึงร้อยละ 40 และ 30 ไทยยังต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่งในแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และ เกาหลีใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนมีศักยภาพที่แข็งแกร่งทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกาหลีใต้ซึ่งได้รับอานิสงส์จากกระแสวัฒนธรรมนิยมเกาหลีที่ระบาดไปทั่วประเทศจีนทั้งในด้านแฟชั่น เพลง และภาพยนตร์ โดยได้ทุ่มงบประมาณจัดทำโฆษณาการท่องเที่ยวในตลาดจีนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย นอกจากคู่แข่งที่สำคัญอย่างเกาหลีใต้แล้ว ไต้หวันยังเป็นคู่แข่งรายใหม่ที่น่าจับตามองในตลาดนักท่องเที่ยวจีนอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากทางการจีนและไต้หวันได้ประกาศการบินตรงเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมในปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากไต้หวันบินตรงสู่เมืองสำคัญต่าง ๆ ในประเทศจีน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น และ กว่างโจ่ว รวม 108 เที่ยวต่อสัปดาห์ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางการบินระหว่างจีน-ไต้หวันดังกล่าวนับว่าเป็นการเปิดโอกาสการพัฒนาด้านท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ คาดว่า การเปิดเที่ยวบินระหว่างไต้หวันกับเมืองสำคัญในจีนที่สร้างความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันจะทำให้ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในไต้หวันเพิ่มขึ้นและอาจแย่งส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีนจากไทยไป

3. ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีสาเหตุจากปัญหาภาคการเงินของสหรัฐ ฯ ได้ลุกลามไปทั่วโลกจนกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยจีนซึ่งถือว่าเป็นประเทศยักษ์ใหญ่แห่งเอเซียและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายของพิษเศรษฐกิจโลกครั้งนี้อย่างยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจเริ่มเห็นผลเด่นชัดขึ้นในภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจีน ทั้งนี้ จีนต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยในไตรมาสที่ 3 ของปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนลดต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี เหลือร้อยละ 9 และคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจีนดังกล่าวได้สร้างความกดดันให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยว เนื่องจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของนักท่องเที่ยวจีนให้ชะลอตัวส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนชะลอการเดินทางออกนอกประเทศด้วยและถึงแม้ว่าทางการจีนได้ออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคการบริโภคและลงทุนในประเทศโดยอัดฉีดงบประมาณมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน (586 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ) เพื่อสร้างรายได้และการจ้างงานในประเทศ โดยมีเป้าหมายลดแรงกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ อีกทั้งเพื่อกระตุ้นภาคการบริโภคและการลงทุนในประเทศ แต่คาดว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งกว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนจะเห็นผลชัดเจนซึ่งน่าจะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวยังคงต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวจนกว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวซึ่งคาดว่า จะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า จากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น น่าจะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกันซึ่งทำให้การเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทยทั้งปี 2551 ชะลอตัว โดยคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยจะมีจำนวนราว 750,000 คน หดตัวกว่าร้อยละ 25 จากปี 2550 ที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน นอกจากนี้การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกทำให้ทางสำนักงานบริหารการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน คาดว่า ในปี 2552 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศประมาณ 50 ล้านคน ขยายตัวชะลอลงเหลือเลขหลักเดียวที่ร้อยละ 9 ลดลงจากร้อยละ 12 ในปี 2551 ส่งผลให้แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนในไทยในปี 2552 ชะลอลงตามไปด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนในไทยปี 2552 ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ตามภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงซบเซาต่อเนื่องจาก ผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มยังอยู่ในภาวะถดถอยจนถึงกลางปี 2552 สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น หากสถานการณ์การเมืองไทยมีความมั่นคงและชัดเจนยิ่งขึ้นน่าจะดึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนให้กลับฟื้นคืนมาทำให้นักท่องเที่ยวจีนอาจเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น อีกทั้งหากภาวะเศรษฐกิจจีนค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสที่ 3 จากผลของมาตรการของทางการจีนทั้งมาตรการทางการเงินและมาตรการทางการคลังที่กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว โดยอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยทั้งปี 2552 อาจมีจำนวนราว 675,000 คน ลดลงร้อยละ 10 จากปี 2551 ทั้งนี้ในวันที่ 7 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประกาศเร่งดำเนินแผนกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวไทยในจีนโดยร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทจีนซึ่งมีสาขากว่า 200 แห่งทั่วประเทศจีนชูแพ็คเกจทัวร์ดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงวันหยุดตรุษจีน ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2552 นี้ โดยทาง ททท. คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังประเทศไทยประมาณ 3 หมื่นคน และตั้งเป้าว่า ในปี 2552 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามายังประเทศไทยเดือนละ 1 แสนคน

