คิงส์สเตลล่า เจ้าแห่งสเปรย์ปรับอากาศตัวจริง ทุ่ม 30 ล้าน รุกตลาด Purple Ocea

คิงส์สเตลล่า ผู้นำตลาดสเปรย์ปรับอากาศตัวจริง ที่ทำตลาดมานานกว่า 46 ปี ทุ่ม 30 ล้านบาท ลุยตลาดปี 2553 ในแนวคิดนอกกรอบ Purple Ocean เปิดตัว “คิงส์สเตลล่า นาโน แอ๊คทีฟ” ด้วยคอนเซ็ป “เกราะความหอม ถนอมบรรยากาศ” ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการย่อยสลาย และขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ทุกรูปแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วย 5 กลิ่น ได้แก่ กลิ่น Clean Home, Baby Powder, Berry Berry, Citrus Express และ White Sakura หวังเป้ายอดขายปีนี้กว่า 300 ล้านบาท พร้อมลุยส่งออกประเทศเพื่อนบ้านโซนเอเชีย และมีแผนขยายไปสู่ตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น หวังโกยรายได้อีกกว่า 60 ล้านบาทในปีนี้

นายชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพูลทรัพย์อินเตอร์ เคมีคอล จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจ รวมทั้งผลิต และจำหน่ายสเปรย์ปรับอากาศเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ สเปรย์หอมปรับอากาศ “คิงส์สเตลล่า” (King’s Stella) เปิดเผยว่า นับจากปี 2506 บริษัทฯ ได้ก่อตั้งขึ้น โดยคุณสุเทพ กิตติเกษมศักดิ์ ผู้สร้างตำนานธุรกิจนี้ ด้วยสโลแกนที่ว่า “กลิ่นดอกไม้นานา ชื่นอุราจริง ๆ …คิงส์สเตลล่า” จนฮิตติดปากคนไทยสมัยนั้น จนทำให้บริษัทถือได้ว่าเป็นผู้ที่รู้จริงในเรื่องอากาศหอม และมีผลิตภัณฑ์ปกป้องอากาศที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ที่มีการเริ่มจำหน่ายตามสถานบันเทิงก่อน อาทิ บาร์,คาเฟ่ และอาบอบนวด และเริ่มขยายไปยังห้างสรรพสินค้า และร้านค้าต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีตลอดมา ด้วยจุดเด่นที่เป็นสเปรย์ปรับอากาศที่มีกลิ่นหอม สดชื่น อันเป็นสูตรเฉพาะของ คิงส์สเตลล่า ที่แตกต่างจากคู่แข่งทั่วไป รวมถึงราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง และโดดเด่นด้วย Product Design ที่สะอาด สดใส และเป็นธุรกิจของคนไทย ที่รู้จริง และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสเปรย์ปรับอากาศเพื่อคนไทยมานานกว่า 46 ปี

และเพื่อเป็นการขยายตลาด โดยการคิดนอกกรอบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เราจึงได้โหมตลาดในแนวทางกลยุทธ์แบบ Purple Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง คือ

P คือ Planning วางแผนการตลาดแบบรัดกุมโดยมีสินค้าใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดทุก ๆ 3 เดือน
U คือ Unique ทุกกิจกรรมต้องแตกต่าง หรือการใช้สื่อ และช่องทาง และวิธีที่แปลกใหม่
R คือ Realities เป็นจริงได้ โดยการทดสอบกับผู้บริโภคทุกครั้ง
P คือ People Focus ใช้คนเป็นศูนย์กลาง โดยการดูแลพนักงานอย่างดี และให้ความสำคัญกับทุกความคิดเห็น
L คือ Lean ทำน้อย ๆ แต่ทำบ่อย ๆ (ทำแต่เนื้อ ๆ ไม่มีไขมัน)
E คือ Earth Concern ห่วงใยโลก โดยผลิตภัณฑ์ทุกชนิดของคิงส์สเตลล่า ไม่มีสาร CFC ซึ่งทำให้เกิดมลภาวะหรือสภาวะเรือนกระจก

ในแนวคิดนอกกรอบ Purple Ocean นี้ เราจึงได้สร้างความโดดเด่นในผลิตภัณฑ์ บริษัทฯ จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “คิงส์เตลล่า นาโน แอ๊คทีฟ” ด้วยคอนเซ็ป “เกราะความหอม ถนอมบรรยากาศ” 5 กลิ่นใหม่ กลิ่น Clean Home เหมาะสำหรับผู้รักสัตว์เลี้ยง และต้องการขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของสัตว์เลี้ยง ที่ยังหลงเหลืออยู่ในมุมต่างๆ ของที่พักอาศัยที่มีสัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่, กลิ่น Baby Powder เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบความอ่อนโยน ด้วยกลิ่นที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่น ให้ความหอมแบบกลิ่นแป้งเด็ก, กลิ่น Berry Berry ให้กลิ่นจากผลเบอร์รี่ชนิดต่างๆ ช่วยให้บรรยากาศของห้องอบอวลไปด้วยความหอมหวาน, กลิ่น Citrus Express ให้ความหอมสดชื่น กระปรี้กระเปร่าด้วยกลิ่นจี๊ดจ๊าดจากส้ม และ กลิ่น White Sakura ให้กลิ่นอายที่คุณสัมผัสได้ถึงบรรยากาศท่ามกลางดอกซากุระบาน อบอวลด้วยกลิ่นหอมละมุน จากดอกซากุระ ด้วยขนาด 300 ml. ฝาฉีดในตัว ในราคากระป๋องละ 105 บาท พิเศษช่วงแนะนำราคา 85 บาท

