“กระเบื้องตราเพชร” ทุ่ม 480 ล้าน ผุดสายการผลิตใหม่

DRT ประกาศแผนลงทุนสายการผลิตใหม่ ทุ่ม 480 ล้านบาท ขยายสายการผลิตที่ 10 ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด กำลังผลิต 72,000 ตัน หลังสายการผลิตที่ 9 เดินเครื่องผลิตเต็ม 100% ผู้บริหารเผย ตลาดไม้สังเคราะห์มีโอกาสเติบโตสูง คาดทยอยรับรู้รายได้จากสายการผลิตใหม่ในครึ่งหลังปี 2555 ปีละ 300-500 ล้านบาท

นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หลังคารุ่นเจียระไน รุ่นอดามัส และ รุ่น CT เพชร ผลิตภัณฑ์ไม้ฝาและไม้สังเคราะห์ ผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด รวมถึงอุปกรณ์ประกอบหลังคา และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติงบลงทุนจำนวนประมาณ 480 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องจักรในโครงการสายการผลิตใหม่ NT10 ซึ่งเป็นสายการผลิตไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดชนิดไม่มีใยหิน โดยจะใช้ระยะเวลาในการติดตั้งประมาณ 20 เดือน และจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2555 ด้วยขนาดกำลังการผลิต 72,000 ตันต่อปี ซึ่งหากสายการผลิตใหม่แล้วเสร็จ จะทำให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทพิ่มขึ้นเป็น 622,000 ตันต่อปี

“สายการผลิตที่ 10 นี้ จะทำให้บริษัทฯ มีสินค้าชนิดใหม่ออกสู่ตลาด โดยเป็นสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ดูได้จากการที่สายการผลิตที่ 9 ซึ่งตอนนี้ใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% หากไม่รีบลงทุนเพิ่มสายการผลิตใหม่ตอนนี้ก็จะยิ่งเสียโอกาสที่ดีไป ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้ารายได้จากการสายการผลิตที่ 10 ไว้ที่ 300-500 ล้านบาทต่อปี” นายอัศนี กล่าว

ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ มีสินค้าที่หลากหลาย จะสามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบริษทฯ ที่ต้องการจะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้สังเคราะห์ ให้มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% โดยจะลดสัดส่วนกระเบื้องหลังคาจากปัจจุบัน 80% ให้เหลือ 60%

นายอัศนี กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการสายการผลิตที่ 10 นี้ จะผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์แผ่นบอร์ด เท่านั้น ขนาดความหนาตั้งแต่ 3.5 – 12 มิลลิเมตร โดยจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไปก่อสร้างในรูปแบบของ ฝ้า เพดาน หรือผนังได้ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังมีช่องทางขยายตัวได้อีกมาก เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายงานโครงการอาคารสูง คอนโดมิเนียม ซึ่งสายการผลิตใหม่นี้ จะทำให้บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลากหลายชนิดมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ในแง่ของกำไรของบริษัทฯ ก็น่าจะดีขึ้นด้วย เพราะสินค้าในกลุ่มไม้สังเคราะห์มีอัตรากำไรมากกว่ากระเบื้องหลังคา

ในส่วนของผลการดำเนินงาน ปี 53 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรก ของ DRT น่าจะเป็นไปตามเป้า ส่วนทิศทางในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มองว่า สถานการ์ณทางการเมืองที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ประกอบกับรัฐบาลเริ่มกลับมาเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทฯ ก็ได้รับประโยชน์ด้วย