ส่วนด้านการแข่งขันนั้น ตลาดท่องเที่ยวไทยยังมีศักยภาพทางการแข่งขันกับตลาดท่องเที่ยวในประเทศอื่น เนื่องจากประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรทางธรรมชาติที่หลากหลาย ผนวกกับวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละภาคของประเทศซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและเป็นจุดแข็งของประเทศในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ หากประเทศไทยสามารถรักษาภาพลักษณ์อันงดงามและจัดแผนการตลาดในตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง โดยในเฉพาะมณฑลที่มีกำลังซื้อสูงอย่างมหานครปักกิ่ง และ เซี่ยงไฮ้ น่าจะทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทยปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะถึงจุดต่ำสุดกลางปี 2552 และขยายตัวดีขึ้นหลังจากที่ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ ฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น รวมถึงจีน ที่ต่างใช้มาตรการทางการเงินและมาตรการทางการคลังในเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

สรุป
ธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่จะสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลหมุนเวียนภายในประเทศจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย ทั้งนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนนับว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย ซึ่งจีนมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 4 รองจาก มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตามลำดับ โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.9 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากภาวะทางเศรษฐกิจของจีนที่ถือว่ามีความแข็งแกร่งมากที่สุดในระดับภูมิภาคเอเชียในช่วงหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้การท่องเที่ยวแบบเอาต์บาวด์ของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดทำให้อำนาจซื้อของผู้บริโภคชาวจีนสูงขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระดับบน

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวจีนทั้งหมดที่เดินทางเข้ามาในไทยในปี 2551 เป็นรายไตรมาสจากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ของสำนักงานบริหารการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยของปี 2551 จะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 โดยเติบโตร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปี 2550 จากไตรมาสแรกที่เติบโตร้อยละ 21 (yoy) และ อัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยชะลอลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน โดยหดตัวร้อยละ 32 (yoy) ส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยมีแนวโน้มหดตัวสูงถึงร้อยละ 88 (yoy)

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เห็นว่า การชะลอตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยน่าจะมีสาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ปัญหาความไม่แน่นอนของทางการเมืองไทย การแข่งขันของตลาดท่องเที่ยวในต่างประเทศและผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจจีนให้ชะลอตัวรุนแรง ซึ่งทำให้การเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวจีนในไทยทั้งปี 2551 ชะลอตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าอาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยราว 750,000 คน หดตัวกว่าร้อยละ 25 จากปี 2550 ที่มีจำนวนกว่า 1 ล้านคน สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาในไทยปี 2552 นั้น ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยมีแนวโน้มยังชะลอต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 แต่น่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลังไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 หากสถานการณ์การเมืองไทยมีความมั่นคงและชัดเจนยิ่งขึ้น กอปรกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยทั้งปี 2552 อาจมีจำนวนราว 675,000 คน ลดลงร้อยละ 10 จากปี 2551 นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ยังเห็นว่า ตลาดท่องเที่ยวไทยยังมีศักยภาพทางการแข่งขันกับตลาดท่องเที่ยวในประเทศอื่น เนื่องจากประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและทรัพยากรทางธรรมชาติที่หลากหลาย ผนวกกับวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละภาคของประเทศ แต่ภาครัฐโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทย โดยการจัดทำแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและสร้างความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวไทยในสายตาของนักท่องเที่ยวให้กลับฟื้นคืนมาดั่งเดิม