ไฮเออร์ชงโปรดักส์รุ่นใหม่ส่งแอร์ CEK series เป็นหัวหอกต้อนรับศักราช คาดยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 เครื่อง จากปีก่อน 40,000 เครื่อง วาดรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% พร้อมวางงบเสริม 20 ล้าน ผ่านโฆษณาประชาสัมพันธ์ หวังดันแบรนด์พร้อมสโลแกน เลือกแอร์มาตรฐานใหม่ “เลือกไฮเออร์” ติดหูคนไทย
มร. อู๋ หย่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่าเมื่อต้นปี 2554 ไฮเออร์ประเทศไทยได้เปิดตัวตู้เย็น 2 ประตู “แคร์แอนด์คูลซีรี่ส์” เป็นแห่งแรกของโลก ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายตู้เย็น
ไฮเออร์ 2 ประตูมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 109% จากปีก่อน
“ในปี 2555 ไฮเออร์ได้ทุ่มงบประมาณการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ในการนำเสนอสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักของไฮเออร์ ซึ่งปีนี้จะมีสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดหลายรุ่น โดยได้ส่งเครื่องปรับอากาศ CEK series ลงสนามเป็นสินค้าทัพหน้าก่อน โดยเน้นมาตรฐานใหม่ในเครื่องปรับอากาศ ที่ให้ความคุ้มค่าได้มากกว่า พร้อมประสิทธิภาพความเย็นที่ครบเต็มบีทียู และช่วยประหยัดไฟได้จริง โดยทุกรุ่นผ่านการรับรองมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 ใหม่สำหรับปี 2555 ซึ่งต้องมีค่าประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน Energy Efficiency Ratio หรือ EER ไม่ตำกว่า 11.6 ซึ่งมาพร้อมกับสโลแกนที่ว่า เลือกแอร์มาตรฐานใหม่ “เลือกไฮเออร์”
มร. อู๋ หย่ง กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับเครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง CEK series มีทั้งหมด 3 รุ่น 3 สไตล์ ประกอบด้วย รุ่น Premium Cool ที่ออกแบบให้เรียบหรู โดดเด่นด้วยหน้ากากสไตล์เมทัลลิค และรุ่น Smart Cool เน้นความคลาสสิกด้วยรูปลักษณ์โค้งมน ลงตัวกับทุกมุมโปรด ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น Turbo Cool เพิ่มความเย็นทันทีเพียงปลายนิ้วสัมผัส และแผ่นกรองอากาศใหม่ Double Nano Filters ช่วยลดเชื้อโรค แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนรุ่นสุดท้าย Eco Cool ซึ่งเน้นความเรียบง่าย คุ้มค่า และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี Inverter ที่โดดเด่นด้านความเงียบและประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม
“สำหรับเครื่องปรับอากาศที่จะยังคงทำตลาดอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนคือ รุ่น I Feel U Inverter ที่มีเทคโนโลยีสุดยอดอัจฉริยะกับ I Feel U Function ด้วย Double intelligent eyes เซ็นเซอร์อัจฉริยะ จับตำแหน่งความเคลื่อนไหวของคนภายในห้อง สามารถเลือกเพื่อปรับทิศทางของเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติเป่าไปยังทิศทางที่มีหรือไม่มีบุคคลอยู่ในบริเวณนั้นๆ ของห้อง พร้อมปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมกับจำนวนภายในห้องอย่างอัตโนมัติ”
ซึ่งปีนี้ได้เพิ่ม Eco Inverter ใหม่ซึ่งมี 3 รุ่น คือขนาด 9000, 12000, 18000 BTU ซึ่งออกแบบให้ร่วมสมัยในดีไซน์เรียบๆ ใช้งานง่ายเข้าได้กับทุกสไตล์การตกแต่ง ทั้งนี้เครื่องปรับอากาศกลุ่ม Inverter ทุกรุ่นจะใช้แผ่นกรองอากาศใหม่ Double Nano Filters ทั้งหมด ไฮเออร์ยังคงเน้นในเรื่องการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ การจัดกิจกรรมทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ เช่น การจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภค เป็นต้น โดยวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อผลิตสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของไฮเออร์ทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภครู้จัก ยอมรับ และเลือกใช้สินค้าของเรา กรรมการผู้จัดการไฮเออร์ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับไฮเออร์
ไฮเออร์ คือ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ตลอดจนเป็นผู้ผลิตสินค้าไอที เช่น โน๊ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2527 ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ มีวางจำหน่ายในประเทศหลักๆ ทั้งในทวีปอเมริกาและในทวีปยุโรปและมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน จอร์แดน ปากีสถาน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีมาตรฐานโรงงานที่ทันสมัยที่สุด คลอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต โดยที่สหรัฐอเมริกา มีการจัดตั้งศูนย์กลางการออกแบบที่ ลอสแองเจลลิส โดยมีศูนย์กลางการจัดจำหน่ายที่นิวยอร์ก และศูนย์กลางการผลิตอยู่ที่รัฐเซาท์ แคโรไลนา
โรงงานไฮเออร์ในประเทศไทยตั้งอยู่ที่ อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โรงงานแห่งนี้ผลิตตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศและตู้แช่สำหรับจัดจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงออสเตรเลียอีกด้วย
ไฮเออร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มียอดขายตู้เย็น เครื่องซักผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากเป็นอันดับ 1 ของโลกจากการจัดอันดับของยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในปี พ.ศ. 2552, 2553 และ 2554