ซีคอน โฮม เผยมุมมองเหนือชั้น ประกาศคลอดบริษัทรับสร้างบ้านในเครือล่าสุด “บัดเจท โฮม” หวังแชร์ส่วนแบ่งผู้รับเหมารายย่อย โดยเน้นเจาะกลุ่มตลาด “คนหัวใจพอเพียง” สร้างบ้านใหญ่ ครบฟังก์ชั่นใช้สอยในราคาสบายกระเป๋า หลังระดมทีมกำหนดกลยุทธ์กว่า 2 ปี ชูจุดขายแบบบ้านหลากหลายตอบโจทย์ครบครันกว่า 14 แบบ ด้วยราคาเริ่มต้นบ้าน 2 ชั้น แค่ 990,000 บาท มั่นใจด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์และศักยภาพระบบก่อสร้าง จะเป็นหัวใจหลักในการสร้างยอดขาย
นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด บริษัท คอมแพคโฮม จำกัด และล่าสุด บริษัท บัดเจท โฮม จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจรับสร้างบ้านคุณภาพของเมืองไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ กลุ่มซีคอน โฮม ทำงานหนักในด้านการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ ได้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาดที่มีการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม ปัจจุบัน กล่าวได้ว่า ผู้บริโภคเริ่มที่จะเข้าใจ และตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างบ้านที่สร้างโดยบริษัทรับสร้างบ้านที่น่าเชื่อถือ กับบ้านที่สร้างโดย กลุ่มผู้รับเหมารายย่อย โดยในอดีตแทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดขายของผู้รับเหมารายย่อยที่เหนือกว่ามีเพียงประการเดียวคือ “ราคาที่ต่ำกว่า” ทำให้ลูกค้าหลายรายที่คำนึงถึงเรื่องงบประมาณที่มีจำกัด ไม่มีทางเลือกอื่น ที่ดีกว่า โดยซีคอน ไม่ได้มองว่านี่คืออุปสรรค แต่เรากลับมองว่ามันคือความท้าทายใหม่ ที่เราในฐานะผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านของไทย ต้องก้าวไปให้บริการในส่วนดังกล่าวนี้ให้ได้ แม้จะต้องใช้กระบวนการในการทำงานที่ระมัดระวังมากขึ้น คิดมากขึ้น เพื่อให้ได้บ้านที่มีคุณภาพในระดับราคาที่สามารถแข่งขันกับผู้รับเหมารายย่อยได้เช่นกัน ซึ่งวันนี้ เรากล้าพูดอย่างมั่นใจว่า ความพยายามที่เราทุ่มเททั้งหมด สามารถเกิดขึ้นได้อย่าง เป็นรูปธรรมแล้ว ผ่านบริการที่พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในส่วนของ “บัดเจท โฮม”
“บัดเจท โฮม เป็นบริษัทน้องใหม่ในกลุ่มซีคอน ที่รับสร้างบ้านราคาประหยัดแบบพอเพียง ในราคาเริ่มต้นแค่ 9 แสนกว่าบาท เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่มีงบประมาณจำกัดที่มีความต้องการสร้างบ้านในขนาดพื้นที่ที่แตกต่างกัน หรือผู้บริโภคที่เน้นความคุ้มค่าและความลงตัวของพื้นที่ใช้สอยจริง มากกว่าการที่จะใช้เงินไปกับความสวยงามหรูหรา โดยปัจจุบัน เราได้พัฒนาแบบบ้านให้เลือกสูงสุดถึง 14 แบบ เสนอขายระหว่าง 990,000 – 1,890,000 บาท โดยมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 90-238 ตร.ม. บนเนื้อที่ระหว่าง 32-59 ตร.ว. มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ชั้นและ 2 ชั้น ซึ่งนับเป็นความท้าทายใหม่ของเราที่พร้อมจะนำเสนอสู่ตลาดรับสร้างบ้านของไทยในปีนี้” นางสาวศุภิชชา กล่าว
ด้านมุมมองต่อตลาดรับสร้างบ้านในระดับราคาประมาณ 1 ล้านบาทนั้น นางสาวศุภิชชา กล่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “ลูกค้ากลุ่มนี้เป็นตลาดที่ใหญ่มาก เห็นได้ชัดจากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ พบว่า ในปี 2553 บ้านเดี่ยวสร้างเอง เฉพาะในกทม.และปริมณฑล มีจำนวนหน่วยถึง 20,430 หน่วย คิดเป็นมูลค่าจากการโอนกรรมสิทธิ์กว่าแสนล้านบาท เฉพาะในตลาดบริษัทรับสร้างบ้านมีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท แสดงว่านอกเหนือจากนั้นเป็นผู้รับเหมารายย่อยกว่า 90% และนี่เองคือสื่งที่ บัดเจท โฮม ต้องการเข้าไป ชิงแชร์ในตลาดส่วนดังกล่าว โดยกลุ่มเป้าหมายของบัดเจท โฮม คือ กลุ่มลูกค้าที่นิยมสร้างบ้านกับผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีงบประมาณจำกัดในการสร้างบ้านในขนาดพื้นที่ที่แตกต่างกัน และกลุ่มลูกค้า ที่เน้นความคุ้มค่าและความลงตัวของพื้นที่ใช้สอยจริงมากกว่าการที่จะใช้งบประมาณไปกับความสวยงามหรูหราเพื่อบ่งบอกรสนิยม โดยเราจะลงไปจับตลาดและแข่งขันในตลาดขนาดใหญ่ โดยช่วงแรกจะเน้นไปในพื้นที่รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังจากนั้นจึงค่อยขยายพื้นที่บริการไปสู่ต่างจังหวัดใกล้เคียง เช่น อยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา เป็นต้น”
“หัวใจหลักอีกประการที่เราต้องการเน้นคือ การสร้างบ้านเพื่อตอบสนองคนที่มีหัวใจของความพอเพียง บัดเจท โฮม จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อควมเป็น “บ้านพอเพียง” ซึ่งมีความหมาย คือ การที่มีบ้านที่สร้างด้วยความพอดี ด้วยวัสดุที่เน้นคุณภาพมากกว่าความสวยงามหรูหรา เพราะบัดเจท โฮมเป็นบ้านที่เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก การจัดวางพื้นที่ทุกตารางนิ้วทั้งภายในและภายนอกสอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวัน เน้นใช้วัสดุที่มีคุณภาพเหมาะกับการใช้งาน มีความสวยงามพอประมาณ ราคาสมเหตุสมผล ไม่ยึดติดที่ยี่ห้อดัง ตัดวัสดุและพื้นที่ใช้สอยที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น วัสดุปูพื้นชั้นล่าง หากเลือกใช้หินอ่อน หรือปาร์เก้ ก็จะดูสวยงามหรูหราแต่ปาร์เก้ก็จะดูแลยากกว่าในระยะยาว หรือพื้นหินอ่อนก็ทำให้ลื่นล้มได้ง่าย เราจึงเลือกใช้กระเบื้องเซรามิคที่ไม่เน้นว่าต้องใช้ยี่ห้อดังเป็นที่รู้จัก แต่เน้นที่คุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานมาใช้ทดแทนวัสดุที่หรูหราและมีราคาแพง หรือ กระเบื้องหลังคา เราเลือกใช้กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซิเมนต์ชนิดที่มีคุณสมบัติพิเศษเคลือบผิวด้วยวัสดุสะท้อนความร้อนได้ 70% ทำให้บ้านเย็นขึ้น แทนกระเบื้องหลังคาคอนกรีตที่มีราคาแพงกว่า แถมยังประหยัดโครงสร้างหลังคา บ้านบัดเจท โฮม จึงเป็นบ้านพอเพียง มีความสวยงาม คุณภาพดีในราคาประหยัด” นางสาวศุภิชชา กล่าวเสริม
โดยจุดขายของ บัดเจท โฮม คือ เรื่องของโครงสร้างสำเร็จรูป ซึ่งหากเทียบคุณภาพของโครงสร้างที่ผลิตออกมาจากโรงงาน กับโครงสร้างที่ผู้รับเหมารายย่อยทำงานหน้างานแล้ว คุณภาพของโครงสร้างที่ออกมาจากโรงงานย่อมดีกว่าแน่นอน นอกจากนี้ ด้วยความที่เราเป็นบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำมีวิศวกรและสถาปนิกประจำบริษัท มีแบบบ้านมาตรฐานให้เลือกมาก มีความสามารถในการก่อสร้างได้รวดเร็วกว่า มีมาตรฐาน ในการทำงานเป็นระบบ ลูกค้าสามารถวางใจเรื่องของคุณภาพงานก่อสร้าง อีกทั้งยังมีการทำสัญญาที่ชัดเจนสามารถควบคุมงบประมาณไม่ให้บานปลาย ไม่ต้องกลัวการทิ้งงานเนื่องจากบริษัทมีความรับผิดชอบต่อลูกค้า ไม่ทำลายชื่อเสียงของตนเอง ที่สำคัญราคาก่อสร้างไม่ได้แตกต่างจากผู้รับเหมารายย่อยเพราะผู้รับเหมา รายย่อย ถึงแม้ในช่วงแรกที่ตกลงก่อสร้าง ลูกค้าอาจจะคิดว่าราคาถูกกว่า แต่เมื่อเริ่มก่อสร้างไป ราคาวัสดุ ขึ้นราคา งานไม่ดี หรือเกิดการทิ้งงาน ลูกค้าก็ต้องคอยรับความเสี่ยงตรงนี้เพิ่มขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยเราวางกลยุทธ์การเจาะตลาดในกลุ่มนี้ภายใต้ ปัจจัยหลักคือ การบริหารต้นทุนอย่างชาญฉลาด (Value Cost Management Leadership) โดยเน้นที่ 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. ความประหยัดทางขนาด (Economies of scale) ของการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปจากโรงงาน
2. อัตราการใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่ (Percentage of Capacity Utilization)
3. ความสัมพันธ์กับ supplier และผู้ผลิตวัสดุต่างๆ
โดยจุดแข็งและวิธีการจัดระบบทรัพยากรภายในที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การแข่งขันด้วยราคา มีดังนี้
1. ความสามารถในการควบคุมต้นทุน
2. ความสามารถในการออกแบบบ้านให้สามารถผลิตได้โดยง่าย
3. การจัดระบบงานให้รวดเร็วและกำหนดข้อตกลงที่ชัดเจนกับลูกค้าที่ทำให้การก่อสร้างใช้เวลาสั้นกว่าบ้านทั่วไปทำให้เพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุน
ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง อีกทั้งตลาดที่บัดเจท โฮมจะเข้าไปเป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งปริมาณการสร้างที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงไปอีกด้วย
ทั้งนี้ การคาดการณ์ผลประกอบการในขวบปีแรกของ บัดเจท โฮม นั้น นางสาวศุภิชชา กล่าวว่า “การตั้งเป้ายอดจองบ้านในปีแรก ซึ่งมีเวลาเพียง 7 เดือน จึงตั้งเป้าแบบคอนเซอเวทีฟเพียง เดือนละ 10 หลัง ราคาเฉลี่ยหลังละประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อหลัง รวมเป็นยอดจองประมาณ 90 ล้านบาท แต่หากมีมุมกลับที่ลูกค้าให้ความสนใจมากเนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นมาก และราคาบ้านในตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นไปมากแล้ว ลูกค้าจะหันมาสนใจที่จะควบคุมงบประมาณของตนเอง บ้านพอเพียงทุกขนาดของบัดเจทโฮมจะสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ยอดจองอาจจะเกิน 130 ล้านบาท โดยส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ตลาดบ้านพอเพียงในเมืองไทยยังคงเป็นตลาดใหญ่ ยังมีความต้องการอีกมาก เพราะทุกคนต่างต้องการของดีในราคาถูก อีกทั้งปัจจุบันคนส่วนใหญ่ยังเห็นถึงความสำคัญของการใช้ชีวิตพอเพียง บ้านพอเพียงก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวความคิดนี้ เพราะการสร้างบ้าน 1 หลัง ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุราคาแพง หรือใช้ของยี่ห้อดัง ก็สามารถสร้างบ้านที่ไว้ใช้อยู่อาศัย สวยงาม มีคุณภาพ พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า และสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข”