ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ สิ่งหนึ่งที่ทั่วโลกต่างตระหนักถึงคือ ปัญหาภาวะโลกร้อนที่ถือว่าเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ดังนั้น วิธีการต่างๆ ที่จะช่วยเยียวยาและจะช่วยรักษาโลกใบนี้ไว้ได้จึงถูกนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิลขยะ การประหยัดพลังงานไฟฟ้า การประหยัดน้ำมัน การปลูกต้นไม้ แม้กระทั่งการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก เป็นต้น แต่ทั้งหมดนี้ยังได้ถือเป็นอีกแนวทางที่ดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับการแก้ไขปัญหาในอนาคต เพื่อเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้น และนั่นเป็นที่มาของการก่อเกิดโครงการ “Green Management on Exhibition Project” ของ สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) พร้อมทั้งสมาชิก 75 บริษัท ในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมีสมาชิก 2 รายแรก ไบเทค บางนาและอิมแพ็คร่วมให้การสนับสนุนแนวทางในการนำไปปฏิบัติจริง นายพรรธระพี ชินะโชติ นายกสมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) หรือ TEA (Thai Exhibition Association) ได้ให้ข้อมูลว่า ”ขณะที่ทั่วโลกตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมกันอย่างมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ว่าองค์กรที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องหันมาใส่ใจในเรื่องของโลกสีเขียวมากขึ้น ซึ่งจะถูกผลักดันโดยความต้องการของลูกค้า ซึ่งทุกคนต่างก็หันมาใส่ใจในปัญหานี้มากขึ้นเช่นเดียวกัน อันจะเป็นอีกบทพิสูจน์ความสามารถของสมาคมท่ามกลางวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงทั่วโลก และนี่คือจุดเริ่มต้นของสมาคมพร้อมสมาชิกทั้ง 75 บริษัท จึงได้จัดหาวิธีลดผลกระทบจากภายในองค์กร ด้วยการปรับเปลี่ยนแปลงสภาพของแวดล้อม ภายใต้คอนเซ็ป “Green Management on Exhibition Project” วัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานภายในองค์กรได้รับความรู้ พร้อมทั้งได้มีส่วนร่วมในการระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับบทบาทของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกับการร่วมแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน อีกทั้งแนวทางในการรับมือกับภาวะโลกร้อนเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนต่อไปได้ สำหรับโครงการ “Green Management on Exhibition Project” ได้รับเกียรติจาก 2 สมาชิกของสมาคม คือศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี และศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ร่วมมือและให้การสนับสนุนในการนำนโยบายนำไปดำเนินการ บนแนวคิดที่จะริเริ่มอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ที่จะสามารถปลูกฝังการรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาวได้”
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ อุปนายกและประธานกรรมการด้านการศึกษา สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) เปิดเผยว่า “อิมแพ็คได้จัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้พนักงานได้ปฏิบัติมากมาย เพื่อให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีการลดใช้น้ำและพลังงาน นำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้หรือรีไซเคิล พนักงานของบริษัทยังได้รับการกระตุ้นให้ใช้กระดาษรีไซเคิล และส่งข้อมูลทางอีเมล์เพื่อประหยัดกระดาษด้วย อิมแพ็คยังได้จัดการรณรงค์การลดสภาวะโลกร้อน ด้วยการปลูกต้นไม้หนึ่งพันต้น ในบริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี และเพื่อเป็นการเริ่มก้าวแรกในการปลูกจิตสำนึกแก่พนักงานในองค์กร และล่าสุดบริษัทเราเพิ่งครบกำหนด 6 เดือน ในการทำบัญชีการจัดการพลังงานในบริษัทมีเนื้อที่ใช้งานกว่า 366,000 ตารางเมตร โดยมีโซเด็กซ์โซ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบพลังงาน ที่ระบุว่าพื้นที่ใดควรลดใช้พลังงานได้บ้าง ซึ่งประสบความสำเร็จในการลดพลังงานได้ปีละ 20.8% นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของอิมแพ็คในการเป็นองค์กรที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกทาง”
ดร.ประสาน ภิรัชบุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ไบเทค ได้เปิดเผยว่า “ไบเทคร่วมมืออนุรักษ์และช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม โดยการนำเอาความรู้และเทคนิควิธีการนำจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ น้ำ EM มาเป็นส่วนประกอบหลักในการผลิตน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติที่ได้มาจากการนำกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพมาหมักกับกากน้ำตาลในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน หลังจากนั้นผสมกับน้ำสะอาดหรือน้ำพืชผักผลไม้ วัสดุต่างๆ ที่เป็นสารอินทรีย์สามารถย่อยสลายได้ เศษอาหารมาหมักกับกากน้ำตาล เป็นน้ำหมักที่ช่วยกำจัดศัตรูพืช ช่วยย่อยสลายสุขภัณฑ์ ช่วยการกำจัดกลิ่นขยะอย่างได้ผล เรายังได้ถ่ายทอดความรู้วิธีการผลิต ซึ่งได้แจกจ่ายให้แก่พนักงาน ประชาชน ชุมชนที่สนใจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวันต่อไป”
“สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) พร้อมทั้ง 75 สมาชิกของสมาคม คาดหวังว่าโครงการ “Green Management on Exhibition Project” จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะช่วยผลักดันให้วงการอุตสาหกรรมการประชุมและการแสดงสินค้าในอนาคตข้างหน้า ได้มีทั้งรูปแบบของการจัดงานในแบบฉบับที่จะช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นปัจจัยหลัก เกิดการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้เกิดขึ้นแก่ทุกคน และที่สำคัญจะเป็นการวางรากฐานของอุตสาหกรรมนี้แก่ประเทศไทย ให้ได้รับความเชื่อถือจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ เป้าหมายเพื่อที่วางใจใช้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานประชุมต่างๆ ได้อย่างทันสมัย ลดการสร้างความสูญเสียต่อสภาพแวดล้อม และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่อุตสาหกรรมนี้ของเราต่อไป” นายกสมาคม กล่าวทิ้งท้าย