จากความใกล้ชิดสู่ความผูกพันมากว่า 36 ปี เครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ได้ให้บริการภายใต้มาตรฐาน และความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาโดยตลอด รวมถึงมีการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น จากการบอกเล่าแบบปากต่อปากในเรื่องการให้บริการ และการแพทย์ที่โดดเด่น ตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เรื่อยมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ทำให้ทุกคนต่างจดจำและรู้สึกผูกพันธ์กับชื่อของ “โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล” เป็นอย่างดี
นายอิทธิ ทองแตง ประธานกรรมการบริหาร เครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล กล่าวว่า “เพื่อต่อยอดและยกระดับการให้บริการที่พัฒนาก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบกับความห่วงใยจากใจ ที่ต้องการตอกย้ำให้เห็นว่า ในแต่ละวินาทีของชีวิตทุกคนนั้นมีความหมาย แม้จะเผชิญกับภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ หรือภารกิจที่ทำให้มองข้ามรายละเอียดในชีวิต แต่คุณยังมีเราที่เคียงข้างให้ความอุ่นใจ ซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ที่จะถ่ายทอดความห่วงใย ดูแลใกล้ชิด แม้แต่บุคลากรทุกชีวิต ก็พร้อมทุ่มเท ใส่ใจในทุกๆ ความรู้สึก เสมือนเป็นหนึ่งคนสำคัญของครอบครัว จึงเป็นที่มาของสโลแกนใหม่ในปีนี้ คือ “ดูแลชีวิตคุณ ด้วยชีวิตเรา” เพราะต้องการให้ภาพของเครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เกิดขึ้นในใจของผู้บริโภคว่า “ดูแลชีวิตคุณ (อย่างเต็มที่) ด้วยชีวิต(ของ) เรา” นั่นเอง”
นอกจากการสร้างการรับรู้ใหม่ให้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้บริโภค เครือ รพ.เปาโล เมโมเรียล ยังเผยถึงตัวช่วยที่จะเข้ามาเสริมทัพในการสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มเป้าหมาย ที่นับว่าเป็นลูกเล่นใหม่ในการสร้างพันธกิจครั้งนี้ “เราต้องการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายเข้าไปในกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง เน้นในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่ทันต่อยุค และค่ารักษาพยาบาลก็ต้องสมเหตุสมผล ในขณะเดียวกันกลุ่มครอบครัวก็ยังคงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่สำคัญเช่นเดิม เครือร พ.เปาโล เมโมเรียลเอง ปีนี้จึงเลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองด้วยการสร้างปรากฏการณ์ในรูปแบบใหม่ให้กับแพทย์ ที่ไม่จำกัดอยู่แต่ภายในสถานพยาบาล และทำหน้าที่เยียวยารักษาเท่านั้น แต่จะเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดอารมณ์ และความห่วงใย รูปแบบใหม่ สร้างความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจมาสู่ผู้บริโภคต่อไป” นายเบญจะ อาสนเพชร กรรมการผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจและบริการ เครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล กล่าว
ทั้งนี้ นายเบญจะ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า “ต้องสร้างคอนเนคชั่นรูปแบบใหม่ขึ้นมา เน้นการบอกเล่าให้ให้เข้าใจง่าย เพื่อให้ฉุกคิด และสร้างความคุ้นเคยกระจายครอบคลุมพื้นที่ อาทิ ป้ายกลางแจ้ง (Bill Board) สื่อเคลื่อนที่ตามจุดต่างๆ ทั้งภายในศูนย์การค้าชั้นนำ การประชาสัมพันธ์ผ่านทางรายการวิทยุ และรถประจำทาง ยูโรบัส ตลอดจนการให้ข้อมูลความรู้ในเรื่องของการดูแลสุขภาพผ่านทางสื่อต่างๆ อย่างน้อยสิ่งเหล่านี้จะเป็นการตอกย้ำให้คิดถึงเราเป็นอันดับแรก ถึงสโลแกน “ดูแลชีวิตคุณ ด้วยชีวิตเรา” ได้เป็นอย่างดี”
สำหรับผลประกอบการรวมของเครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ในปีที่ผ่านมานั้น นายสิทธิชัย สุขเจริญมิตร กรรมการผู้จัดการ เครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล กล่าวว่า โดยรวมแล้วประสบความสำเร็จพอสมควร แม้สภาพเศรษฐกิจจะทำให้กลุ่มผู้บริโภคระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ยอดตัวเลขที่ออกมานั้นถือว่าสวนกระแส เพราะในปีที่ผ่านมาทั้ง 3 สาขาเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 2,784 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากสาขาพหลโยธิน 1,677 ล้านบาท สาขาสมุทรปราการ 754 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากสาขาโชคชัย 4 โดยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในปีที่ผ่านมาทั้ง 3 สาขา มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1.3 ล้านคน ซึ่งเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์ จากกลุ่มลูกค้าที่เราตั้งเป้าในการเข้ามาใช้บริการ โดยสาขาโชคชัย 4 มีการเติบโตของจำนวนลูกค้าสูงสุดถึง 16 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงรายละเอียดของงบประมาณในการลงทุนของแต่ละสาขาสำหรับปีนี้ว่า “เนื่องจากเราต้องการสร้างการรับรู้ว่า โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สาขาพหลโยธิน เป็นแฟลคชิพ (Flag Ship) ให้บริการทางการรักษาเฉพาะทาง อาทิ ศูนย์หัวใจ ศูนย์ข้อเทียม ศูนย์กระดูกและข้อ ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและโรคตับ ศูนย์สูตินรีเวช ศูนย์ระบบประสาท ศูนย์เบาหวาน รวมถึงศูนย์ตรวจ (Check-up Center) ที่เน้นการบริการครบวงจรแบบ One Stop Service ทั้งหมดนี้ดูแลโดยทีมแพทย์ชำนาญการภายใต้เครื่องมือการรักษาที่มีคุณภาพนั้น ในปีนี้จึงได้แบ่งสัดส่วนการลงทุนไว้ที่ 54 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสาขาพหลโยธิน และอีกประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ที่สาขาโชคชัย 4 เพื่อเน้นการเป็นโรงพยาบาลสำหรับครอบครัวและชุมชน มีศูนย์การแพทย์เฉพาะทางครอบคลุมทุกสาขา และมีกุมารแพทย์รองรับตลอด 24 ชั่วโมงในคลินิกเด็ก ในส่วนสาขาสมุทรปราการที่มีความโดดเด่นในเรื่องศูนย์กุมารเวช ที่ชำนาญการด้านการ screening โรคภูมิแพ้ ศูนย์ข้อเทียม ศูนย์กระดูกและข้อ รวมถึงศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและโรคตับนั้น งบประมาณในการลงทุนจะอยู่ที่ 29 เปอร์เซ็นต์โดยประมาณ จากเม็ดเงินทั้งหมดสำหรับการบริหารจัดการทั้งปี กว่า 240 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็น3,200 ล้านบาท พร้อมกันนี้ในอนาคตทางเครือฯ ยังมีแผนที่จะสร้างห้องรับรองสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ เพื่อรองรับการขยายกลุ่มเป้าหมายในอนาคต ณ จุดนี้ด้วย”
ด้าน นายอิทธิ ทองแตง แสดงความคิดเห็นถึงการขยายฐานไปในกลุ่มชาวต่างชาติในแถบประเทศเพื่อนบ้าน และตะวันออกกลา ภายใต้การคุมบังเหียนในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารเครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียลว่า เนื่องจากกำลังสำหรับการจับจ่ายใช้สอยในด้านการเข้ารับบริการทางด้านการแพทย์สำหรับชาวต่างชาตินั้นมีสูง ประกอบกับมีโรงพยาบาลอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่เปิดและพร้อมกับการรองรับกลุ่มคนต่างชาติ ดังนั้น ตนจึงมองว่าส่วนแบ่งในตลาดนี้ เครือโรงพยาบาลเปาโลฯ ก็น่าจะสามารถก้าวเข้าไปยึดพื้นที่นี้ได้เช่นกัน และก็ได้ทำการสำรวจถึงความต้องการ ปรากฏว่า สำหรับประเทศไทยนั้น ในเรื่องของศัลยกรรมตกแต่งได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ประกอบกับเครือฯ ก็มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญอยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศไทยอยู่แล้ว ดังนั้นภายในปีนี้ จึงคาดว่าจะเปิดศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งอย่างแน่นอน
อีกด้านหนึ่งในเรื่องการรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เครือโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล ได้มีการดำเนินงานด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม อาทิ การออกหน่วยแพทย์ การเข้าร่วมกับกิจกรรมสังคมในโอกาสต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และในระยะ 2 ปี ที่ผ่านมานี้ ก็ได้มุ่งเน้นโครงการ CSR อย่างจริงจัง ภายใต้ภาพของเครือโรงพยาบาลฯ ในชื่อโครงการ “One Love Changes One Life” หนึ่งน้ำใจ เพื่อหนึ่งชีวิตใหม่ แรงบัลดาลใจนี้ มอบเป็นของขวัญในโอกาสครบรอบ 35 ปี แห่งการก่อตั้งโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน โดยมีปณิธานการตอบแทนสิ่งดีๆ คืนกลับสู่สังคมอีกแรงหนึ่ง มุ่งเน้นการให้โอกาสแก่เด็กผู้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะด้านการศึกษา ที่เป็นพื้นฐานสำคัญสู่อนาคตที่มั่นคงของเด็กๆ ต่อไป โดยเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทางเครือโรงพยาบาลฯ ก็ได้เดินทางไปสร้างอาคารเรียน พร้อมทั้งนำสิ่งของต่างๆ ขึ้นไปบริจาคที่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อีกด้วย
ด้วยความเชื่อมั่นจากผู้บริหารหนุ่มไฟแรง นายอิทธิ ทองแตง และทีมผู้บริหารที่เปี่ยมคุณภาพ นอกจากจะต้องนำทัพฝ่าสภาพเศรษฐกิจแล้ว ก็ยังยื่นมือขอตอบแทนสังคมอีกด้าน ด้วยการส่งเสริมด้านการศึกษา เพื่อสร้างอนาคตให้แก่เด็กๆ ต่อไป เพราะเชื่อว่าอนาคตของชาติก็ขึ้นอยู่กับเด็กในวันนี้นั่นเอง