เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ประกาศกลยุทธ์ความเป็นผู้นำในภูมิภาคอินโดจีน กลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจของเมก้า ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และยารักษาโรคคุณภาพสูง ประกาศกลยุทธ์ความเป็นผู้นำในภูมิภาคอินโดจีน รวมถึงการเติบโตในประเทศพม่า และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอินโดจีน ตลอดจนการขยายการเติบโตด้วยการเข้าซื้อแบรนด์ “ยูกิก้า” (EugicaTM) ในประเทศเวียดนาม และเป้าหมายของบริษัทฯ ในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าผู้ฝึกอบรม บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยพนักงานเกือบ 3,500 คนของเรา ทั้งในประเทศไทย พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ทำให้เรามีจำนวนพนักงานในภูมิภาคอินโดจีนถึงสามในสี่ของพนักงานทั้งหมดของเรา โดยสามารถทำยอดขายมากกว่าร้อยละ 75 จากยอดขายทั้งหมด ภูมิภาคนี้จึงนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดสำหรับ เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ และยังเป็นภูมิภาคที่เราเล็งเห็นโอกาสยิ่งใหญ่ในการเติบโต”

นายวิเวก ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเข้าซื้อแบรนด์ยูกิก้า (EugicaTM) ยาอมแก้ไอสมุนไพรอันดับหนึ่งในตลาดประเทศเวียดนาม โดยบริษัท โฮง แซง ฟาร์มาซูติคอล (Hau Giang Pharmaceutical-DHG) จะยังคงผลิตยาอมแก้ไอ “ยูกิก้า” ในประเทศเวียดนามต่อไป ซึ่งจะถูกรวมเข้ากับเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านแบรนด์ดิ้งและการตลาดระดับโลกที่แข็งแกร่งของเมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์

“การเข้าซื้อแบรนด์ยูกิก้า เป็นตัวอย่างที่ดีในกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา โดยเราได้ประโยชน์จากการรวมอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ที่หลากหลายในตลาดที่กำลังเติบโตเข้าด้วยกัน ผ่านการเข้าซื้อแบรนด์ต่างๆ”

ในประเทศพม่า เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ เป็นผู้จัดจำหน่าย ยา วิตามิน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรายใหญ่ที่สุด และเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ บริษัทฯ เป็นผู้บุกเบิกตลาดมาตั้งแต่ปี 2538 โดยบริการแก่ร้านค้าขนาดเล็กนับพันร้าน ที่ดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมและยังมีความพร้อมในการยกระดับการให้บริการไปยังร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ทันทีที่ร้านเหล่านี้เปิดให้บริการ โดยสามารถให้บริการด้านการตลาด การขาย การจัดจำหน่าย และบริการขนส่งสินค้ากับบริษัทด้านเภสัชกรรม และบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ

และเพื่อตอบสนองการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ขยายฐานการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์ชั้นนำของบริษัทฯ อันได้แก่ แนทบี (Nat B) แนทซี (Nat C) และน้ำมันปลาชนิดแคปซูล (Fish Oil capsules) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ขายดีที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน รวมถึงโกเฟน (Gofen) ยาแก้ปวดกลุ่มไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย

“เมก้า ประสบความสำเร็จในการเติบโตทางธุรกิจตลอด 26 ปีที่ผ่านมา จากจุดเริ่มต้นที่มีผลิตภัณฑ์จดทะเบียนเพียง 5 ตัว จนเพิ่มขึ้นเป็น 627 ผลิตภัณฑ์ และมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของเราใน 29 ประเทศทั่วโลก” นายวิเวก กล่าวต่อไปว่า “การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะทำให้เราสามารถมีโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตต่อไปในภูมิภาคนี้ รวมถึงสามารถเข้าซื้อแบรนด์ต่างๆ ขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการชำระเงินกู้ยืมที่มีอยู่ และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน

ในแบบคำขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ได้ยื่นให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SEC) เมื่อเร็วๆ นี้ เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ได้ระบุแผนที่จะออกหุ้นจำนวน 216.31 ล้านหุ้น (ทุนจดทะเบียน 0.50 บาทต่อหุ้น) หุ้นจำนวน 129.78 ล้านหุ้นจะเป็นหุ้นใหม่ และที่เหลือ 86.52 ล้านหุ้นจะเป็นหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม ภายหลังจากการจดทะเบียน ผู้ถือหุ้นเดิมจะถือหุ้นร้อยละ 75 ของบริษัทฯ ในขณะที่ร้อยละ 25 จะถือโดยผู้ถือหุ้นรายใหม่ๆ

การจดทะเบียนเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ มีการเติบโตอย่างมาก ด้วยยอดขาย 194.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 159.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554 และ 131.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2553 ขณะที่มีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 22.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 18.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2554 และ 14.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2553

“ความเป็นผู้นำตลาดทั้งในด้านปริมาณผลิตและกระบวนการผลิต กลยุทธ์และจุดยืนที่แข็งแกร่งในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงรายงานแสดงการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ที่พร้อมต้อนรับนักลงทุนรายใหม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” นายวิเวก กล่าวสรุป