สมาคมเครื่องหนังไทยร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออกจัดพิธีเปิด Thai Leather Week 2010 สินค้าแบรนด์เนมของไทยดีกรีตีตลาดยุโรปและตลาดโลก นับหมื่นรายการ พร้อมจัดส่วนลดสูงถึง 80% มาเอาใจนักช็อปสินค้าเครื่องหนัง ระหว่าง 26 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2553 ณ อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวถึงงาน Thai Leather Week 2010 ว่าเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะได้มาเลือกซื้อสินค้าเครื่องหนังคุณภาพส่งออกในราคาพิเศษ ได้มาพบกับสินค้าแบรนด์เนมของไทย ที่สามารถไปตีตลาดยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางและเมืองแฟชั่นแห่งสินค้าเครื่องหนังได้ และยังเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ผู้คนจะได้มาเลือกซื้อของฝากในวันพ่อและช่วงเทศกาลวันปีใหม่ที่จะมาถึง
นางนันทวัลย์กล่าวถึงตลาดส่งออกสินค้าเครื่องหนังปี 2553 ว่าสินค้าเครื่องหนัง เครื่องใช้ในการเดินทาง และรองเท้าน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,423 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 42,193 ล้านบาท โดยใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปี 2553 มีมูลค่า 1,166.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 34,596 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 8.89 ปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ในด้านความประณีตในการผลิตสินค้า รวมถึงการส่งมอบสินค้าตรงตามเวลาที่กำหนด โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง เดนมาร์ก จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมกันเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.62 ส่วนตลาดส่งออกที่น่าจับตาอยู่ในขณะนี้ คือ รัสเซีย มาเลเซีย และเมียนมาร์
ทางด้านดร.เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย นายกสมาคมเครื่องหนังไทย กล่าวถึงงาน Thai Leather Week 2010 ว่าสมาคมฯ ได้ระดมผู้ประกอบการเจ้าของสินค้าเครื่องหนังแบรนด์เนมของไทยมาร่วมในงานนี้อย่างคับคั่ง ซึ่งผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกล้วนแต่มีแบรนด์ที่ไปทำตลาดในประเทศยุโรป และตลาดใหญ่ที่อื่นในโลก อย่างเช่น อเมริกา และญี่ปุ่น มาแล้ว อาทิ Eleganza, Paragon, Marwell, Bonny, Michelangelo, Moda Sriracha, Miah, Giorgina, Lambs, St.James, Devy, Annee, Sea Star, Urbanice และ Carlo Tomeo เป็นต้น หลายแบรนด์เป็นที่นิยมของนักช็อปชาวต่างชาติ เพราะดีไซน์ ความประณีต คุณภาพของวัตถุดิบ และราคา ทางสมาคมฯ จึงอยากจะขอเชิญชวนคนรักสินค้าเครื่องหนังมาเลือกซื้อ มาร่วมกันอุดหนุนสินค้าคุณภาพของคนไทย ในงาน Thai Leather Week 2010 นี้”
“แบรนด์สินค้าเครื่องหนังไทยมีการพัฒนาความแข็งแกร่งมาโดยตลอด จนสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านแบรนด์สินค้าของตัวเอง เทคนิคการผลิตและการออกแบบ รวมทั้งแบรนด์ไทยยังเน้นจับตลาดผู้บริโภคระดับบน ทั้งยังมีการทำตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง” ดร.เนาวรัตน์ กล่าวต่อ
“การสนับสนุนจากคนไทย และความนิยมสินค้าเครื่องหนังแบรนด์ไทยในตลาดในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมเครื่องหนังเช่นกัน เพราะไม่มีใครจะเป็นแบรนด์พรีเซเตอร์ของสินค้าไทยได้ดีเท่าคนไทย คนไทยติดตามเทรนด์แฟชั่นในด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา และผู้ประกอบการไทยในหลายอุตสาหกรรมก็ก้าวทันเทรนด์ของโลกแฟชั่น สินค้าเครื่องหนังเองก็เช่นเดียวกัน สมาคมฯ และสมาชิกทุกคนพยายามอัพเกรดตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้อยู่ในกระแสแฟชั่นของโลก เพื่อให้สามารถออกแบบและผลิตสินค้าที่เป็นที่นิยมของลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทย งาน Thai Leather Week 2010 จึงเป็นเหมือนกับการวัดระดับความนิยมของคนไทย และการอัพเดทเทรนด์สินค้าเครื่องหนังให้นักช็อปชาวไทยได้รู้ เพราะมีแบรนด์ที่ได้ไปประชันดีไซน์และทำตลาดแข่งกับแบรนด์อื่นๆ ทั่วโลกมารวมตัวกันอย่างมากมาย” ดร.เนาวรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย