ผนึกกำลังเอเยนซี่สองสัญชาติ เพิ่มความแข็งแกร่ง

สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง ผนึกกำลัง ไทยฮาคูโฮโด รวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ชื่อใหม่ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด เพื่อรวมจุดแข็งด้านการตลาดไทยและความเป็นอินเตอร์เนชันแนล เพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่ง ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2552 โดยคาดว่าหลังจากผนึกกำลัง ยอดบิลลิ่งจะเพิ่มเป็น 2 พันล้านบาทในสิ้นปี 2552

นายกิตติ ชัมพุนท์พงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่า “การควบรวมระหว่างสองบริษัท ครั้งนี้ เป็นการรวมจุดแข็งเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจ ให้สามารถบริการกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งไทยฮาคูโฮโดมีความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยี , โน-ฮาว , วิจัย ,ประสบการณ์ด้านความเป็นสากล มีความเป็นอินเตอร์ระดับภูมิภาคเอเชีย ขณะเดียวกันสปา แอดเวอร์ซิ่ง ก็ได้ดำเนินธุรกิจในไทยมาแล้วเป็นเวลานานถึง 36 ปี จึงมีความรู้อย่างลึกซึ้งด้านการตลาด ผู้บริโภคไทย โดยเมื่อปีที่ผ่านมา สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง มีบิลลิ่ง 1,100 ล้านบาท โดยมีลูกค้าหลัก ได้แก่ โอสถสภา , บุญรอด บริวเวอรี่ , ปตท. ,เป็นต้น

มิสเตอร์ โคจิ เอกาชิร่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาคูโฮโด เอเซียแปซิฟิค เปิดเผยว่า “บริษัท ไทย ฮาคูโฮโด จำกัด บริษัทในเครือของ Hakuhodo Inc. ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศญี่ปุ่น มีบิลลิ่งอยู่ที่ 909 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสาขารวม 38 แห่ง ใน 19 ประเทศ สำหรับในไทยมีลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นเวิลด์แบรนด์ของญี่ปุ่น เช่น พานาโซนิค , ซูซูกิ เป็นต้น โดยมีบิลลิ่งปีที่ผ่านมาประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งการรวมบริษัทครั้งนี้คาดว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าแบรนด์ญี่ปุ่น ให้เข้าถึงลูกค้าคนไทยได้ง่ายขึ้น จากประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญด้านการตลาดไทยและความสัมพันธ์อันยาวนานด้านผู้บริโภคของสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง มาช่วยเสริม”

“หลังจากการควบรวมทั้งสองบริษัท คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยมียอดบิลลิ่งเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับเอเจนซี่ให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจทางการ สื่อสารการตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อย่างครบวงจร เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของลูกค้า และการควบรวมในครั้งนี้ยังส่งผลให้ บริษัท ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง คัมปานี กลายเป็นกลุ่มบริษัทเอเยนซี่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทย มีบิลลิ่งรวมทั้งเครือประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท” นายกิตติกล่าวสรุปทิ้งท้าย