“เอ.ดี. ไทม์” ผู้นำตลาดนาฬิกาแฟชั่นระดับโลก กว่า 10 แบรนด์ รุกเปิดช็อปในไทยแห่งแรกที่มาบุญครอง ภายใต้ชื่อ “MAD TIMING” เล็งเจาะกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงาน ชูจุดเด่นแบรนด์แฟชั่น พร้อมดีไซน์ เน้นสินค้าที่เป็นลิมิเต็ดเอดีชั่น จับกระแสผู้นำเทรนแฟชั่นนาฬิกา คาดมีอัตราเติบโตหลาย 100 % พร้อมเผยปีหน้าเตรียมนำเข้านาฬิกาเพิ่มอีก 7-8 แบรนด์
นายกวาน ไวไว กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ.ดี.ไทม์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำทำตลาดนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่งทางบริษัทมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าถึง 250 แห่งทั่วประเทศ ทางบริษัทได้ขยายธุรกิจไปในหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ บรูไน ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม และ ประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยได้เปิดสาขาขึ้นโดยใช้ชื่อว่า บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งนำเข้านาฬิกาแฟชั่น กว่า 10 แบรนด์ อาทิ ODM, Levi’s, Esprit, Bonia, Alain Delon, Roxy, Quiksilver, Ed Hardy, Invicta, และ Replay และเพื่อเป็นการขยายตลาดในประเทศไทย บริษัทจึงได้เปิดช็อปภายใต้ชื่อ “MAD TIMING” โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่มาบุญครอง ชั้น 7 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ และสินค้าที่หลากหลาย รวมถึงบริการหลังการขายเต็มรูปแบบ
“ร้าน MAD TIMING ของเรา พัฒนามาจากร้านต้นแบบ ที่เปี่ยมด้วยสีสัน และให้ประสบการณ์ของคนรุ่นใหม่ ได้สัมผัสกับสินค้าของเราทั้ง 10 แบรนด์ ได้อย่างใกล้ชิด แบบเดียวกันกับมาตรฐานการบริการของเราทั่วโลก และมีแผนที่จะเปิดอีก 4-5 สาขา ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย “ นายกวาน กล่าว
ทางด้านนายฟิลลิก แยบ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.ดี.ไทม์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงแนวทางการตลาดของบริษัทฯ ว่าจากสถานการณ์การแข่งขันในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมาก บริษัท จึงได้ตั้งกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ นักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยทำงาน ตั้งแต่ระดับกลาง จนถึงระดับบน เพื่อให้ครอบคลุมกับลูกค้าทุกกลุ่ม ซึ่งสินค้าของบริษัทจะเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และสินค้าจะมีราคาทีไม่แพง
ในการทำตลาดบริษัทฯได้ใช้งบกว่า 25 ล้าบาท ทำตลาดนาฬิกาแฟชั่น โดยแบ่งงบกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเปิดช็อปตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไปด้วยเงินลงทุนช็อปละ 1 ล้านบาท อาทิ ฟิวเจอร์พารค์รังสิต เอสพลานาด เซ็นทรัล พลาซ่า นอกจากนี้ยังมีที่โรงภาพยนตร์ชั้นนำ เช่น SF Cinema, Major Cineplex โดยมี concept store ชื่อว่า “MAD TIMING” โดยย่อมากจาคำว่า My A.D. Time โดยจะมีแบรนด์นาฬิกาทั้งหมด10 แบรนด์เข้าไปจำหน่าย และสาขาต่อไปที่จะเปิดจะเป็นที่ Esplanade สาขาแจ้งวัฒนะจะเปิด และในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเปิดเพิ่มอีก 4-5 แห่ง
“หลังจากที่ได้เข้ามาเปิดตลาดในไทย เราได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทั้งนี้ส่วนใหญ่สภาพการแข่งขันของตลาดมักจะเน้นจุดขายที่รูปร่างลักษณะผ่านตัวนาฬิกา ทำให้ลูกค้าที่สนใจจะเป็นกลุ่มเดิม ๆ หรือมีแบรนด์เดิมที่อยู่ในใจลูกค้าอยู่แล้ว (Brand Loyalty) และในปัจจุบันก็มีการแข่งขันทางด้านราคาและด้านการตลาดมากขึ้น ดังนั้นทาง บริษัทฯ จึงได้จับมือกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศไทย อาทิ The Mall, Robinson, Istetan หรือ Flag Ship store อาทิ Loft @ Siam Discovery นำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย “
นายฟิลลิก กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะมีปัจจัยลบทางการเมือง เศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เชื่อว่าในช่วงหลังยังคงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคามาโดยตลอดซึ่งเริ่มจากปี 2552 ไปจนถึง ปี2553 และได้มีการขยายแบรนด์เข้ามาเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในปีหน้าจะนำเข้านาฬิกาเพิ่มอีก 7-8 แบรนด์ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าช่วงภายในปีหน้าจะสามารถกระตุ้นตลาดของนาฬิกาให้เติบโตได้มากขึ้น
ในส่วนของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน แม้เศรษฐกิจในครึ่งปีแรกของปี 2552 จะมีแนวโน้มที่ลดลง จะเห็นได้ว่า กลุ่มลูกค้าที่นิยมนาฬิกาแฟชั่น ก็ยังคงเป็นกลุ่มเดิมอยู่ เนื่องจากนาฬิกาแฟชั่นนั้น มีราคาที่ไม่สูงมากนัก พร้อมทั้งนาฬิกายังสามารถซื้อให้เป็นของขวัญในเทศกาลต่างๆ หรือแม้แต่จะซื้อใส่เอง พร้อมกับทางบริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางด้านราคา, การออกสินค้าใหม่ๆ ดีไซน์ที่ทันสมัย แปลก ไม่ซ้ำใคร เพื่อเป็นการช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจในการซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย” นายฟิลลิก กล่าวปิดท้าย