เอสเอพี เอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ประกาศผลกำไรสุทธิ ไตรมาสแรกของปี 2552 เพิ่มขึ้น

เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) ประกาศ ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2552 มีผลการดำเนินงานที่ดี แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนจากลูกค้า และ การบริหารต้นทุนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แม้อัตราการเติบโตของรายได้จากซอฟต์แวร์ และบริการที่เกี่ยวข้องของเอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) จะลดลง 10% ในขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้โดยรวมลดลง 12% แต่กำไรสุทธิของ เอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) นั้นสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งกำไรสุทธิด้านการปฏิบัติงานของเอสเอพีทั่วโลกดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ประเมินจากนัยทางตัวเลขในแบบ non-GAAP

“ผลการดำเนินงานของเอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) ที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสแรก เกิดจากประสบการณ์การทำงานในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้” นางเจอร์ราดีน แมคไบร์ด ประธานเอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) กล่าว

“อันที่จริงแล้ว เอสเอพีในประเทศจีนมีผลดำเนินงานที่ดีเกินคาด โดยอัตราการเติบโตของรายได้นั้นเป็นเลข 2 หลัก และมีอัตราการขยายตัวของกำไรสุทธิที่ดีกว่าไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา” นางแมคไบร์ด กล่าวเพิ่มเติม

“แม้ในสภาพเศรษฐกิจการเงินเช่นนี้ ลูกค้าก็ยังคงดำเนินธุรกิจร่วมกับเอสเอพีต่อไป โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) ได้รับความไว้วางใจในการทำงานร่วมกันกับบริษัทในภาคส่วนอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจน้อยกว่า อาทิ โทรคมนาคม สาธารณูปโภค และหน่วยงานภาครัฐ และยังคงมองไปที่การลงทุนอันสืบเนื่องมาจากนโยบายของลูกค้า และไม่ว่าบริษัทใดที่ต้องการเป็น Clear Enterprise เอสเอพีจะทำให้พวกเขาเห็นถึงความเป็นไปได้นั้นๆ ด้วยการช่วยให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาค้นหา เพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศในการดำเนินกิจการและการวางแผนด้านนโยบายได้อย่างชัดเจนขึ้น” นางแมคไบร์ด กล่าว

บริการหลังการขายที่เชื่อมั่นได้ จาก เอสเอพี
นางแมคไบร์ด กล่าวถึงผลการดำเนินธุรกิจที่ดีของเอสเอพี ในช่วงไตรมาสแรก แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำต่อไปในธุรกิจ และความมั่นคงทางการเงินที่เอสเอพีมีมาแต่เดิม อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า เอสเอพี เติบโตขึ้นจากฐานลูกค้าที่เข้มแข็งและความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2552 สัดส่วนการสั่งซื้อจากลูกค้าของ เอสเอพีทั่วโลก เป็นลูกค้าใหม่ถึง 22% ในขณะที่รายได้ 55% ของยอดขายทั้งหมดมาจากลูกค้าเดิม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรายได้ที่มั่นคงต่อเนื่องจากบริการด้านการบำรุงรักษาระบบและเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าลูกค้าเห็นคุณประโยชน์ในการใช้บริการจากเอสเอพี

“เอสเอพี เปลี่ยนภาพของอุตสาหกรรมนี้ไปสู่การให้บริการซอฟต์แวร์อย่างเห็นได้ชัด ข้อตกลงล่าสุดด้าน Enterprise Support ของเอสเอพี กับ SAP User Groups ช่วยให้ต้นทุนด้านระบบไอทีของลูกค้าลดลง อีกทั้งบริษัท มีข้อตกลงในการนำเสนอ KPI ที่กำหนดโดย SAP User Groups เพื่อใช้ในการปรับเปลี่ยนราคาด้าน Enterprise Support ต่อไปในอนาคต โดยบริษัทให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำคุณประโยชน์ทางธุรกิจมาสู่ลูกค้าให้ได้อย่างดีที่สุด” นางแมคไบร์ด กล่าว

“เอสเอพี เพิ่งเสร็จสิ้นงานใหญ่ระดับโลก โดยมีลูกค้าของ เอสเอพี กว่า 20,000 รายเข้าร่วมงานเพื่อรับรู้การเปิดตัวนโยบาย ‘Clear New World’ และในวันนี้ เอสเอพี ต้องการให้ภาพนั้นชัดเจนขึ้น เพื่อตอกย้ำถึงนโยบายทางธุรกิจ และการดำเนินกิจการที่เกิดขึ้นจริง โดย เอสเอพี ได้ผลักดันนโยบายระยะกลางของ ‘Clear New World’ เพื่อแสดงให้ธุรกิจที่มีผลการดำเนินการยอดเยี่ยมเห็นว่า วิสัยทัศน์ที่พวกเขาต้องการนั้น จะเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร”

“เอสเอพี เอง ได้นำแนวทางนโยบายการเป็น Clear Enterprise มาใช้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้เป็นองค์กรที่โปร่งใส ดำเนินกิจการได้ต่อเนื่อง และเป็นองค์กรที่มีความกระฉับกระเฉง สามารถนำเสนอมูลค่าทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าของเอสเอพีได้”

รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจากการผลการบริหารที่เหมาะสม
รายได้สุทธิของเอสเอพี ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองต่อสภาพเศรษฐกิจ ขาลงได้อย่างรวดเร็วของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2551 โดย นางเจอร์ราดีน แมคไบร์ด ประธานเอสเอพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (SAP APJ) เป็นผู้นำเสนอวิธีการการลดต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงใหม่ได้อย่างทันเวลา

“บริษัทฯ ได้ตอบสนองตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปรับตัวอย่างรวดเร็วไปตามเงื่อนไขทางการตลาด โดยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในด้านต้นทุนการบริหารจัดการ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำธุรกิจในไตรมาสแรกของ ปี 2552 โดย เอสเอพี ทั่วโลกลดจำนวนพนักงานลง 2,200 ตำแหน่ง จากที่วางแผนเอาไว้ 3,000 ตำแหน่งในปี 2552”

ในขณะเดียวกัน เอสเอพีก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการผสานระบบเข้ากับ Business Objects ซึ่งนับเป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และส่งผลให้ เอสเอพี สามารถสร้างผลกำไรได้ในวันนี้ โดยการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ นั่นคือ SAP BusinessObjects Explorer เป็นอีกหนึ่งหลักชัยของ เอสเอพีในการผสานระบบเข้ากับ Business Objects และเป็นการผสานเทคโนโลยีระหว่าง เอสเอพีและ Business Objects ที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา โดย SAP BusinessObjects Explorer ช่วยให้ผู้ใช้งานด้านธุรกิจ มีหนทางเข้าถึงข้อมูลมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว

“ความมั่นใจในความเข้มแข็ง คล่องแคล่ว และยืดหยุ่น ในการดำเนินธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทายในปัจจุบันนั้นชัดเจน โดยเอสเอพี ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์ระดับโลกซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่เกือบ 2 เท่าของคู่แข่งและมีลูกค้าถึง 86,000 ทั่วโลก”

“บริษัทฯ ยังคงให้คำมั่นสัญญาที่จะนำเสนอมูลค่าทางธุรกิจที่จับต้องได้แก่ลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในการทำธุรกิจในสภาวะการณ์ที่วิกฤติเช่นนี้” นางแมคไบร์ด กล่าวสรุป