ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1/53 ยอดขาย 34.2 ล้านบาท กำไร 1.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% และ 174% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว การเมืองไม่มีผลกระทบ ลูกค้าเก่าขยายงาน ลูกค้าใหม่เข้ามาเพียบ เตรียมขยายธุรกิจซื้อสื่อ พร้อมรีแบรนด์ เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ. ทรีซิกตี้ไฟว์
นายนิมิตร หมดราคี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ว่าผลประกอบการไตรมาส 1/53 มียอดขาย 34.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 84% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 18.6 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นคิดเป็น 174% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่มีผลขาดทุน 1.9 ล้านบาท ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นนั้น เนื่องจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในปีที่ผ่านมา และการคุมเข้มเรื่องค่าใช้จ่าย บริษัทย่อยทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัท เวิร์ค บาย ฮาร์ท จำกัด ทำธุรกิจด้านการผลิตและขายสื่อ และบริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด ให้บริการด้านงานประชาสัมพันธ์
ในช่วงไตรมาส 1/53 ที่ผ่านมา บริษัทฯมีลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้น อาทิ Resort World Sentosa,สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา, กรมทรัพย์สินทางปัญญา, งานประชุมสหภาพรัฐสภาโลก, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สายการบินไทยแอร์เอเชีย, บมจ.อีสต์ วอเตอร์, มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ด, บ.เชาว์เวอร์คิง, บมจ.สามารถ ไอโมบาย ฯลฯ รวมถึงลูกค้าเดิม เช่น บมจ.ท่าอากาศยานไทย, มาสเตอร์ การ์ด ที่ยังคงใช้บริการของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และล่าสุดบริษัทฯ ได้รับรางวัล Best Agency Award จาก Resort World Sentosa ซึ่งให้รางวัลบริษัทเนื่องจากผลงานยอดเยี่ยมในการ วางแผน กำหนดยุทธศาสตร์ ดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์ และสื่อสารการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพลักษณ์ของ Resort World Sentosa เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง โดยใช้งบประมาณไม่มาก ทั้งนี้มีเอเจนซี่ทั้งหมดที่ทำงานให้ Resort World Sentosa จำนวน 10 บริษัทจากทั่วโลก
“จากผลประกอบการไตรมาส 1/53 นับเป็นสัญญาณที่ดี ผมมองว่าธุรกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว และคาดว่าสถานการณ์จะดีต่อเนื่องไปตลอดปี โดยคาดว่าผลประกอบการทั้งปีของบริษัทฯ จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% และขณะนี้มี Back Log อยู่เกือบ 80 ล้านบาท และยังรอผลการประมูลงานภาครัฐอีกหลายโครงการ ขณะที่ลูกค้าเดิมก็ยังคงใช้บริการอยู่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นไปตามกฏเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่อนุญาตให้ผู้บริหารดำรงตำแหน่งทับซ้อนกัน ผมในฐานะประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ลาออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่บริหารแล้วและมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 แต่ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไปก่อน และได้แต่งตั้งให้เป็นประธานในการสรรหาซีอีโอคนใหม่ด้วย”นายนิมิตร กล่าว
นายนิมิตร กล่าวต่อว่า จากการที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่มีความถนัดในธุรกิจด้านการผลิตและขายสื่อ และธุรกิจดังกล่าวก็มีอนาคตที่ค่อนข้างสดใส เพื่อให้บริษัทฯ มีความชัดเจนในการดำเนินงานมากขึ้น คณะกรรมการมีความเห็นว่า บริษัทควรจะมุ่งดำเนินงานในด้านการผลิตและขายสื่อเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้านนั้น หากคณะผู้บริหารไม่มีความเชี่ยวชาญพอก็ควรดำเนินงานในลักษณะของพันธมิตรทางการค้า
“เมื่อบริษัทฯ มีทิศทางการดำเนินงานที่ชัดเจน และมุ่งไปด้านธุรกิจซื้อสื่อ ผมจึงขอซื้อธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์คือ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด ออกมาดำเนินการเอง โดยผม และทีมงานเดิมของธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีคุณโสภาวดี จันทร์ถาวร เป็นกรรมการผู้จัดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด จะย้ายไปยังอาคารแห่งใหม่ที่อาคารกรมดิษฐ์ ถนนเพชบุรีตัดใหม่ในวันที่ 1 มิถุนายน 2553”นายนิมิตร กล่าว
นอกจากนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติให้เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็นบริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ Three Sixty Five เพื่อสร้างความชัดเจนใน Brand ใหม่ ให้ลูกค้าในส่วนของธุรกิจผลิตและขายสื่อ เนื่องจากชื่อเดิมนั้นเป็นที่จดจำในธุรกิจที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์มากกว่า การเปลี่ยนชื่อน่าจะมีส่วนช่วยลดความสับสนที่จะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมีการเรียกประชุมวิสามัญผู้หุ้นเพื่อขออนุมัติกับผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 มิถุนายน 2553