‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ จัดเต็ม ไตรมาสแรกรายได้พุ่ง 17.2 %

‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก กวาดรายได้ 951 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านถึง 14.4% ปลื้มหลังเปลี่ยนชื่อบริษัทดันขีดความสามารถทางการแข่งขันทำตลาดเพิ่มขึ้น ชูคุณภาพสินค้าที่หลากหลายและบริการเจาะลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ ดันยอดกระเบื้องคอนกรีตแบบเรียบโต 2 หลัก ขณะที่สินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ได้รับความนิยมมากขึ้น เร่งเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 100% มั่นใจกลยุทธ์ Everything in One หนุนผลงานปี 54 โต 10% ตามเป้า

นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ “DRT” ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้ตราสินค้า “ตราเพชร” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2554 (มกราคม-มีนาคม 2554) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139 ล้านบาท หรือ 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 811 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท คิดเป็น 14.4% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 113 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้น มาจากขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทฯ ที่ดีขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อจาก “กระเบื้องหลังคาตราเพชร” เป็น “ผลิตภัณฑ์ตราเพชร” เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ต้องการนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ตราเพชร ทั้งสินค้าในกลุ่มกระเบื้องคอนกรีต กลุ่มสินค้าไม้สังเคราะห์ พร้อมเสนอรูปแบบการให้บริการที่ดี ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มกระเบื้องคอนกรีตแบบเรียบ ที่ลูกค้าโครงการให้การตอบรับที่ดีมาก จนทำให้ยอดขายจากสินค้ากลุ่มดังกล่าวเติบโตเป็นเลข 2 หลัก

“ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของผลิตภัณฑ์ตราเพชร หรือ DRT สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่สามารถผลักดันยอดขายเติบโตที่ดี โดยเฉพาะยอดขายจากลูกค้าโครงการ ที่เรานำเสนอบริการและสินค้าที่หลากหลาย เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย ขณะที่กำไรก็เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่า ในปีนี้บริษัทฯ จะมีภาระเสียภาษีเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 30% หลังจากได้รับสิทธิยกเว้นภาษี 5% ครบ 5 ปีแล้วก็ตาม” นายอัศนี กล่าว

กรรมการผู้จัดการ DRT กล่าวอีกว่า บริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตในปี 2554 ของบริษัทฯ ที่ตั้งไว้ 10% โดยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในสายการผลิต NT9 ในกลุ่มไม้สังเคราะห์ ระหว่างดำเนินการติดตั้งสายการผลิต NT10 ที่เริ่มเดินเครื่องได้ในไตรมาส 2 ของปี 2555 พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังได้ซื้อที่ดิน 142 ไร่ หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว โดยใช้เงินลงทุน 114 ล้านบาท เพื่อรองรับกับการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย

ส่วนแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2554 นั้น กรรมการผู้จัดการ DRT คาดการณ์ว่าจะยังมีอัตราการเติบโตที่ดี แม้มีปัจจัยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้บริหารจัดการต้นทุนค่าขนส่งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาวะราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน ยังเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสียในขั้นตอนการผลิตภายในโรงงานให้ดีขึ้น ซึ่งจะสอดรับกับภาวะต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นได้

ด้าน นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า การปรับตำแหน่งสินค้าหลังจากที่ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทฯ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ Everything in One ที่มีสินค้าหลากหลาย ครบถ้วนตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ภายในแบรนด์เดียว รองรับกับการแข่งขันของตลาด และผลักดันยอดขายของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 นี้ จะมีการเดินหน้าผลิตภัณฑ์โครงหลังคาสำเร็จรูป (Truss) เพื่อรองรับตลาดโครงการ ซึ่งมีความต้องการสินค้าและบริการในงานหลังคาทั้งระบบ

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น บริษัทฯ จะยังคงรักษาสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกไว้ที่ 10% จากยอดขายรวมในปีนี้ แม้ว่าจะมีสถานการณ์ความรุนแรงตามชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาก็ตาม โดยจะหันไปเน้นตลาดส่งออกยังประเทศพม่า ลาว เวียดนาม จีน และฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น

“ปีนี้เรามีศักยภาพในการทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ด้วยความพร้อมของสินค้าที่หลากหลายครบวงจร ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำตลาดและการแข่งขันในด้านการทำตลาดเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้” นายสาธิต กล่าว