‘ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ ชี้แนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างไตรมาส 4 มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนแห่ซื้อสินค้าเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ขณะที่มาตรการภาครัฐกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ หนุนงานก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยขยายตัวต่อเนื่อง เร่งเดินเครื่องกำลังการผลิตรองรับความต้องการของผู้บริโภคเต็มสูบ ผู้บริหารให้คำมั่นสินค้าไม่ขาดตลาด พร้อมตรึงราคาสินค้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ พื้นไม้ลามิเนต แผ่นบอร์ด ยิปซัม และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า เชื่อว่าภาพรวมของตลาดวัสดุก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ยังมีความต้องการสินค้าในทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่สำคัญมาจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งรุนแรงที่สร้างความเดือดร้อนและเสียหายในหลายพื้นที่ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว ตลาดซ่อมแซมจะเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เร่งลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของสินค้าวัสดุก่อสร้างในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
“ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนที่ประสบอุทกภัยมีความจำเป็นต้องซื้อสินค้าเพื่อนำไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดวัสดุก่อสร้างเพื่อการปรับปรุงซ่อมแซมเติบโตในอัตรา 2 หลักในช่วงปลายปีนี้ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ที่หนุนให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เร่งก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสินค้าวัสดุก่อสร้างต้องเร่งผลิตเพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่มีมากขึ้น” นายสาธิต กล่าว
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร กล่าวด้วยว่า จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้เร่งเดินเครื่องจักรผลิตสินค้ากลุ่มไฟเบอร์ซีเมนต์และกระเบื้องคอนกรีตเต็มกำลังการผลิต เพื่อรองรับกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสต็อกสินค้ามากขึ้น เพื่อรอกระจายสินค้าเหล่านี้ไปยังตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ในเขตอุทกภัยทันที หลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าขาดตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะตรึงราคาสินค้าให้ได้นานที่สุด หลังจากที่ได้ปรับลดราคาสินค้ากลุ่มกระเบื้องมุงหลังคาลงมา 3-5% หรือประมาณแผ่นละ 5 บาท เพื่อสนองต่อนโยบายของภาครัฐและช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้อีกด้วย