พีแอนด์เอฟ คอฟฟี่ ผู้นำเข้าเครื่องชงกาแฟจากอิตาลี ยี่ห้อ Orchestrale และเป็นสปอนเซอร์เครื่องชงกาแฟสำหรับใช้แข่งขันจัดงาน แกรนด์ บาริสต้า แชมป์เปี้ยนชิพ ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก เฟ้นหาสุดยอดนักชงกาแฟไทย เข้าแข่งขันกับชาติอื่นๆ เพื่อเป็น แกรนด์ บาริสต้า หรือ สุดยอดนักชงกาแฟระดับทวีปออสเตรเลียและทวีปเอเซีย ที่ ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
นางสาวศิรฎา เตชะการุณ กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์เอฟ คอฟฟี่ เปิดเผยว่า งาน แกรนด์ บาริสต้า แชมป์เปี้ยนชิพ เป็นงานที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักในวงการกาแฟระดับโลกมายาวนานเกือบ 10 ปีแล้ว ในประเทศไทยพึ่งจะเริ่มส่งตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา โดยตัวแทนจากประเทศไทย คือ คุณปิยะวรรณ ปีกา ได้คะแนนรวมเป็นอันดับที่ 4 จากการแข่งขัน Grand Barista Championship ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พีแอนด์เอฟ คอฟฟี่ ได้เล็งเห็นว่าการแข่งขัน แกรนด์ บาริสต้า สามารถแสดงออกถึงความสามารถของเหล่าบาริสต้า อย่างแท้จริง รวมถึงยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการชงกาแฟ และคุณภาพของบาริสต้าในภาพรวมของประเทศ จึงได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยรอบชิงชนะเลิศเพื่อหาตัวแทนประเทศไทย จะจัดขึ้นในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ที่ร้าน ออเรนจูรี่ ชั้น 4 สยามพารากอน
“ จำนวน บาริสต้า หรือ ผู้ที่มีอาชีพชงกาแฟในประเทศไทย ปัจจุบันมีอยู่ จำนวนหลายหมื่นคน การแข่งขันในรายการนี้ ถือเป็นการกระตุ้นให้ผู้ที่เป็นบาริสต้า มีความตื่นตัว ที่จะพัฒนาตนเอง เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเป็นเวทีเปิด ไม่จำกัดอายุ และเพศ โดยรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศในประเทศไทยคือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าแข่งขันในรอบชนะเลิศ ในงาน แกรนด์ บาริสต้า แชมเปี้ยนชิพ 2010 ที่ประเทศออสเตรเลีย ในวันที่ 18 กันยายน 2553 พร้อมที่พักตลอดการเดินทาง และเงินรางวัลอีก 10,000 บาท ” ผู้บริหาร กล่าว
อนึ่ง งาน แกรนด์ บาริสต้า แชมป์เปี้ยนชิพ ถือเป็นงานที่ความสำคัญในวงการกาแฟระดับโลกเป็นอย่างมาก กำเนิดจากวิสัยทัศน์ของนาย พอล แจ็คสัน ผู้ก่อตั้งสถาบัน Danes Gourmet Coffee และ Danes Gourmet Coffee Institute (DGCI) ประเทศออสเตรเลีย โดยได้เริ่มจัดการแข่งขันขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เพื่อยกระดับ มาตรฐานอุตสาหกรรมกาแฟเอสเปรสโซ ให้เป็นสากลมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้การแข่งขันนี้ เป็นการแข่งขัน ที่มีคุณภาพสูง จึงใช้วิธีคัดเลือกบาริสต้ามืออาชีพทั่วทั้งออสเตรเลียมาประชันฝีมือกัน จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 จึงเริ่มขยายมาทางเอเชีย ที่ ฮ่องกง และประเทศไทย โดยผู้ที่ชนะเลิศในการแข่งขัน จะได้รับสมญานามว่า “แกรนด์ บาริสต้า”