โรงงานน้ำตาลส่งสัญญาณราคาอ้อยปี 53/54 ไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อตันต่อเนื่องอีกปี หลังประเมินราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 52/53 ทะลุ 1,000 บาทต่อตันแน่นอน เผยช่วยชาวไร่เต็มที่ ทั้งถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยีในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว เพื่อพัฒนาคุณภาพอ้อย
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลได้กำหนดราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 ที่ตันละ 965 บาท ล่าสุดจากการประเมินสถานการณ์ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ราคาเฉลี่ยจะสูงกว่าตันละ 1,000 บาทอย่างแน่นอน โดยประเมินจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 32.75 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และราคาน้ำตาลทรายดิบส่งออก (โควตา ข.) ที่ 19.91 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งราคาอ้อยในระดับนี้น่าจะสร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย ทางกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลก็มีความหวังและจะพยายามผลักดันให้ราคาอ้อยของฤดูการผลิตปี 2553/2554 อยู่ในระดับ 1,000 บาทต่อตันด้วย เพื่อให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยรู้สึกมั่นคงในอาชีพ ป้อนผลิตผลให้กับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลต่อไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจพื้นที่ปลูกอ้อยในปัจจุบัน พบว่า มีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 3 แสนไร่ ทำให้ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกอ้อยทั้งประเทศรวมประมาณ 6.7-7 ล้านไร่ ซึ่งหากฝนตกตามปกติควรจะได้ปริมาณอ้อยประมาณ 74-75 ล้านตัน แต่ในช่วงต้นฤดูเพาะปลูกปีนี้ เกิดปัญหาภัยแล้ง กระทบต่อผลผลิตอ้อยด้วย จึงคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบเท่าๆ กับปีที่ผ่านมา คือ ประมาณ 68 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม ราคาอ้อยต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ เพราะน้ำตาลทรายที่ผลิตได้ในแต่ละปี จะส่งออกไปขายต่างประเทศประมาณ 2 เท่าของการบริโภคในประเทศ
“ความหวังที่ต้องการจะเห็นราคารับซื้ออ้อยในระดับ 1,000 บาทต่อตัน นั้น ทางฝ่ายโรงงานน้ำตาลก็พยายามส่งเสริมให้ได้คุณภาพอ้อยที่ดีขึ้น โดยการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การให้ปุ๋ย ให้น้ำ กำจัดศัตรูพืช กระทั่งการเก็บเกี่ยว ซึ่งหากคุณภาพดี
ค่าความหวานดี ก็จะได้ราคาอ้อยที่ดีด้วย ซึ่งหากทำเต็มที่แล้วราคายังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อาจต้องพึ่งการสนับสนุนจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายด้วย ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนฯ ที่ให้รักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยและโรงงาน และเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ” นายประกิต กล่าว
ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวด้วยว่า ปัจจัยหนึ่งที่จะมีผลต่อราคาอ้อยปี 2553/2554 ก็คือ การจัดสรรน้ำตาลทรายที่จำหน่ายในประเทศ (โควตา ก.) กับส่งออก (โควตา ค.) ซึ่งปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกโดยเฉลี่ยสูงกว่าราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ทำให้น้ำตาลทรายในประเทศบางส่วนถูกนำออกไปนอกประเทศตามแนวชายแดน และผู้ผลิตสินค้าส่งออกที่ต้องใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ ก็หันมาใช้น้ำตาลโควตา ก. ด้วย ทำให้น้ำตาลทรายที่ขึ้นกระดานไว้ประมาณ 21 ล้านกระสอบไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มอีกเป็นประมาณ 23 ล้านกระสอบ ซึ่งในปัจจุบันราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกอยู่ที่ประมาณ 18 เซนต์ต่อปอนด์ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้ว ราคาจะต่ำกว่าราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ดังนั้น หากในรอบปีนี้จัดสรรโควตา ก. มากขึ้นก็จะทำให้ราคาอ้อยอยู่ในระดับที่ดี แต่ก็ไม่ควรให้มากจนเกินพอดี เพราะอาจจะทำให้น้ำตาลล้นตลาดและต้องขอส่งออกอีก