จากกรณีที่มีกระแสข่าว มาก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มคาสิโน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากฝรั่งเศส ได้เตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) และบิ๊กซี ได้เคยออกมาปฏิเสธข่าวไปนั้น
ล่าสุดปรากฏว่า บิ๊กซี ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วว่า กลุ่มคาสิโน ได้แจ้งว่า มีผู้แสดงความสนใจจะซื้อหุ้นของบริษัทบิ๊กซี จากกลุ่มคาสิโน และกลุ่มคาสิโนกำลังพิจารณาว่าจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทฯ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม บิ๊กซี ยังไม่ได้รับข้อมูลในเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ได้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดในกลุ่มนักลงทุนว่า 3 กลุ่มบริษัทใหญ่คือ กลุ่มเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์, กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ ของธนินท์ เจียรวนนท์ และกลุ่มเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ก็มีความสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นบิ๊กซีต่อจากกลุ่มคาสิโน ซึ่งถือหุ้นในบิ๊กซีประมาณ 58.5%
ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม 2558 บิ๊กซี ได้เคยออกมาปฏิเสธข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ ว่า กลุ่มคาสิโนว่า ต้องการขายหุ้นบิ๊กซีเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ เป็นเงินถึง 7 หมื่นกว่าล้านบาท ว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งกลุ่มคาสิโนกรุ๊ป ได้มีการพิจารณาการจัดตั้งกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ รีท (REIT) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา เพราะให้ผลตอบแทนในระดับที่ดีและมั่นคงจากรายได้ค่าเช่าหรือรายได้อื่นใดที่ REIT สามารถจัดหาผลประโยชน์ได้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ประกาศกำหนด
นอกจากนี้ มีแผนเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้นจํานวน 6 สาขา บิ๊กซี มาร์เก็ตจํานวน 3 สาขา และร้านมินิบิ๊กซีจํานวน 75 สาขา ในปี 2559 พร้อมกับมีแผนการปรับปรุงพื้นที่เช่าและพื้นที่ขายของไฮเปอร์มาร์เก็ตให้แล้วเสร็จภายในปี 2559 จํานวน 7 สาขา และจะดำเนินกลยุทธ์ด้านราคา และเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของรายได้ค่าเช่าของบริษัทและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
เปิดตำนานบิ๊กซี
การเข้ามาลงทุนในธุรกิจค้าปลีกในไทยของกลุ่มคาสิโน มาจากการที่ชนะประมูลซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในไทย ไปด้วยราคา 3.5 หมื่นล้านบาท เฉือนเอาชนะกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และกลุ่ม ปตท. ซึ่งกลุ่มคาสิโนได้เปลี่ยนชื่อจากคาร์ฟูร์มาเป็น บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
ก่อนหน้านี้ กลุ่มคาร์ฟูร์ ได้ซื้อกิจการต่อมาจากกลุ่มเซ็นทรัลอีกที โดยที่คาร์ฟูร์ และกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ได้เคยร่วมกันจัดตั้งบริษัท เซ็นคาร์ เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกคาร์ฟูร์ และต่อมากลุ่มเซ็นทรัลได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 40% ให้กับคาร์ฟูร์ออกไป ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ 2541 จนกระทั่งในปี 2553 คาร์ฟูร์จึงได้ตัดสินใจขายกิจการในไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ก่อนจะมาเปลียนมืออีกครั้งในปี 2559 ซึ่งต้องดูว่าข้อเสนอของใคร จะเข้าตากลุ่มคาสิโน