นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟแบบครงวงจรภายใต้แบรนด์ “โซลิโต้” เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตลาดรวมของกลุ่มสินค้า ฟู้ดส์ เซอร์วิส ในไทย เติบโตอย่างมากและมีแนวโน้มที่จะแข่งขันกันสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งเหตุปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เติบโตมาจากหลายปัจจัย อาทิ การเข้ามาปลุกกระแสของผู้เล่นรายใหม่จากกลุ่มธุรกิจอาหารต่างชาติ เพราะเห็นถึงศักยภาพของเมืองไทย ทั้งในด้านการขยายตลาด ด้านกำลังซื้อ โดยเข้ามาเปิดธุรกิจเจาะกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย และเตรียมการรองรับการเปิดการค้าเสรีอาเซียนไปในตัว นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ การดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง เร่งรีบ และใช้ชีวิตพร้อมเลือกทานอาหาร นอกบ้านมากขึ้น ทำให้ ณ ปัจจุบันมีการเกิดใหม่ของตัวเลือกร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่มีคุณภาพมาตรฐานต่างๆ การขยายตัวของห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ครอบคลุมทั้งพื้นที่ใจกลางเมือง ชานเมือง รวมถึงพื้นที่ ในต่างจังหวัด และสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
“ปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้และรู้ถึงคุณภาพสินค้ามากขึ้น จากเทคโนโลยีด้านต่างๆ ทั้งมือถือ โซเชียลมีเดีย ที่แนะนำร้านอาหาร ร้านกาแฟ อร่อย สวย หรือแม้แต่วิจารณ์ร้านที่ขายแพง ไม่อร่อย ทำให้เกิดการทดลอง ดังนั้นลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้น รู้จักสินค้ามากขึ้นจากการบอกกล่าว และการบริโภคที่บ่อยขึ้น และคาดหวังคุณภาพมากขึ้น การจัดโปรโมชั่นที่รุนแรงและต่อเนื่อง แต่ละที่ก็จะมีการจัดรายการ ลด แลก แจก แถม เพื่อผลักดันยอดขาย เป็นแรงจูงใจสำคัญทำให้การบริโภคนอกบ้านเพิ่มขึ้น แม้การแข่งขันจะสูงขึ้น แต่ก็เป็นสัญญาณในทางบวกที่ทำให้การบริโภคในภาพรวมขยายตัวขึ้นอย่างมาก ทำให้มีการแข่งขันด้านการพัฒนาคุณภาพ รวมไปถึงการรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้คงที่ ให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งกลุ่มสินค้าของ โซลิโต้ พาวเดอร์ มิกซ์ ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ดี ในทุกๆ มิติ” นายอัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกลุ่มสินค้า ฟู้ดส์ เซอร์วิส ของ คอฟฟี่ บีนเนอรี่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าในหมวดเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษและชาใบ (Specialty Coffee & Tea) ซึ่งถือเป็น หมวดสินค้าหลักของบริษัทฯ ประกอบไปด้วย เมล็ดกาแฟคั่ว และ บด ที่ใช้เครื่องในการชง ทั้งในรูปแบบ เอสเพรสโซ (Espresso Base Beverage) รวมไปถึงระบบดริป (Drip Coffee Base) ซึ่งบริษัทฯ จะมีกาแฟหลากหลายมีทั้งสายพันธุ์อราบิกาและโรบัสต้าที่นำมาคั่วในระดับต่างๆ และเบลนด์ ในสูตรเฉพาะของบริษัทฯ เพื่อเหมาะกับการชงแต่ละประเภทให้ได้รสชาติที่แตกต่างตามความต้องการ ของลูกค้า ส่วนชาก็มีทั้งกลุ่ม ชาสุมาตราและชาไทยสำหรับการชงแบบใช้อุปกรณ์กรอง และกลุ่มสินค้า ในหมวดใหม่ล่าสุด “โซลิโต้ พาวเดอร์ มิกซ์” (Zolito Powder Mix) เป็นสินค้ากลุ่มชงละลาย ที่ให้ความสะดวกสำหรับกลุ่มธุรกิจ ฟู้ดส์ เซอร์วิส อย่างมาก ในด้านความสะดวกในการ
