หลังจากที่ช็อกโกแลตสัญชาติอังกฤษ “แคดเบอรี (Cadbury)” เคยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งได้คว้านางเอก “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ แต่ไม่นานนักก็ได้ม้วนเสื่อกลับประเทศ และหายจากตลาดอยู่พักใหญ่ เพราะสินค้าไม่หลากหลายทำให้ยังไม่โดนใจผู้บริโภค อีกทั้งพฤติกรรมการกินช็อกโกแลตก็ยังไม่แพร่หลายมาก กลายเป็นว่าการจำหน่ายในตอนนั้นคือ “การลองตลาด” เท่านั้น
ในช่วงปลายปี 2557 แคดเบอรีได้หวนสู่ตลาดประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมกับการทำการบ้านศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยอย่างเต็มที่ ทั้งในการออกแพ็กเกจจิ้งหลายขนาด มีหลายรสชาติ และกิจกรรมการตลาด เพื่อสู้ศึกตลาดช็อกโกแลตอย่างเต็มสูบ ซึ่งจะใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่เป็นตำนานกว่า 200 ปีมาเป็นจุดแข็ง และรสชาติในระดับพรีเมียมที่ใช้สูตรจากประเทศออสเตรเลีย
การคัมแบ็กใหม่หนนี้แคดเบอรีจึงจัดเต็มทุกรูปแบบ ทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาทตลอดทั้งปี และมาพร้อมกับแคมเปญใหญ่ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ที่เป็นช่วงกอบโกยรายได้มากกว่าช่วงอื่นถึง 40% ด้วยแคมเปญ “Say It with Cadbury” เป็นการให้ผู้บริโภคสามารถปั๊มข้อความลงบนช็อกโกแลตเพื่อบอกความในใจแก่คนพิเศษ ซึ่งเป็นแคมเปญแบบอีโมชันนอลที่ถูกจริตคนไทยอยู่แล้ว
หลังจากที่แคดเบอรีได้ลอนซ์ภายใน 2 เดือนแรกครองส่วนแบ่งการตลาด 3.3% จากตลาดรวมช็อกโกแลตมูลค่า 5,100 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7-10% ที่มีผู้นำตลาดเป็น “คิทแคท” และ “ไมโล” และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด 10% ในปีนี้