คิงส์เตลล่า นาโน แอ๊คทีฟ มีคุณสมบัติพิเศษ ที่ช่วยดับกลิ่นร้ายได้ทุกรูปแบบ รวมทั้งให้ความหอมสดชื่นไม่ซ้ำใคร ในสไตล์สูตรเฉพาะของคิงส์สเตลล่า และให้ความหอมสดชื่นที่ยาวนานกว่าเดิม โดยผ่านกรรมวิธีในการผลิต ด้วยสุดยอดเทคโนโลยีของการผสมผสาน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขจัดกลิ่น

ในทุกรูปแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยใช้ Nano Clean (Nano Silver) ที่ปลดปล่อยอนุภาคของธาตุเงินเพื่อขจัดกลิ่นที่มีต้นตอจากเชื้อแบคทีเรีย จึงช่วยขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ อาทิ กลิ่นอับในตู้รองเท้า / กลิ่นอับในห้อง / กลิ่นอับชื้นจากเครื่องปรับอากาศ / กลิ่นเหม็นจากขยะ เป็นต้น และมี Ozone – Purifier ที่ช่วยขจัดกลิ่นร้ายที่มาจากวัตถุกลิ่นแรง โดยทำหน้าที่ในการจับกลิ่นร้าย และย่อยสลายในระดับโมเลกุล เช่น กลิ่นห้องน้ำ กลิ่นบริเวณที่มีสัตว์เลี้ยง กลิ่นอาหาร กลิ่นบุหรี่ กลิ่นห้องครัว เป็นต้น

นายชนะพันธุ์ กล่าวต่ออีกว่า ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มปรับอากาศ ในกลุ่ม Continuous ได้แก่ คิงส์สเตลล่า มินิเฟรช, คิงส์สเตลล่า ออโต้เฟรชเจล,คิงส์สเตลล่า เฟรชชี่แบร์เจล และกลุ่ม Spray (สเปรย์กระป๋อง) แบ่งเป็น Perfume Spray ได้แก่ คิงส์สเตลล่า คลาสสิค, คิงส์สเตลล่า ซุปเปอร์นีโอเฟรช, คิงส์สเตลล่า เพียวเนเจอร์, คิงส์สเตลล่า เฟรชชี่แบร์แอนด์รีฟิล และ Functional Air Freshener Spray ได้แก่ คิงส์สเตลล่า ไฮจีนิค,
คิงส์สเตลล่า ออโต้เฟรช, คิงส์สเตลล่า โฟนเฟรช, คิงส์สเตลล่า นาโนแอคทีฟ (ใหม่!) และ 2. กลุ่มของ Household จะมีผลิตภัณฑ์น้ำยาเช็ดกระจกคิงส์สเตลล่าสูตร “ไร้สารแอมโมเนีย”

สำหรับยอดขายผลิตภัณฑ์ของ คิงส์สเตลล่า นั้น อันดับ 1 ยังคงเป็น King’s Stella Classic กระป๋องสีม่วง ที่ครองใจคนไทยมานานกว่า 46 ปี และอันดับที่ 2 King’s Stella Super NEO Fresh และ King’s Stella Mini Fresh และในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบในการทำการตลาดไว้ทั้งหมด 30 ล้านบาท โดยเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในส่วนของ Above the line และ Below the line ควบคู่กัน นอกจากนี้เรายังจัดกิจกรรมพิเศษเข้าถึงผู้บริโภค ด้วยการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้กว่า50,000 ชิ้นทั่วกรุงเทพ นอกจากนี้เรายังมีการพัฒนากลิ่นหอมพิเศษที่คิดค้นขึ้นอันเป็นสูตรเฉพาะของ คิงส์สเตลล่า เพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดในตลอดปี 2553 เพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 300 ล้านบาท

นายชนะพันธุ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้น เราส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศในเอเชีย และตะวันออกกลาง โดยผ่านช่องทางการทำตลาดทางออนไลน์ และการออก Road Show ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ รวมถึงการเป็นสมาชิกของกรมส่งเสริมการส่งออก โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 10 % ติดต่อกันมา 3 ปีแล้ว เนื่องจากพบว่าลูกค้าในต่างประเทศให้ความสนใจในตัวสินค้าสเปรย์ปรับอากาศมากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมั่นใจว่าเราผลิตสินค้า ภายใต้มาตรฐานสากลผ่านการรับรองระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 และ ISO 22716 (GMP for Cosmetic) รายแรกของไทยและเอเชีย จาก บริษัท เอสจี เอส (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้บริษัทมีแผนการขยายตลาดไปยังประเทศในแถบตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตในสัดส่วนที่สูง โดยปัจจุบันลูกค้าหลักในต่างประเทศจะเป็นในกลุ่มอาเซียน โดยคิดเป็นสัดส่วน 13 % และอีก 87 % เป็นยอดขายในประเทศ ซึ่งในปี 2553 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในส่วนของตลาดส่งออกอยู่ที่ 60 ล้านบาท

ปัจจุบันตลาดสเปรย์ปรับอากาศมีมูลค่ารวมกว่า 1,200 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5-7 % โดยในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายในการเติบโตเพิ่มขึ้นในช่องทาง General Trade อีก 40 % และในส่วนของ Modern Trade อีก 25 % พร้อมทั้งอัดโปรโมชั่น 360 องศาโดยสนับสนุนการขายให้กับกลุ่มผู้จำหน่ายทั่วประเทศ โดยใช้กลยุทธ์ทำกิจกรรมการตลาดแบบ IMC อย่างครบวงจร ให้ครอบคลุมสื่อโฆษณาทุกประเภท ทั้งหนังสือพิมพ์ แม็กกาซีน และพีโอพี (POP) นอกจากนี้ยังมุ่งในการเข้าร่วมทำกิจกรรมกับห้าง Modern Trade เพิ่มมากขึ้น นายชนะพันธุ์ กล่าวปิดท้าย