หากยังจำได้ เฟซบุ๊ก (Facebook) เคยถูกตั้งคำถามถึงแนวทางการปรับปรุงระบบการวัดผลโฆษณาให้มีประสิทธิภาพว่าบริษัทมีแนวทางอย่างไร มาในวันนี้ ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 อาจเป็นการตอบคำถามในครั้งนั้นได้ดี
โดยเฟซบุ๊กได้เผยถึงยอดผู้ใช้เฟซบุ๊กของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่พบว่าเติบโตขึ้นเพียง 0.97 เปอร์เซ็นต์ หรือจาก 204 ล้านคนเป็น 206 ล้านคน แต่รายได้จากค่าโฆษณาโดยเฉลี่ยของบริษัทที่ได้รับจากการใช้งานของยูสเซอร์เหล่านั้นกลับเพิ่มจาก 6.64 เหรียญสหรัฐต่อคน เป็น 8.26 เหรียญสหรัฐต่อคน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 24 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ไม่เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ในยุโรป รายได้จากค่าโฆษณาต่อจำนวนยูสเซอร์ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเพิ่มถึง 21 เปอร์เซ็นต์ จากอัตราการเติบโตของยูสเซอร์ที่อยู่แค่ 1.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้หลายคนต้องกลับมามองระบบการจัดการด้านโฆษณาของเฟซบุ๊กว่ากลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดอย่างหนึ่งไปแล้ว ที่สามารถเพิ่มรายได้ให้องค์กรได้มากกว่า 20 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของจำนวนยูสเซอร์
ขณะที่ตัวเลขจากประเทศกำลังพัฒนา เช่น แอฟริกา และอเมริกาใต้นั้น พบว่ามียอดการเติบโตของยูสเซอร์ 3 เปอร์เซ็นต์จาก 423 ล้านคน เป็น 436 ล้านคน ส่วนรายได้จากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 12 เปอร์เซ็นต์ จาก 0.82 เหรียญสหรัฐต่อคน เป็น 0.92 เหรียญสหรัฐต่อคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งมากทีเดียว
ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมานั้น บริษัทมีรายได้ 3.85 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.77 พันล้านเหรียญสหรัฐด้วย
โดยรายได้หลักถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของเฟซบุ๊กเป็นรายได้จากธุรกิจโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
ด้านซีอีโออย่างมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กเผยว่า เป็นเพราะบริษัททำงานอย่างหนักในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องมือในการจัดการโฆษณา ส่วน COO อย่างเชอร์รีล แซนเบิร์กก็เผยว่า ผลของการพัฒนาระบบดังกล่าวกำลังเริ่มตอบแทนกลับคืนมาแล้ว
ส่วนไตรมาสที่ 4 นั้น เฟซบุ๊กก็หันไปทุ่มให้กับการพัฒนาระบบ News Feed เพื่อให้ยูสเซอร์ได้ใช้เวลาบนเฟซบุ๊กนานขึ้น และนั่นหมายถึงการได้เห็นโฆษณาต่างๆ มากขึ้นด้วย นอกจากนั้นยังมุ่งพัฒนาในส่วนของวิดีโอคอนเทนต์ ซึ่งปัจจุบันเฟซบุ๊กมียอดการรับชมคลิปวิดีโอถึง 3 พันล้านครั้งต่อวัน นั่นหมายถึงว่าเฟซบุ๊กสามารถเพิ่มคลิปโฆษณาลงไปในฟีดเหล่านั้นได้มากขึ้นอีกด้วย
ส่วนโครงการอย่าง Facebook At Work นั้น ทางเฟซบุ๊กระบุว่ายังไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทในตอนนี้
ปัจจุบันเฟซบุ๊กมีแอ็กทีฟยูสเซอร์ (Active User) อยู่ราวๆ 526 ล้านคนต่อเดือนที่เล่นเฟซบุ๊กจากโทรศัพท์มือถือจากจำนวนแอ็กทีฟยูสเซอร์ทั้งหมด 1,390 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ในนาทีที่นักลงทุนจอมโลภบางคนต่างหันมามองหุ้นของเฟซบุ๊กตาเป็นมันนั้น มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กก็เผยประโยคที่ทำเอาหลายๆ คนหน้าหงาย โดยเขากล่าวว่า “ถ้าคุณจ้องแต่จะหาวิธีทำให้เงินของคุณเติบโต ไม่ต้องมาซื้อเฟซบุ๊ก” พร้อมให้เหตุผลว่า เฟซบุ๊กถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อโลกและผู้คนเข้าด้วยกัน ถ้าเขาคิดแต่จะหาเงิน เขาคงไม่ให้การสนับสนุนองค์กรอย่าง Internet.org แน่นอน
ได้ใจสาวกไปเต็มๆ อีกรอบ
ที่มา : http://manager.co.th/CbizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9580000011235