กรุงเทพฯ 8 ธันวาคม 2552 – เฮอร์บาไลฟ์เปิดแผนกลยุทธ์การตลาดสร้างแบรนด์ปี 2553 ผุด “นิวทริชั่น คลับ” ศูนย์กลางการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลทั้งในเขตเมืองใหญ่และภูมิภาค โหมกระแสคนรักสุขภาพ ปักธงประชาสัมพันธ์องค์กรผู้จำหน่ายเปิดคลับไม่น้อยกว่า 800 คลับทั่วประเทศ พร้อมกำหนดนโยบายในการกำกับดูแลผู้จำหน่ายที่ทำทำผิดกฎ หนุนแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค เผยผลประกอบการปี 2552 เติบโตต่อเนื่องในระดับตัวเลขสองหลัก โดยประเทศไทยยังคงรั้งตำแหน่งที่ 6 ที่มีการเติบโตสูงสุดจาก 13 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ความสนใจในสุขภาพส่วนบุคคลยังคงเป็นกระแสที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง เฮอร์บาไลฟ์ โดย มร.ทิม แซนซัน รองประธานภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ของเฮอร์บาไลฟ์ ประจำประเทศไทย ได้วางกลยุทธ์การตลาดสำคัญเพื่อขยายตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยการสร้างเครือข่ายสุขภาพภายใต้คอนเซ็ปท์ “นิวทริชั่น คลับ” หรือ “คลับ สุขภาพ” ศูนย์กลางเพื่อการสังสรรค์ของคนรักสุขภาพ ซึ่งเป็นโมเดลหนึ่งในกลไลความสำเร็จของเฮอร์บาไลฟ์ในกลายประเทศ
มร. แซนซัน กล่าวว่า แนวคิดของการจัดตั้งนิวทริชั่น คลับเริ่มขึ้นครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโก และต่อมาได้มีการดำเนินการจัดตั้งคลับกับอย่างแพร่หลายในประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับได้ว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด
ที่สำคัญของเฮอร์บาไลฟ์ โดยรูปแบบของนิวทริชั่น คลับแต่ละแห่งอาจจะมีความแตกต่างกันในหลายลักษณะ ทั้งรูปแบบ การตกแต่งและแนวทางการบริหาร ซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้ตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้จำหน่ายแต่ละคน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การให้บริการผลิตภัณฑ์เพื่อการมีภาวะโภชนาการที่เหมาะสมให้แก่ผู้ที่เข้ามาที่คลับ หรือสมาชิกของคลับ รวมถึงยังเป็นที่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกหรือเจ้าของคลับสามารถมาร่วมแบ่งปันข้อมูลด้านโภชนาการ แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น รวมถึงประสบการดีๆ เพื่อการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง บรรยากาศภายในคลับจะเน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง โดยมีผู้จำหน่ายอิสระเฮอร์บาไลฟ์เป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพของแต่ละคนอย่างใกล้ชิด
นอกจากการนำนิวทริชั่น คลับมาเป็นเครื่องมือในการขยายตลาดที่สำคัญในปี 2553 แล้ว มร.ทิม ยังกล่าวอีกว่า กลยุทธ์ทางการตลาดหลักของเฮอร์บาไลฟ์คือ การให้การสนับสนุนทางด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพชั้นนำและแผนการตลาดล้ำหน้า การจัดฝึกอบรมให้ความรู้เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการประกอบธุรกิจให้แก่ผู้จำหน่าย รวมถึงการจัดประชุมเพื่อเสริมสร้างความรู้ในวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งยังมีการกำกับดูแล และการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันภาพลักษณ์ของแบรนด์ ตลอดจนความมั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ตนเชื่อว่าจะช่วยทำให้แบรนด์เฮอร์บาไลฟ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“การซื้อผลิตภัณฑ์เฮอร์บาไลฟ์ผ่านทางผู้จำหน่ายอิสระ จะทำให้เราสามารถดูแล ติดตาม ให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจถึงผลลัพธ์จากใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายรับประกันสินค้า โดยสามารถรับเงินคืนได้ภายใน 30 วัน หากไม่พอใจในสินค้า ซึ่งบริษัทจะไม่สามารถรับประกันสินค้านี้ได้ ถ้าหากซื้อในช่องทางอื่นที่ไม่ใช่ผู้จำหน่ายอิสระของเฮอร์บาไลฟ์ และขณะนี้เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง” มร. แซนซัน กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของเฮอร์บาไลฟ์ทั่วโลกยังถือว่าน่าพอใจ แม้ว่ายอดขายในไตรมาสที่ 3/2552 จะมีอัตราลดลง โดยมียอดขายสุทธิคิดเป็นมูลค่า 600.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแกว่งตัวของค่าเงินดอลลาร์ และมีรายได้สุทธิจำนวน 57.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
มร. แซนซัน กล่าวเพิ่มเติมว่า เฮอร์บาไลฟ์ยังคงมีกระแสเงินสดที่คล่องตัว ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งในตลาดประเทศต่างๆ รวม 10 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ไต้หวัน บราซิล เกาหลี จีน อิตาลี เวเนซุเอลา มาเลเซีย และรัสเซีย ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายในระดับตัวเลข 2หลัก ได้แก่ เกาหลี มาเลเซีย และไต้หวัน
สำหรับตลาดที่มีอัตราการเติบโตของยอดขายเป็นตัวเลข 2 หลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีถึง 6 ประเทศ
จาก 13 ประเทศ ซึ่งผลประกอบการที่โดดเด่นของประเทศต่างๆ ในไตรมาสนี้ เป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้จัดจำหน่ายที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทและการมีโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเททำงานอย่างหนักมาโดยตลอดของผู้จำหน่ายอิสระในทุกประเทศ และด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้เอง ส่งผลให้เฮอร์บาไลฟ์มีจำนวนผู้จำหน่ายอิสระระดับผู้นำในเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 11.7% หรือประมาณ 90,000 คน
“ด้านยอดขายของเฮอร์บาไลฟ์ประเทศไทยใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมีอัตราเติบโตอยู่ในระดับเลขสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเชค ชาเขียวสกัดจากธรรมชาติ ส่วนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ ก็ได้รับความนิยมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และในต้นปี 2553 นี้ บริษัทมีแผนที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวใหม่ออกสู่ตลาดให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ติดตามและทดลองใช้ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถสนองตอบต่อความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแน่นอน” มร.ทิม กล่าวในที่สุด