ก.ล.ต. อนุมัติ ‘ไอเอฟเอส แคปปิตอล’ ขายหุ้น IPO

“ไอเอฟเอส แคปปิตอล” ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต ให้ขายหุ้น IPO ได้แล้ว คาดขายหุ้นและเข้า จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ไม่เกินกลางปีนี้ ตั้งธงเพิ่มศักยภาพธุรกิจเหนือคู่แข่ง ชูจุดแข็งฐานะการเงินแกร่ง เทคโนโลยีล้ำ รวดเร็ว ยืดหยุ่น จากประสบการณ์อันยาวนานของบุคลากร

นายตัน เล เยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟเอส แคปปิตอล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจแฟคเตอริ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นใหม่ต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ได้แล้ว โดยบริษัทฯ จะขายหุ้นใหม่จำนวน 120 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายฐานธุรกิจสินเชื่อแฟคเตอริ่ง และสินเชื่อทางการเงินอื่นๆ ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้งผู้ประกอบการขนาดใหญ่ อีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินงานของบริษัท

“สำหรับกำหนดวันขายหุ้นและวันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น ทางบริษัทฯ จะรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อน แต่น่าจะขายได้ไม่เกินกลางปีนี้” นายตัน กล่าว

สำหรับธุรกิจแฟคเตอริ่งเป็นบริการทางด้านการเงินเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันหรือต้องการขยายธุรกิจ เสริมสภาพคล่องทางการเงิน และส่งผลไปถึงการเพิ่มยอดขาย โดยบริษัทจะ รับซื้อลูกหนี้การค้าของผู้ประกอบการที่เกิดจากการค้าขายภายในประเทศและ/หรือส่งออกต่างประเทศ โดยมีกลุ่มลูกค้าที่สำคัญได้แก่ อุตสาหกรรมประเภทต่างๆ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร เครื่องดื่ม ยา กระดาษและบรรจุภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ รวมถึงการให้บริการด้านต่างๆ เช่น การรักษาความปลอดภัย การดูแลรักษาความสะอาด การจัดหาบุคลากร การโฆษณา และการคมนาคมขนส่ง

นายตัน กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ทำให้บริษัทฯ ยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำในธุรกิจแฟคเตอริ่งได้ ก็คือฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง การให้บริการที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่น โดยอาศัยบุคคลากรของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์สูง จึงมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สามารถพิจารณาเอกสารประกอบการขอสินเชื่อและอนุมัติวงเงินได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็วภายใน 7-10 วันทำการ และหลังจากได้รับอนุมัติแล้ว เมื่อลูกค้านำใบแจ้งหนี้หรือเอกสารทางการค้าที่เกี่ยวข้องมาแสดงเพื่อ ขอรับเงิน บริษัทสามารถโอนเงินให้ลูกค้าได้ภายในวันทำการถัดไป ในวงเงินสูงสุดถึงร้อยละ 90 ของจำนวนเงินที่ลูกค้ามีสิทธิเรียกเก็บ

นอกจากนี้บริการที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของบริษัทอย่างหนึ่งก็คือ การทำธุรกรรมทั้งหลาย ผ่านระบบออนไลน์ (E-Factoring) อย่างสมบูรณ์แบบครบวงจร โดยลูกค้าจะได้รับความสะดวกรวดเร็วในการบริการ และสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงิน หรือ สถานะทางบัญชีของตนเอง ได้แบบ real time ซึ่งถือเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ให้บริการแบบนี้

“ด้วยปัจจัยหนุนที่ครบถ้วน ทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน ประสบการณ์ของบุคลากร และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันที่สูง ส่งผลให้ บริษัทฯ ก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำของธุรกิจแฟคเตอริ่งรายหนึ่งในประเทศไทย” นายตัน กล่าวในที่สุด