iPad ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์

iPad จะเปลี่ยนแปลงการใช้คอมพิวเตอร์ การอ่านหนังสือ และการดูทีวี รวมถึงเสรีภาพในการเลือกด้วย

และแล้ว iPad ของ Apple ก็สร้างปรากฏการณ์และความเกรียวกราวที่สุดได้อีกครั้ง ดูเหมือนว่า Apple จะผูกขาดการสร้างปรากฏการณ์ไปแล้ว ทุกครั้งที่ออกสินค้าตัวใหม่ เพราะก่อนหน้า iPad ก็ยังไม่เคยมีการเปิดตัวอุปกรณ์ไฮเทคใหม่ครั้งใด ที่จะเกรียวกราวยิ่งไปกว่า iPhone เมื่อเกือบ 3 ปีก่อน
หลายคนบอกว่า iPad ไม่เห็นมีอะไรให้น่าตื่นเต้น ก็แค่เครื่อง iPhone ยักษ์ หรือ iPod Touch ที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง บางคนบอกว่า iPad จะเล็กก็ไม่เล็ก จะใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะพกพาก็ใหญ่เกินไป และเล็กเกินกว่าจะบอกได้ว่า เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ
แต่มีคำตอบง่ายๆ ว่า ทำไมคนจึงยังตื่นเต้นกับ iPad หนึ่งก็คือ เพราะ iPad เป็นของ Apple บริษัทที่สามารถสร้างความฮือฮาได้ทุกครั้งที่ออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ และสองคือ Apple เป็นของ Steve Jobs ผู้เปลี่ยนแปลงการใช้คอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล ด้วยการทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือไฮเทคที่ทุกคนอยากใช้ Jobs เปลี่ยนแปลงธุรกิจภาพยนตร์ เมื่อเขาซื้อ Pixar และให้กำเนิดยุค Computer Animation เขาครอบครองธุรกิจเพลงด้วยเครื่อง iPod และร้านขายเพลงออน์ไลน์ iTunes และสุดท้ายก่อนหน้า iPad ก็คือ iPhone ซึ่งวางตลาดมานานถึงเกือบ 3 ปีแล้ว แต่ยังคงไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่เจ้าอื่นใดทาบรัศมีติด
ว่ากันว่า iPad เป็นโปรเจกต์ส่วนตัวสุดรักของ Jobs เขาทุ่มเทกับการสร้าง iPad นานหลายปี แม้ขณะที่ยังกำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดเปลี่ยนตับ บางคนบอกว่า iPad คืออุปกรณ์ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อตัวเขาเองจริงๆ เป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับตัวเขานั่นเอง Jobs ประกาศว่า iPad คือ “คอมพิวเตอร์มหัศจรรย์ที่จะปฏิวัติคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง” และบอกกับคนใกล้ชิดว่า iPad คือผลิตภัณฑ์สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยสร้างมา
Phill Schiller ผู้บริหารระดับสูงของ Apple ซึ่งดูแลการวางตลาด iPad โดยเฉพาะ ตอบโต้คนที่บอกว่า iPad ไร้ความน่าตื่นเต้น และมองดูเหมือนเป็นเพียง iPhone หรือ iPod Touch ยักษ์เท่านั้นว่า แล้วแต่คนจะมองให้เป็นบวกหรือเป็นลบก็ได้ แต่โชคดีที่ลูกค้า Apple หลายล้านคนมองเป็นบวก พวกเขาเห็นว่าการที่หน้าตาของ iPad เหมือน iPhone ยักษ์ สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและผ่อนคลาย ตั้งแต่แรกที่เห็น iPad ยิ่งไปกว่านั้น อุปกรณ์ทุกอย่างของ Apple ที่ผู้ใช้ล้วนยอมรับในความยอดเยี่ยมนั้น หาใช่เป็นเพราะว่าอัดแน่นไปด้วยโปรแกรมไฮเทคที่ใช้งานยากไม่ หากแต่เป็นเพราะประทับใจใน “ประสบการณ์” อันยอดเยี่ยมที่ Apple มอบให้แก่ผู้ใช้ต่างหาก
iPad ก็เหมือนกับผลิตภัณฑ์สุดยอดของ Apple ทุกตัว เครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Tablet เครื่องนี้ มีหน้าจอระบบสัมผัส ซึ่งใช้งานง่ายมาก เพราะมี User Interface ที่เป็นธรรมชาติเสียจนผู้ใช้ไม่รู้สึกว่ามีความยุ่งยากในการใช้งานแม้แต่น้อย iPad ใช้ระบบปฏิบัติการเดียวกับ iPhone จึงเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ง่ายกว่า Mac ของ Apple เอง iPad คล้าย iPhone ตรงที่สวยงาม บางเบา ด้วยหน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว หนัก 1 ปอนด์ครึ่งหรือ 680 กรัม เปิดดูหนังได้ 10 ชั่วโมงรวดโดยไม่ต้องชาร์จแบตฯ คุณจะวาง iPad ไว้ในห้องนั่งเล่น เพื่อเช็ก e-mail หรือท่อง Internet ก็ได้ จะไว้ในห้องอาหาร สำหรับอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลาง รับประทานอาหารเช้าไปพลาง ก็ไม่เลว หรือจะพกขึ้นเครื่องบินไว้อ่านหนังสือหรือดูหนัง ก็เหมาะทั้งนั้น
Apple ได้รับคำสั่งซื้อ iPad ล่วงหน้าถึง 240,000 เครื่อง นักวิเคราะห์คาดว่า Apple จะขาย iPad ได้ 5 ล้านเครื่องในช่วง 12 เดือนแรก หนึ่งในคนที่จอง iPad ล่วงหน้าคือ Steve Wozniak ผู้ก่อตั้ง Apple ร่วมกับ Jobs เขาบอกว่า iPad คือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ง่ายยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์ใดๆ และเชื่อว่า iPad จะประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล
“ใช้ง่าย” คือสิ่งที่ทำให้หลายคนบอกว่าจะทำให้ iPad ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ และนำคอมพิวเตอร์เข้าสู่ยุคใหม่อีกครั้ง โดยจะเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของคนที่มีต่อคอมพิวเตอร์ไปตลอดกาล ลำพังการที่ iPad เชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดยที่คุณไม่ต้องต่อเข้า Internet เอง ก็คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากแล้ว เพราะคุณสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง iPad จึงเป็นอุปกรณ์กระตุ้นการซื้อได้อย่างชะงัดนัก iPad ยังจะกลายเป็นทีวี เป็นหนังสือพิมพ์ และเป็นชั้นหนังสือให้คุณได้ในที่สุด ส่วน Apple ก็จะกลายเป็นบริษัทเคเบิลของคุณ ที่ขายสมาชิกผ่านร้านออนไลน์ iTunes ของ Apple เพื่อให้คุณสามารถดูรายการหรือช่องรายการที่ต้องการได้
แม้ iPad จะสะท้อนความฝันอันยิ่งใหญ่ของ Jobs ที่ต้องการท้าทายความคิดเก่าๆ แต่ในขณะเดียวกัน iPad กลับเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันความตั้งใจอีกอย่างของ Jobs ที่ต้องการท้าทายปรัชญาของ Silicon Valley เช่นกัน ซึ่งเชื่อแต่ไหนแต่ไรมาว่า Internet ควรทำให้ผู้บริโภคมีเสรีภาพในการเลือก แต่ Jobs กลับต้องการทำให้ Internet เป็นระบบปิดอย่างสมบูรณ์ Apple ไม่ได้กำลังขายผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็น “ร้านเดียวในโลก” ที่มีซอฟต์แวร์ที่ใช้กับอุปกรณ์ของ Apple ได้ วางขายอยู่
ใครๆ เคยคิดว่า การผูกขาด Internet น่าจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว หลังจากที่เกิดการปฏิวัติ PC จนเป็นอิสระจากการผูกขาดโปรแกรม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพังกำแพงที่ปิดล้อม Internet ตามมาด้วยการที่สามารถใส่ทุกอย่างบน Internet และทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี แต่ Jobs กลับเชื่อมั่นว่า เขาจะสามารถล็อก Internet เป็นระบบปิดได้อีกครั้ง ด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม เหนือความคาดหมายของผู้บริโภค แม้กระทั่งคนที่จู้จี้ที่สุด Jobs ยืนยันว่า การควบคุมที่เข้มงวดขึ้นของเขาจะทำให้ Apple สามารถสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ ระหว่างผู้ใช้กับเทคโนโลยีต่อไปได้ แต่สิ่งที่แน่นอนไปกว่านั้นก็คือ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของ Apple
iPhone ทำให้การซื้อเป็นเรื่องง่ายถึงง่ายที่สุดโดยผ่านร้านออนไลน์ iTunes ของ Apple เอง และเมื่อ iPad มาถึง ก็ยิ่งจะทำให้เกิดการซื้อมากขึ้นอีก ทั้งภาพยนตร์ หนังสือ ละครชุดทางโทรทัศน์ Apple ได้ส่วนแบ่ง 30% ต่อการซื้อทุกครั้งของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์หรือเนื้อหา รวมไปถึงการซื้อหนัง เพลงและหนังสือด้วย ดังนั้น การขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple จึงไม่ใช่การขายขาดเพียงครั้งเดียว แต่ iPad แต่ละเครื่องที่ Apple ขายไป จะกลายเป็นตัวสร้างการซื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสร้างรายได้ครั้งแล้วครั้งเล่าให้แก่ Apple อย่างไม่รู้จบ
Apple เริ่มสร้างระบบปิดตั้งแต่เมื่อ 7 ปีก่อน คือตั้งแต่ที่เริ่มเปิดร้านออนไลน์ iTunes Store เพื่อขายเพลงและสื่อดิจิตอลที่ใช้สำหรับเครื่อง iPod ตามด้วยการออก iPhone และร้านออนไลน์ App Store รายได้ที่เกิดจากการซื้อซ้ำบนร้านค้าออนไลน์ของ Apple ทำให้ยอดขายของ Apple โต 12% ในปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ไม่น่าแปลกใจที่โมเดลธุรกิจแบบนี้ จะไม่ถูกเลียนแบบ Amazon ออกเครื่องอ่านหนังสือ Kindle ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดหนังสือฟรีจากแหล่งอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก Amazon ได้ แต่หากต้องการ “ซื้อ” หนังสือล่ะก็ จะต้องซื้อจากเว็บของ Amazon เท่านั้น Microsoft เชื่อมเครื่องเล่นเพลง Zune ของตน กับร้านออนไลน์ Zune Marketplace คล้ายๆ กับที่ Apple ทำกับ iPod และ iTunes Store
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการทวนประวัติศาสตร์เทคโนโลยีตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ยุคที่เรามีผู้ผลิตชิปหรือไมโครโพรเซสเซอร์คือ Intel และ AMD มีระบบปฏิบัติการอย่าง Windows ของ Microsoft มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผลิตโดย Dell, HP และอื่นๆ และมีโปรแกรมมากมายที่ผลิตโดยบริษัทซอฟต์แวร์อิสระนับพันๆ แห่ง แม้ว่าเมื่อดูโดยพื้นฐานแล้ว การพยายามเดินหน้าไปสู่ระบบปิดของ Apple จะเป็นโมเดลการขยายธุรกิจแบบ Vertical Integration ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบรรทัดฐานของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์มาก่อน ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติ PC ซึ่ง Jobs เองมีส่วนช่วยให้เกิดขึ้น เพราะการที่ Apple สร้างชิปเอง แทนที่จะใช้ชิปที่ทุกๆ คนใช้ได้เหมือนกัน ทำให้ Apple สามารถผนึกรวมระบบปฏิบัติการของตัวเอง เพื่อให้ใช้งานเข้ากับชิปที่ตัวเองผลิตขึ้นเอง ให้ดีขึ้นอย่างชนิดที่คู่แข่งไม่อาจจะตามทันได้
นี่อาจเป็นฝันที่เป็นจริงของ Jobs แต่เป็นการกระทำที่แม้กระทั่ง Microsoft ก็ยังไม่เคยกล้าทำ แม้ในช่วงที่ยังรุ่งโรจน์สุดขีด ผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ในโลกของ Jobs กำลังสูญเสียเสรีภาพ แลกกับการได้ใช้อุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย และทำงานในแบบที่มันควรจะเป็น โดยไม่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่ผู้ใช้ เหมือนอย่างที่อุปกรณ์ไฮเทคส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นนั้น
แต่สิ่งที่ผู้ซื้อต้องสูญเสียไปคือ การไม่สามารถใช้ Web Browser อื่นใดได้ นอกจาก Safari ซึ่งสร้างโดย Apple ไม่สามารถเล่นวิดีโอที่สร้างด้วยโปรแกรม Adobe’s Flash ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้เล่น 75% ของ Web video และรวมถึงทุกอย่างที่อยู่บนเว็บ Hulu ซึ่งก็หมายความว่า คุณต้องซื้อรายการต่างๆ จากเว็บ iTunes เท่านั้น และทุกอย่างที่คุณซื้อจาก iTunes ถูกเข้ารหัสที่ทำให้เนื้อหาเหล่านั้นสามารถเล่นได้เฉพาะบนอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น ดังนั้น หากคุณซื้ออุปกรณ์ใหม่ของเจ้าอื่นที่ไม่ใช่ Apple คุณจะไม่สามารถย้ายเนื้อหาใดๆ ที่เก็บอยู่บน iPad หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดของ Apple ไปยังเครื่องใหม่ได้ Apple ยังห้ามใช้โปรแกรมของคู่แข่งบนผลิตภัณฑ์ของตนมาแล้ว อย่างเช่นในปีที่แล้ว Apple ได้สั่งห้ามใช้โปรแกรม Google Voice บน iPhone
Jonathan Zittrain ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก Harvard Law School และผู้ร่วมก่อตั้ง Berkman Center for Internet & Society ชี้ว่า นี่คือเส้นทางที่อันตราย สิ่งที่ผู้ซื้อต้องสูญเสียไปคือเสรีภาพในการเลือกเนื้อหา เลือกที่จะรับประสบการณ์ และอื่นๆ บนอุปกรณ์ไฮเทคของตัวเอง และอันตรายอีกอย่างคือ ผู้ซื้ออาจไม่รู้ตัวว่ากำลังหลงใหลในสิ่งที่อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีจริงๆ
แต่ Apple โต้ว่า สิ่งที่หายไปใน iPad (iPad ไม่มี Adobe Flash ไม่มีการทำงานแบบ Multitasking และไม่มีกล้อง) นี่เอง คือสิ่งที่ Apple ภูมิใจที่สุด Jonathan Ive นักออกแบบคนสำคัญของ Apple เจ้าของผลงานการออกแบบ iMac อันลือลั่นกล่าวว่า การกลั่นกรองแล้วกลั่นกรองอีก จนไม่เหลือช่องว่างใดๆ ระหว่างผู้ใช้กับสินค้าไฮเทคของ Apple ก็คือ แก่นความคิดของ Apple ซึ่งไม่ได้มองผลิตภัณฑ์ไฮเทค ว่าเป็นผลรวมของสเปกคุณสมบัติการใช้งาน เหมือนอย่างที่คนทั่วไปมอง แต่ Apple มองถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้กับเครื่องมือไฮเทค iPad ทำงานได้ทุกอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นใช้เพื่อการทำงานด้วยโปรแกรม Office เช็ก e-mail หรือท่อง Internet เล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง แต่ผู้ใช้ไม่ได้มอง iPad เป็นเพียงแค่ “เครื่องมือ” แต่พวกเขารู้สึกผูกพันกับมัน เหมือนที่คนผูกพันกับสัตว์เลี้ยงแสนรักของตน เพราะมันทำให้พวกเขา “ยิ้ม” ได้ Apple สามารถจับจุดความเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้ใช้การคิดคำนวณ หากแต่ใช้ความรู้สึกในการตอบสนองสิ่งต่างๆ นี้ได้ จนกลายเป็นความสำเร็จของ Apple
Jobs กล่าวว่า Apple ไม่เคยตั้งต้นที่การผลิตสินค้าเพื่อขาย แต่ตั้งต้นที่ตัวผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ของผู้ใช้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ของ Apple จึงอยู่ระหว่างศิลป์กับเทคโนโลยี
ขณะนี้ผู้บริโภคดูเหมือนจะเต็มใจที่จะสูญเสียเสรีภาพเพียงเล็กน้อย เพื่อแลกกับการได้เข้าสู่โลกของ Apple iPad มาพร้อมกับโปรแกรมที่สามารถใช้งานได้พร้อมอยู่แล้วมากมายถึง 150,000 โปรแกรม เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่พัฒนามาเพื่อ iPhone ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้บน iPad ได้ นอกจากนี้ ยังจะมีโปรแกรมใหม่ๆ ตามมาอีกหลายพันโปรแกรม ที่จะสร้างเพื่อ iPad โดยเฉพาะ ตอนนี้ Apple ก็กำลังปรับโปรแกรม Word Processing, Spreadsheet และโปรแกรม Presentation ต่างๆ ที่อยู่บน Mac ให้ใช้กับ iPad ได้ด้วย และจะใส่โปรแกรมง่ายๆ ที่ Apple พัฒนาเอง ไว้ใน iPad เลย ทั้งปฏิทิน, แผนที่, Address Book, โปรแกรม Photo Manager, Notepad e-mail และ YouTube
Apple ชอบมากที่จะปกปิดทุกอย่างเป็นความลับ ไม่ให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเมอร์จากภายนอกได้รู้ แต่แม้ว่า Apple อาจจะเป็นฝันร้ายสำหรับการทำงานร่วมกัน แต่การที่ Apple ขาย iPhones กับ iPod Touch ไปได้ถึง 75 ล้านเครื่อง และยังมีร้านค้าออนไลน์ที่บรรดานักพัฒนาโปรแกรมสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้พวกเขายังคงพร้อมที่จะสร้างโปรแกรมใหม่ๆ ให้แก่ Apple เพราะอาจมีโอกาสทำเงินได้มหาศาล
Bart Decrem ผู้ก่อตั้งและ CEO Tapulous ผู้ผลิตเกมดังอย่าง Tap Tap Revenge และ Riddim Ribbon บน iPhone และ iPod Touch ด้วยยอดดาวน์โหลดที่ลือกันว่าทำรายได้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ชื่นชม Apple ว่า สร้างระบบนิเวศน์ทางเทคโนโลยีที่ลูกค้าไว้วางใจได้ และง่ายต่อนักพัฒนาโปรแกรมในการสร้างโปรแกรม Apple จึงเป็นบริษัทที่นักพัฒนาโปรแกรมอยากทำงานด้วยเสมอ และขณะนี้ Tapulous ก็กำลังสร้างเกมใหม่ให้แก่ iPad
