ซีคอน คอมแพค โฮม ประกาศความสำเร็จอย่างงดงามอีกครั้ง ด้วยตัวเลขยอดขาย 6 เดือนแรกรวมกว่า 646 ล้านบาท เกินเป้าที่คาดสูงสุดกว่า 13.7% นับเป็นความสำเร็จอย่างสวนกระแสอีกครั้งที่ทั้ง 2 บริษัทสามารถทำได้ต่อเนื่องตลอดมา หลังเปิดตัวแคมเปญ “สร้างบ้าน แถมรถ นิสสัน มาร์ช” ไปขับฟรีทันที แถมยังมีส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท โดยสร้างยอดขายในงานได้ 65 ยูนิต ประกาศยืดแคมเปญให้ 5 หลังสุดท้าย หมดเขต กรกฎาคม ศกนี้
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด และ บริษัท คอมแพค โฮม จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทยมากว่า 49 ปี เปิดเผยถึงความสำเร็จล่าสุดว่า ซีคอน และ คอมแพค โฮม สามารถสร้างยอดขายครึ่งปีแรกได้เกินจากเป้าหมายที่กําหนดไว้ โดยในส่วน ซีคอน สามารถสร้างยอดขายทะลุเป้าครึ่งปีสูงถึง 13.7% ในขณะที่ คอมแพค โฮม ก็สามารถสร้างยอดขายทะลุเป้าครึ่งปี กว่า 5% เช่นกัน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการทําตลาดเชิงรุกในแนวคิดบ้านดีไม่แพง อาทิ การเปิดตัวแบบบ้าน 2 ซีรี่ส์ใหม่ “Modern Bangkok และ Smart Home” ตอบกระแสความต้องการของโลกยุคปัจจุบันอย่างครบครัน รวมถึงทีมการตลาดที่แข็งแกร่งทางความคิดในการสร้างสรรค์โปรโมชั่นแคมเปญต่างๆ ตลอดจนความไว้วางใจในชื่อเสียงและประสบการณ์ของบริษัทฯ และความมั่นใจในระบบก่อสร้างลิขสิทธิ์เฉพาะซีคอน ที่ทำให้ประหยัดเวลาและ งบประมาณในการก่อสร้าง และที่สำคัญสามารถก่อสร้างได้ในทุกสภาวะอากาศ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทประสบความสำเร็จอย่างมากดังเช่นปัจจุบัน
“ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวแคมเปญพิเศษ “สร้างบ้าน แถมรถ นิสสัน มาร์ช” ไปขับฟรีทันที แถมยังมีส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก ภายในงาน 2 วัน มีผู้ร่วมงานกว่า 120 ครอบครัว เรามียอดจองรวม 65 ยูนิต รวมยอดขาย 205 ล้านบาท ประกอบด้วย ซีคอน 25 ยูนิต รวม 120 ล้านบาท และ คอมแพค โฮม 40 ยูนิต รวม 85 ล้านบาท โดยกระแสของแคมเปญยังแรงไม่หยุดจนถึงปัจจุบัน ที่โปรโมชั่นดังกล่าวเหลือเพียง 5 หลังสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าภายในกรกฎาคม ศกนี้ ก็จะหมดโควต้าดังกล่าว” นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ กล่าวแสดงความเชื่อมั่น
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด และ บริษัท คอมแพค โฮม จำกัด กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า “โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าตลาดในระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านจนถึง 5 ล้าน ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทถือเป็น Key Player ในกลุ่มดังกล่าว หากจะพิจารณาเชิงลึกพบว่าในส่วนนี้มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึง 40% และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 20% บวกลบ ต่อปี ดังนั้น การแข่งขันในการชิงเค้กก้อนนี้น่าจะดุเดือดขึ้นในครึ่งปีหลัง เพราะหลายบริษัทก็ต้องการสร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้เช่นกัน”