ทำไมซื้อ Instagram ถึงเป็นดีลที่ดีที่สุดของ Facebook ?

ในเดือนเมษายน 2012 Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ได้ลงมือทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด ขณะที่ Facebook กำลังจะทำโรดโชว์เพื่อเปิดขายหุ้น IPO Zuckerberg ตัดสินใจเข้าซื้อบริษัทแอพพลิเคชั่นโพสต์รูปภาพอายุ 2 ปีนาม Instagram
 
ที่สำคัญ Zuckerberg ทุ่มเงินมหาศาล ด้วยเงินถึงหนึ่งพันล้านเหรียญ เพื่อซื้อบริษัทที่มีพนักงานเพียง 13 คน ไม่มีรายได้ และที่สำคัญเป็นบริษัทที่นักลงทุนที่จะเข้าร่วม IPO โรดโชว์ของ Facebook ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
 
การเข้าซื้อ Instagram ในครั้งนั้นสร้างความกังวลขึ้นทันที นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการเข้าซื้อบริษัทของ Zuckerberg แสดงถึงนิสัยมือเติบของเขา อีกทั้งยังสงสัยว่าชายหนุ่มวัย 27 ปีในตอนนั้นพร้อมที่จะเป็นผู้นำบริษัทมหาชนแล้วหรือยัง
 
แต่การตัดสินใจครั้งนั้นอาจเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดที่ Zuckerberg เคยทำ
 
แหล่งรายได้แห่งใหม่
 
Instagram กลายเป็นดาวเด่นในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ของปี 2015 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนได้สัมผัสกับความหอมหวานของแหล่งรายได้ใหม่ของ Facebook เป็นครั้งแรก
 
แม้ว่า Facebook จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่ารายได้จาก Instagram นั้นเป็นเท่าไร และสัดส่วนรายได้ที่ Instagram ทำให้กับ Facebook เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
 
แต่แค่จุดเริ่มต้นก็ส่งผลแล้ว Sheryl Sandberg ซีโอโอของ Facebook ระบุในการประชุมทางไกลด้านผลประกอบการครั้งนี้ว่า ผู้ลงโฆษณาสูงสุด 98 รายใน 100 รายลงโฆษณาบน Instagram ด้วยเช่นกัน
 
Even Wilson นักวิเคราะห์จาก Pacific Crest Securities วิเคราะห์ว่า Instagram คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดการมองเห็นโฆษณาหรือ Impression พุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่สี่นี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีก่อน นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่สามปี 2013 ที่ยอดการมองเห็นโฆษณาสูงขึ้นเมื่อเทียบกันแบบปีต่อปี
 
Paul Vogel จาก Barclay ประเมินว่า รายได้จาก Instagram ในไตรมาสที่สี่น่าจะอยู่ที่ 276 ล้านเหรียญ และคาดว่าจะเพิ่มสูงถึง 1.3 พันล้านเหรียญตอนสิ้นปี 2016
 
แปลง่ายๆ ได้ว่า รายได้งามๆของ Facebook ที่เพิ่งทำให้ตลาดหุ้นตื่นตะลึงจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีหน้า
 
ปัจจัยด้านความ “เจ๋ง”
 
แต่นอกจากด้านรายได้แล้ว ยังมีอีกเหตุผลที่การเข้าซื้อ Instagram เป็นก้าวที่ชาญฉลาดของ Facebook
 
 
บริษัทในโลกออนไลน์หลายแห่งสูญเสียปัจจัยที่สร้างความ “เจ๋ง” ของตนเองไปอย่างรวดเร็ว เพราะเหล่าวัยรุ่นมักจะเปลี่ยนไปใช้บริการที่ใหม่กว่า ฮิปกว่าอยู่เสมอ
 
Instagram ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้อยู่ 400 ล้านคน ช่วยให้ Facebook ยังคงภาพลักษณ์ความ “เจ๋ง” ในสายตาของเด็กรุ่นใหม่ไว้ได้
 
เห็นได้ชัดจากความคิดเห็นของวัยรุ่นสองคนจากการสำรวจด้านเทคโนโลยีเชิงลึกของ Business Insider เมื่อไม่นานมานี้
 
“ฉันใช้ Facebook แต่ฉันไม่สามารถแสดงความเป็นตัวเองได้เต็มที่ เพราะพ่อแม่ของฉัน รวมทั้งพ่อแม่ของเพื่อนๆ เป็นเพื่อนกับฉันบน Facebook” ผู้ตอบแบบสอบถามวัย 16
 
“Snapchat และ Instagram ฉันชอบโพสต์รูปภาพทุกอย่างที่ทำและทุกที่ที่ไปเที่ยว แล้วก็ชอบดูด้วยว่าคนอื่นทำอะไรกันบ้าง” ผู้ตอบแบบสอบถามวัย 15
 
Facebook ตระหนักถึงปัญหานี้ดี ในรายงานการเงินล่าสุดของบริษัท Facebook ยอมรับว่าผู้ใช้วัยรุ่น “เอ็นเกจกับผลิตภัณฑ์และบริการอื่นที่มีความคล้ายคลึง หรือนำมาทดแทนผลิตภัณฑ์และบริการของ Facebook และคาดว่าผู้ใช้ของเราเอ็นเกจกับ Facebook น้อยลงเนื่องจากหันไปใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการอื่นนี้เอง”
 
Zuckerberg น่าจะตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกันเมื่อปี 2012 ตอนที่เขาเข้าซื้อ Instagram สิ่งที่คนทั้งโลกเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ความจริงแล้วคือการวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์จุดอ่อนในอนาคตของบริษัท และเป็นการวางเงินประกันเพื่อความมั่นคงของบริษัทจำนวน 1 พันล้านเหรียญนั่นเอง
 
ดังนั้น เมื่อมองเหตุการณ์นี้กลับไป เราจะพบว่า การเข้าซื้อในครั้งนั้น คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม