กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มปี ‘53 : ปรับกลยุทธ์การตลาด…อิงกระแสฟุตบอลโลก 2010

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่มีแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพนั้น นับเป็นการแข่งขันฟุตบอลอีกรายการหนึ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยมานานถึง 4 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน และคาดว่า จะเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการดื่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มกันมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ตั้งหน้าตั้งตารอชมการแข่งขันในคู่ดึก (เวลาประมาณ 01.30-03.30 น.) ซึ่งจะเป็นการแข่งขันของทีมดังๆ เช่น อาร์เจนตินา บราซิล เยอรมนี เป็นต้น ดังนั้น กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มจึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว เนื่องจาก ผู้บริโภคอาจเกิดอาการง่วงจนไม่สามารถรอดูการแข่งขันได้

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการที่จะทำการตลาดโดยอิงกระแสฟุตบอลโลกเพื่อช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายกาแฟกระป๋องในปีนี้ให้เติบโตขึ้น เช่น การส่งฝากระป๋องเพื่อชิงโชคลุ้นตั๋วรางวัลไปเที่ยวที่แอฟริกาใต้ หรือการสะสมฝากระป๋องเพื่อแลกของรางวัลที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลก เป็นต้น

ภาพรวมกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มปี ‘53…มูลค่าตลาดรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
ผลของสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มประเภทกาแฟ ส่งผลให้ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มยังคงไม่คึกคักมากนัก ถึงแม้จะมีผู้เล่นหลายรายพยายามออกสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มของกาแฟพร้อมดื่มพรีเมี่ยม แต่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ อัตราการขยายตัวของตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มยังคงชะลอตัว กล่าวคือ จากเดิมที่มีอัตราการขยายตัวมากกว่าร้อยละ 10 แต่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4-8 เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันไปนิยมดื่มกาแฟประเภทอื่นๆ กันมากขึ้น โดยเฉพาะกาแฟพร้อมดื่มทรีอินวัน และกาแฟสดตามร้านขายกาแฟต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มทดแทนชนิดอื่นๆที่ให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อมาดื่มกันมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง ส่งผลให้ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในช่วงระยะหลังมานี้เกิดการชะลอตัว และมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น

สำหรับปี 2553 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มน่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4-6 หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนที่ทำให้คาดว่า ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในปีนี้น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น มีดังนี้

การฟื้นตัวของภาวะทางเศรษฐกิจ ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มน่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ กล่าวคือ ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มยังคงมีอัตราการเติบโต แต่อาจไม่เทียบเท่ากับช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ปกติได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงมีการใช้จ่ายอย่างประหยัด ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขยายตัวของตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะราคาเฉลี่ยไม่แพงนักอยู่ที่ประมาณกระป๋องละ 13 บาท

การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาแตกไลน์ของผลิตภัณฑ์มากขึ้น กล่าวคือ จากเดิมที่มีจำหน่ายแต่กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในตลาดระดับล่าง กลายมาเป็นกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในตลาด พรีเมี่ยม โดยมีรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่าง เช่น ขวดพลาสติก (ขวด PAT) และกระป๋องรูปแบบใหม่ๆ หลากสีสัน รวมถึงการชูจุดเด่นในเรื่องของรสชาติที่หลากหลาย เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มมีความคึกคักมากขึ้น

ความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมดื่มกาแฟมีการขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น จากเดิมผู้บริโภคที่นิยมดื่มกาแฟส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนในวัยทำงานทั้งหญิง และชาย แต่ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมดื่มกาแฟได้มีการขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น เช่น กลุ่มผู้บริโภควัยรุ่น และนักศึกษา เป็นต้น ที่นิยมหันมาดื่มกาแฟ โดยเฉพาะในช่วงเวลาใกล้สอบ จะมีความต้องการดื่มกาแฟมากขึ้น เพื่อให้มีความตื่นตัว แก้ง่วงขณะอ่านหนังสือได้ เป็นต้น ซึ่งกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มสามารถซื้อเก็บไว้ได้นาน และรับประทานง่ายไม่เสียเวลาในการชง ดังนั้น จากการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคจึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นได้

ฟุตบอลโลก 2010…โอกาสดีเพิ่มยอดขาย
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน-11กรกฎาคม 2553 นี้ มีประชาชนชาวไทยจำนวนมากที่สนใจ และตั้งหน้าตั้งตารอชมการแข่งขันมานานถึง 4 ปี โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยรุ่น และคนทำงานที่จะมีมากกว่ากลุ่มคนอื่นๆ โดยจากผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความสนใจของคนไทยในเกมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ครั้งที่ 19 ที่มีประเทศแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ด้วยจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,265 คน ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากให้ความสนใจรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 73.9 โดยเฉพาะการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเหลือแต่ทีมแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น บราซิล อาร์เจนตินา เยอรมนี เป็นต้น จะถูกจัดให้มีการแข่งขันเวลา 01.30-03.30 น. ทั้งหมด ดังนั้น จึงคาดว่า กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้บริโภคในระหว่างชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันในคู่ดึก เนื่องจาก จะช่วยทำให้ผู้ชมมีความกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว และแก้ง่วงได้ อีกทั้งกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มยังมีความสะดวกในการหาซื้อรับประทาน ดื่มง่าย และไม่เสียเวลาในการปรุงหรือชง จึงไม่ขัดจังหวะในการรับชมการถ่ายทอดสดอีกด้วย นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ความต้องการในช่วงระหว่างชมการแข่งขันเท่านั้น ในช่วงเช้าหลังจบการแข่งขัน ผู้บริโภคโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานอาจมีเวลาในการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการตื่นมาเรียนหรือทำงานได้ ดังนั้น กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มก็อาจจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้ในช่วงเช้าด้วยเช่นกัน เนื่องจาก ประหยัดเวลาในการซื้อ ไม่ต้องเสียเวลารอคิวหากซื้อตามร้านกาแฟสด และไม่ต้องเสียเวลาชงเองหากซื้อแบบทรีอินวัน รวมไปถึงยังสามารถซื้อเก็บไว้รับประทานได้ตลอดเวลาจนทำให้ไม่เสียเวลาเรียน หรือทำงานอีกด้วย

โดยในช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลกนี้ คาดว่า ยอดจำหน่ายกาแฟกระป๋องน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติประมาณร้อยละ 5-10 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40-80 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2006

ดังนั้น บรรดาผู้ประกอบการควรเกาะกระแสในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ และจัดจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคตามสถานที่ต่างๆ มากขึ้น เช่น การจำหน่ายสินค้าแพ็คเกจอิงกระแสฟุตบอลโลก การโฆษณาสินค้าอิงกระแสฟุตบอลโลก และการลุ้นชิงโชคไปชมการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า มีหลากหลายปัจจัยที่เป็นตัวสนับสนุนให้ตลาดกาแฟกระป๋องในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ทว่าการพึ่งพิงปัจจัยเหล่านี้เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นยอดขายโดยรวมทั้งปีให้กลับมาขยายตัวเหมือนเช่น 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น บรรดาผู้ประกอบการควรเร่งจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญได้แก่ ปรับปรุงรสชาติเก่า และเพิ่มรสชาติใหม่ การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และขยายการส่งออกในตลาดต่างประเทศ

บทสรุป
ปี 2553 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มน่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4-6 หรือมีมูลค่าตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในปีนี้น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ การฟื้นตัวของภาวะทางเศรษฐกิจ การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการที่มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมดื่มกาแฟมีการขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ มหกรรม “World Cup 2010” ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มในปีนี้ให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเหลือแต่ทีมแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น บราซิล อาร์เจนตินา เยอรมนี เป็นต้น จะถูกจัดให้มีการแข่งขันเวลา 01.30-03.30 น. ทั้งหมด ดังนั้น กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มน่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีของผู้บริโภคกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ความต้องการในช่วงระหว่างชมการแข่งขันเท่านั้น ในช่วงเช้าหลังจบการแข่งขัน ผู้บริโภคโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา และคนทำงานอาจมีเวลาในการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งส่งผลต่อการตื่นมาเรียนหรือทำงานได้ ดังนั้น กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มก็อาจจะเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้ในช่วงเช้าด้วยเช่นกัน โดยคาดว่า ยอดจำหน่ายกาแฟกระป๋องน่าจะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติประมาณร้อยละ 5-10 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 40-80 ล้านบาท ดังนั้น บรรดาผู้ประกอบการควรเกาะกระแสในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ และจัดจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคตามสถานที่ต่างๆ มากขึ้น

จะเห็นได้ว่า มีหลากหลายปัจจัยที่เป็นตัวสนับสนุนให้ตลาดกาแฟกระป๋องในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ทว่าการพึ่งพิงปัจจัยเหล่านี้เพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นยอดขายโดยรวมทั้งปีให้กลับมาขยายตัวเหมือนเช่น 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น บรรดาผู้ประกอบการควรเร่งจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างทั่วถึง ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญ ได้แก่ ปรับปรุงรสชาติเก่า และเพิ่มรสชาติใหม่ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และขยายการส่งออกในตลาดต่างประเทศ เป็นต้น