จัดเตรียม และมาตรฐานด้านรสชาติที่เป็นหนึ่งเดียว รวมไปถึงการเตรียมในปริมาณครั้งละมากๆ ก็รองรับได้ดี เหมาะสำหรับการชงให้บริการสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม หรือในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แบบเชน ประกอบไปด้วย สินค้าเบื้องต้น 4 ชนิดคือ ชาไทย มิกซ์ (Thai Tea Mix), ชานมไทยปรุงสำเร็จ หวานเย็นชื่นใจ ตามตำนานชาเย็นไทย กรีนทีลาเต้ มิกซ์ (Green Tea Latte Mix), ชาเขียวลาเต้ กลมกล่อม หอมละมุนกรุ่นกลิ่นชา ช็อกโกแลต มิกซ์ (Chocolate Mix) สำหรับเตรียมช็อกโกแลตร้อนหรือเย็นที่เข้มข้น หวานหอม ชื่นใจ และ ครีม มิกซ์ (Cream Mix) ผงครีมปรุงพิเศษเพิ่มความหวานมันสำหรับเมนูต่างๆ อาทิ กาแฟเย็น
ด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มธุรกิจ ฟู้ดส์ เซอร์วิส ของ คอฟฟี่ บีนเนอรี่ ภายใต้แบรนด์ “โซลิโต้” ณ ปัจจุบันนั้น นายอัคคพันธ์อธิบายเพิ่มเติมในส่วนดังกล่าวว่า “บริษัทฯ มีแนวทางการวางจำหน่าย สินค้ากลุ่มนี้ โดยใช้ช่องทางหลักๆ คือ การขายผ่านหน่วยขายธุรกิจ ฟู้ดส์ เซอร์วิส ของบริษัทฯ เอง ที่เข้าติดต่อลูกค้าโดยตรง รวมถึงการขายผ่านทางไฮเปอร์มาร์ท (Hyper market) อาทิ แมคโคร และสุดท้ายคือการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคต่างๆ ทั้วประเทศ นอกจากนี้ คอฟฟี่ บีนเนอรี่ ยังรองรับ การผลิตแบบ OEM ภายใต้แบรนด์ของลูกค้าสำหรับลูกค้าที่ต้องการนำไปทำตลาดต่อ ส่วนในอนาคต เล็งขยายไปยังตลาดส่งออก โดยเริ่มจากในภูมิภาคอาเซียนก่อน เพราะความสะดวกในการจัดเตรียม รวมไปถึง มาตรฐานของเครื่องดื่มที่สามารถรองรับการขยายตัวของตลาดได้ทันท่วงที”
“คอฟฟี่ บีนเนอรี่ มั่นใจอย่างมากว่าการรุกตลาด ฟู้ดส์ เซอร์วิส ของเราในครั้งนี้ จะสร้างให้บริษัทฯ เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเราไม่ได้เน้นทำตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เรามองไปถึงตลาดในกลุ่ม AEC ด้วย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมทั้งด้านมาตรฐานการผลิตและคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานสากล จึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพต่างๆ มากมาย อาทิ GMP, HACCP, ISO9001: 2008, BRC, HALAL, Thailand Trusted Mark อันเป็นการรับรอง ถึงคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตอาหารด้านต่างๆ อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ การวิจัย และพัฒนาสินค้าโดยเฉพาะเรื่องรสชาติก็เป็นหัวใจหลักในการดำเนินงานของเรา ซึ่งเราเองมีการวิจัย คิดค้นสูตรเครื่องดื่มต่างๆ ที่รองรับความต้องการของตลาด โดยมีการทดสอบชิมเพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นที่ ยอมรับทั้งของคนไทยและต่างชาติ” นายอัคคพันธ์ กล่าวสรุป