เคซีจี กิมจั๊วกรุ๊ป ชูกลยุทธ์บุกตลาดเนยและเนยแข็ง ต่อยอดความอร่อยและได้ประโยชน์ ด้วยการจัดแคมเปญ “Allowrie เติมมากกว่าความอร่อย” ครั้งแรกของการสร้างสรรค์ความอร่อยในรูปแบบใหม่ๆ ด้วยงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท รุกจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 50 ปี เตรียมแผนสื่อสารทุกช่องทาง หวังสร้างการรับรู้ เจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยยุคใหม่ ตั้งเป้าปี 55 เนยอลาวรี่เติบโต75% และชีสอลาวรี่ 40 %
นายตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี กิมจั๊วกรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าสินค้าอาหารสำเร็จรูปและเนยแข็งระดับโลกจากต่างประเทศ, ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าบริโภคที่มีคุณภาพรายใหญ่ในประเทศไทย อาทิ เนยและเนยแข็ง ”อลาวรี่” บิสกิต “อิมพีเรียล” น้ำผลไม้เข้มข้น “ซันควิก” ฯลฯ เปิดเผยว่า ตลาดเนยและเนยแข็งในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากเหตุผลด้านไลฟ์สไตล์การบริโภคเนยและเนยแข็งที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดเนยและเนยแข็งมีตัวเลขปริมาณการขายเติบโตสูงแต่ละปีเฉลี่ย 5-10% ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากเพราะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของแบรนด์อลาวรี่ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตมากที่สุดในตลาด เมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาดเนยและเนยแข็ง โดยเนยอลาวรี่มีการเติบโตอยู่ที่ 16% และเนยแข็ง 18% ดังนั้น ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้นำและผู้บุกเบิกตลาดเนยและเนยแข็งในประเทศไทยมากว่า 50 ปี จึงเน้นนโยบายพัฒนาแนวคิดใหม่และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เนยอลาวรี่ซีโร่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ และ ผลิตภัณฑ์เนยอลาวรี่ซีโร่ซอฟต์ที่นุ่มพร้อมทาได้ทันทีหลังจากนำออกจากตู้เย็น เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง เน้นเรื่องการเพิ่มคุณประโยชน์หรือเพิ่มสารอาหารให้ตรงกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
ล่าสุด บริษัทมีแนวคิดต่อยอดผลิตภัณฑ์เนยและเนยแข็งภายใต้แบรนด์ “อลาวรี่” จากเดิมที่คนไทยมองว่า เนยและเนยเข็งเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหารของชาติตะวันตกเท่านั้น ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ได้จัดแคมเปญทางการตลาดครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 50 ปี ให้กับผลิตภัณฑ์เนยและเนยเข็ง “อลาวรี่” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อลาวรี่…เติมมากกว่าความอร่อย” เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับ “อลาวรี่” ที่เป็นมากกว่าเนยและเนยแข็งที่สามารถสร้างสรรค์ รสชาติใหม่ในเมนูอาหาร ที่คนไทยคุ้นเคย รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของการรับประทานเนยแข็งให้กับกลุ่มผู้บริโภคคนไทย ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างกว้างขวางและขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อลาวรี่เปลี่ยนเมนูเดิมๆ ให้มีดียิ่งขึ้น
สำหรับทิศทางการทำตลาดจะเน้นสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับแบรนด์ “อลาวรี่” เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งจะเน้นการทำตลาดใน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแม่บ้าน อายุ 35-45 ปี ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองในต่างจังหวัด และกลุ่มผู้บริโภคใหม่ หญิงชายยุคใหม่วัยทำงาน อายุ 25-35 ปี รวมถึงกลุ่มคนทั่วไปที่มีไลฟ์สไตล์นิยมทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน โดยทุ่มงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์สื่อสารการตลาดครบทุกช่องทาง แบบครบวงจรและต่อเนื่อง สร้างการรับรู้ในวงกว้างทั้ง Above the Line และ Below the Line ครอบคลุมสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อออนไลน์ และสื่อในร้านค้าต่างๆ และ โซเชี่ยลมีเดียมาร์เก็ตติ้ง เป็นต้น ประเดิมด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา ชุด “อลาวรี่…เติมมากกว่าความอร่อย” เพื่อสร้างการรับรู้ถึงรูปแบบความอร่อยที่มีให้เลือกหลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการและความชื่นชอบที่แตกต่างของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
คุณชาคริต เตชะนภารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง แนวคิดและคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์โฆษณา ชุด “อลาวรี่…เติมมากกว่าความอร่อย” เป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความพิเศษของผลิตภัณฑ์ “อลาวรี่” ที่ไม่เพียงเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับ เมนูที่คุ้นเคยแล้ว ยังสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในครอบครัวจากการรับประทานอาหารมื้ออร่อยร่วมกันอีกด้วย โดยภาพยนตร์จะถูกถ่ายทอดผ่านกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลัก คือ ระหว่างสามี–ภรรยา, แม่–ลูก และระหว่างกลุ่มเพื่อน ผ่านภาพยนตร์โฆษณา 3 เรื่อง
“ซึ่งที่มาของแนวคิดเกิดขึ้นจากการสังเกตในการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทย คนที่ใช้ชีวิตเหมือนเดิมๆ ทุกวัน ทำกิจกรรมเดิมๆ จนเป็นความคุ้นเคย เกิดเป็นความเคยชิน ซึ่งพอทำซ้ำๆ ก็จะเกิดความเบื่อขึ้น ไม่เว้นแม้ในเรื่องอาหาร อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเคยชินของคนไทยว่าเนยและชีสต้องใช้ในอาหารตะวันตกเท่านั้นหรือ? เราเลยนำเอาคำถาม 2 ข้อนี้ เป็นตัวตั้งในการคิด เราเริ่มสังเกตเมนูหลายๆ เมนูว่าสามารถทำให้ไม่น่าเบื่อได้อย่างไร และสามารถจะเติมเนยและชีสในส่วนผสมได้ไหม เราเลยเปิดครัวทำการทดลองทำอาหารจริง เอาอาหารมากมายหลายเมนูมาทดลองทำ โดยเฉพาะเมนูเดิมๆ ที่เราเคยชินและคุ้นเคย พอเราเติมเนยและชีสอลาวรี่ลงไป ซึ่งทำให้เราได้ผลลัพธ์ที่ดี ที่คาดไม่ถึง และเราเชื่อว่าอาหารยังสามารถเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมบางอย่างของคนได้ด้วย เพราะบางทีปัญหา ที่เกิดขึ้นในครอบครัว อย่างสามีชอบไปดื่มกับเพื่อน ลูกเถลไถลแวะรายทางไม่ยอมกลับบ้าน เพื่อนทำไมชอบมาสายประจำ มันอาจจะเกิดมาจากสิ่งเล็กน้อยๆ ที่เค้าไม่ชอบ แต่เราก็ไม่ได้คิด สะสมกันมาเรื่อยๆ อย่างเช่น อาหารเมนูเดิมๆ ที่กินบ่อยๆ พอไม่มีอะไรแปลกใหม่ สามีก็เลยต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอก หรือลูกแวะซื้อขนมกินดีกว่ารีบกลับมากินข้าวผัดเดิมๆ ที่กินเป็นประจำที่บ้าน ดังนั้น สำหรับเราการเติมอลาวรี่ จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนเมนูเดิมๆ เพื่อได้เมนูอาหารใหม่ที่อร่อยขึ้น แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆ ของคนในครอบครัวให้ดีกว่าเดิมได้อีกด้วย”
นายตงกล่าวเพิ่มเติมว่า แคมเปญ “อลาวรี่…เติมมากกว่าความอร่อย” นี้ไม่เพียงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการนำเสนออาหารในรูปแบบใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับการบริโภคของคนไทยและคุณประโยชน์ของเนยแข็งเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของการเติมความสุขภายในครอบครัว เสริมสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคในทุกกลุ่มวัย เพื่อกระตุ้นให้เกิดความผูกพันกับแบรนด์ อลาวรี่ มากยิ่งขึ้น และคาดหวังช่วยผลักดันยอดขายในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้