ผลการวิจัยของไรมอน แลนด์เผยสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดคอนโดมิเนียมหรู

กรุงเทพฯ, 28 สิงหาคม 2552 – ‘คอนโดมิเนียม โฟกัส’ เอกสารตีพิมพ์พิเศษงานวิจัยฉบับล่าสุดของไรมอน แลนด์ เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ และพัทยาได้ส่งสัญญาณในด้านดีแม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม

ในขณะที่การขายโดยรวมได้รับผลกระทบอย่างไม่ต้องสงสัย รวมถึงส่วนต่างระหว่างจำนวนยูนิตที่แล้วเสร็จกับจำนวนห้องชุดที่โอนจริงที่มีมากขึ้น แต่รายวิจัยฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าราคาขายของคอนโดมิเนียม และอัตรายอดขายห้องชุดที่ยังไม่แล้วเสร็จ (Off-plan take-up rates) กลับไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด

ในไตรมาสที่สองของปีนี้ ยอดขายคอนโดมิเนียมพรีเซลล์ (Presales) มีมูลค่ามากขึ้นเป็นสองเท่าเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ดัชนีอสังหาริมทรัพย์ของเดือนนี้ก็สามารถดีดกลับขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว และราคาต้นทุนวัสดุค่าก่อสร้างที่ตกลง 10-15% ก็ส่งผลให้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ในช่วงปลายปีนี้

เอกสารงานวิจัยฉบับนี้ยังเปิดเผยถึงการฟื้นตัวและการเติบโตจนถึงจุดอิ่มตัวของตลาดอีกด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนในกรุงเทพฯ เพียง 447 ยูนิต ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2552 แต่อัตรายอดขายห้องชุดที่ยังไม่แล้วเสร็จ (Off-plan take-up rates) กลับสูงถึง 73% อีกทั้งราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรก็เติบโตในระดับคงที่ที่ 4% อยู่ที่ 125,910 บาทต่อตารางเมตร

มร. อูแบร์ วิริออท กรรมการผู้อำนวยการของบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2552 เป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักพัฒนาอสังริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แต่ก็มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดเริ่มจะมีการกระเตื้องขึ้นมาบ้างแล้ว ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อีกในปีนี้

“ข้อมูลการวิจัยในคอนโดมิเนียม โฟกัสฉบับนี้เป็นการประเมินตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และพัทยาอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง” มร. วิริออทกล่าว

“เราให้ความสำคัญกับงานวิจัยนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นข้อมูลที่จะช่วยให้ทางบริษัท ลูกค้า รวมถึงภาคธุรกิจโดยรวมสามารถติดตามแนวโน้มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาขาย การเปิดตัวโครงการ หรือพื้นที่ที่จะมีโครงการใหม่ ๆ ที่จะแล้วเสร็จเกิดขึ้นในอนาคต’’

“ต้นปีที่ผ่านมา การดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่เรายังคาดหวังอย่างเต็มที่ว่า ตลาดจะกลับมาแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ด้วยจำนวนผู้ซื้อที่ขาดคุณสมบัติต่าง ๆ ที่น้อยลง บวกกับปริมาณความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่รอจังหวะที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจซึ่งถูกสะสมมาตั้งแต่เดือนกันยายนของปีที่ผ่านมา”

นอกจากนี้ ผลงานวิจัยคอนโดมิเนียม โฟกัสยังได้เผยผลการสำรวจความคืบหน้าในพัทยาด้วยว่า จำนวนผู้โดยสารต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศในไตรมาสแรกของปี 2552 ตกลงมา 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ปริมาณความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดเบาบางลง โดยที่ 50% ของยอดขายมาจากผู้ซื้อที่ซื้อเพื่อเป็นแหล่งที่พักอาศัยตากอากาศ

ความต้องการที่ลดลงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ตกลงเป็นครั้งแรกนับตั้งปี 2546 โดยราคาขายเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 อยู่ที่ 93,744 บาทต่อตารางเมตร

พัทยาถือเป็นตลาดที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน เพราะเศรษฐกิจของที่นี่ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว และมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าต่อเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน รวมถึงความหวาดกลัวต่อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย” มร. วิริออทกล่าว

“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราสามารถมองเห็นได้ก็คือการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ที่กำลังมองหาแหล่งที่พักอาศัยตากอากาศ และผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจได้มากขึ้นว่าพัทยายังคงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การลงทุนและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต”

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ: สามารถดาวน์โหลด Condominium Focus ในรูปแบบไฟล์ PDF ได้ที่ http://www.raimonland.com/en/mr_condofocus.asp