ความคลั่งไคล้ใน iPad จะมีมากเพียงใด Tip Hawkins ผู้โชกโชนในอุตสาหกรรมไฮเทค เคยทำงานใน Apple และเคยเป็นผู้ก่อตั้ง Electronic Arts ยักษ์ใหญ่ด้านวิดีโอเกม แต่ขณะนี้เป็น CEO ของ Digital Chocolate ผู้ผลิตเกม ชี้ว่า เมื่อ Google และอีกหลายเจ้ากำลังวิ่งแข่งกันเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์ Tablet จะทำให้ตลาด Tablet รุ่งสุดขีด Hawkins คาดว่า ภายในเวลา 10 ปี จะมี Tablet ถูกขายไปได้ถึง 1,000 ล้านเครื่องทั่วโลก ส่วน Paul Saffo นักพยากรณ์ความเป็นไปในอุตสาหกรรมไฮเทค และศาสตราจารย์จาก Stanford University คาดว่า Apple จะสร้างครอบครัว iPad ออกมา โดยเครื่องในตระกูล iPad รุ่นเล็กที่สุดในอนาคต อาจเล็กเท่าพ็อกเกตบุ๊ก ส่วนเครื่องที่ใหญ่ที่สุดก็อาจเท่ากับหน้าคู่นิตยสาร โดยเราอาจเห็นอย่างเร็วที่สุดภายในปีนี้ และต่อไป Apple อาจสามารถสร้างคอมพิวเตอร์ Tablet ที่เหมือนกับผ้า ซึ่งคุณสามารถม้วนหรือพับเหมือนแผนที่ และพกไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ
นี่ไม่ใช่การคาดการณ์ที่เกินจริงเลย ยังไม่มีใครรู้ว่าศักยภาพของ iPad จะมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด แต่หลายคนเชื่อว่า iPad จะต้องให้กำเนิดโปรแกรมใหม่ๆ ที่สุดยอดชนิดที่คนคาดคิดไม่ถึง ดูอย่าง iPhone ออกขายไม่ถึง 3 ปี และร้าน App Store ของ Apple ก็ยังไม่ครบ 2 ขวบปีเลย แต่สามารถออกโปรแกรมใหม่ๆ แล้วถึง 150,000 โปรแกรม ซึ่งมีคนดาวน์โหลดมากกว่า 3,000 ล้านครั้ง แต่ iPad ยิ่งเหนือไปกว่า iPhones ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่า การทำงานที่เร็วกว่า และมีระบบนิเวศน์ทางเทคโนโลยีที่ส่งเสริมการทำงานของนักพัฒนาโปรแกรมที่ดีกว่า และเหนืออื่นใดก็คือ การมีลูกค้าที่ภักดีอีกนับล้านๆ คน ซึ่งมักหิวกระหายในโปรแกรมใหม่ๆ ที่ Apple จะสร้างขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์จึงคาดการณ์ว่า iPad จะสร้างรายได้ให้แก่ Apple 2,500 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ หรือเท่ากับผลกำไรของ Apple จะกระโดดขึ้นไปอีกเกือบ 50% ไปอยู่ที่ระดับ 54,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
หลายคนยังพูดกันว่า iPad จะมาปราบ Kindle ของ Amazon สำนักพิมพ์ต่างๆ ซึ่งกำลังหาทางหนีออกจากการควบคุมของ Amazon ในเรื่องราคาหนังสือ ต่างยินดีต้อนรับ iPad อย่าง John Makinson ประธานและ CEO สำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ Penguin กล่าวว่า การมาถึงของ iPad ช่วยดึงอำนาจการควบคุมให้กลับคืนมาเป็นของสำนักพิมพ์อีกครั้ง และเขาเชื่อว่า iPad จะเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมหนังสือ Tracy Futhey จาก Duke University ฝากความหวังกับ iPad ในด้านการศึกษา ว่าจะสามารถผสมผสานตำราวิชาการ ภาพเคลื่อนไหว วัสดุการเรียนการสอน และการมีส่วนร่วมของนักศึกษาได้
Michel Guillemot ผู้ก่อตั้ง Gameloft หนึ่งในผู้พัฒนาเกมสำหรับ iPhone ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เห็นว่า iPad คือการปฏิวัติวงการเกมก้าวที่ 4 โดยก้าวแรก เริ่มที่การกำเนิดของ Microcomputer ตามด้วยเครื่องเล่นเกม และการเกิดขึ้นของ Smartphone ส่วนก้าวที่ 4 ก็คือ iPad
แต่สุดท้ายแล้ว iPad จะเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ ที่จะสามารถปฏิวัติวิถีชีวิตของเราได้จริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้นั่นเอง**

เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ แปลและเรียบเรียง
นิวสวีค, ไทม์

ตลาดไม่ชัด แต่กลับสำเร็จ

กรณีศึกษาชั้นเยี่ยมที่ทุกบริษัทต้องเรียนรู้ แม้ตลาดของไอแพดจะยังไม่ชัดเจนว่าคือกลุ่มไหน แต่ไอแพดกลับกลายเป็นกระแสที่ทุกคนให้ความสนใจ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่หลายธุรกิจไม่ควรมองข้าม
สุกรี พัฒนภิรมย์ นักวิชาการเนคเทคที่มีโอกาสสัมผัสไอแพดตัวจริงมาแล้วระบุว่า สิ่งที่ธุรกิจสามารถเรียนรู้จากปรากฏการณ์ไอแพดที่เกิดขึ้น คือ กลยุทธ์การตั้งราคาและการพัฒนาความสามารถที่โดนใจผู้บริโภค? แอปเปิลตั้งราคาไอแพดต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์มองไว้ คือ 499 เหรียญสหรัฐ (รุ่นWiFi 16 GB) ผลคือไอแพดสามารถควบคุมเกมในตลาดได้ โดยเฉพาะในตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตยุคใหม่ ไอแพดตั้งราคาให้ต่ำกว่าแท็ปเล็ตทุกตัวที่เคยประกาศล่วงหน้ามาแล้ว แบรนด์ที่เคยทำตลาด หรือกำหนดราคามาก่อนหน้านี้ ย่อมตกที่นั่งลำบาก หากไม่ลดราคา ก็ต้องเพิ่มฟีเจอร์ที่เยอะกว่า
สอง-แบตเตอรี่ของไอแพด ใช้งานแบตฯต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ไอแพดไม่แพ้ทางโน้ตบุ๊ก หรือ Netbook เพราะยังไม่มีแบรนด์ไหนที่ออกมาการันตีได้เต็มปากว่าสามารถทำงานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง
สาเหตุที่ไอแพดทำได้ เพราะถูกออกแบบให้แบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของฝาหลัง ทำให้เครื่องมีขนาดบางลง จนสามารถเพิ่มเซลแบตเตอรี่ลงไปได้มากขึ้น
ที่สำคัญ นำไปสู่ช่องทางสร้างรายได้อีกทางของแอปเปิลด้วย นั่นคือธุรกิจประกันแบตเตอรี่ เนื่องจากแบตเตอรี่ซึ่งติดกับฝาหลังนั้นไม่เหมาะที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนด้วยตัวเอง งานบริการจึงตกถึงมือแอปเปิลซึ่งคลอดโมเดลขายประกันแบตเตอรี่ขึ้นมาต่อยอดได้อีก
นอกจากนี้ ประสิทธิภาพอันโดดเด่นในเรื่องของการบูตเครื่องได้เร็วมากของไอแพด และสินค้าในตระกูลแอปเปิลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน และไอพ็อด เนื่องจากเครื่องนั้นใช้แบตเตอรี่ตลอดเวลา การสั่งปิดเครื่องเป็นแค่การพักการทำงานหรือหลับเท่านั้น เพราะเมื่อสั่งเปิดเครื่องจึงบูตเร็วมาก โอกาสแบตเตอรี่เสื่อมเร็วย่อมมีมาก จนกลายเป็นเรื่องปกติของแมคอินทอช ที่สาวกส่วนใหญ่จะรับรู้
แอปเปิลจึงต้องหาทางออก โดยให้สาวกไอแพดได้เปลี่ยนแบตฯเป็นรายปี นอกจากแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังทำให้แอปเปิลมีรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่มด้วย

10 แท็บเล็ตพีซี แข่งไอแพด

1. HP’s Slate PC ราคา 549-599 เหรียญสหรัฐ
2. Dell Streak (Mini5) จะเปิดตัวกลางปี 2010
3. Fusion Garage JooJoo ราคา 499 เหรียญสหรัฐ
4. Microsoft Courier เปิดตัวครึ่งหลังของปี 2010
5. Lenovo IdeaPad U1 ราคา 1,000 เหรียญสหรัฐ
6. Notion Ink Adam เปิดตัวประมาณกรกฎาคม 2010
7. Netbook tablets เช่น Viliv S10 Blade, theAsus Eee PC T101MT 
8. ExoPC Slate เปิดตัวมิถุนายน-กรกฎาคมนี้
9. ICD Ultra ราคา 250 เหรียญสหรัฐ
10. Archos 9 PC Tablet ประมาณ 700 เหรียญสหรัฐ