เป็นตัวเลขที่ทำเอาหลายคนแปลกใจไม่น้อยสำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ผลงานการกำกับล่าสุดของ “พจน์ อานนท์” (พชร์ อภิรุจ) จากค่าย “เอ็มพิคเจอร์” หลัง “มีข่าว” ออกมาว่าหนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้ในการเปิดตัววันแรกเมื่อ 6 เมษายนที่ผ่านมาไปถึง 22 ล้านบาท
ทั้งนี้จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” กลายเป็นหนังไทยอันดับ 3 ที่มีรายได้การเปิดตัวในวันหยุดสูงที่สุดไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่อันดับหนึ่งนั้นยังเป็นของ “องค์บาก” กับรายได้ 30 ล้านบาท และอันดับ 2 “ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” ที่กวาดไป 29.17 ล้านบาทตามเดิม
นับตั้งแต่วันเข้าฉาย 6 เมษายนจนถึงวันที่ 11 เมษายนหนังหลวงพี่แจ๊สฯ ทำรายได้ไปแล้วทั้งหมด 72.74 ล้านบาท ซึ่งหากวิเคราะห์กันในหลายๆ ปัจจัยก็ต้องบอกว่าตัวเลขดังกล่าวนั้นมีที่มาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจำนวนโรงฉายซึ่งแทบจะเรียกว่า “เหมาโรง” เครือเมเจอร์ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเพราะเอ็มพิคเจอร์กับเมเจอร์นั้นว่าไปแล้วก็คือกระเป๋าเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของราคาค่าตั๋วเพราะแม้หนังจะเข้าฉายวันพุธซึ่งปกติตั๋วจะถูกกว่าวันธรรมดา แต่เนื่องด้วยวันพุธที่ 6 เมษายนที่หนังเข้าฉายนั้นเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ดังนั้นค่าตั๋วนอกจากจะไม่ถูกแล้วยังแพงกว่าวันธรรมดาๆ ทั่วๆ ไปอีกต่างหาก
แต่กระนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็เห็น “จังหวะ” ของหนังเองที่ต้องบอกว่ามาได้ลงตัว ทั้งความเป็นหนังตลกแบบในรูปแบบที่ค่อนข้างจะถูกกับรสนิยมคนส่วนใหญ่ของบ้านเรา หรือจะเป็นเรื่องของเพลงและภาพยนตร์ตัวอย่างที่ถูกโหมโปรโมตผ่านทั้งทางโลกโซเชียลและในโรงที่ถูกปล่อยออกมาในก่อนหน้าซึ่งทำได้อย่างน่าสนใจและได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมากๆ
รวมไปถึงช่วงจังหวะ “ขาขึ้น” ของตัวเอกของเรื่องอย่าง “แจ๊ส ชวนชื่น” ที่ตอนนี้หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปซะทั้งหมดเนื่องเพราะภาพลักษณ์ของเจ้าตัวที่ออกมานั้นค่อนข้างจะถูกจริตกับเด็กวัยรุ่นยุคนี้ ทั้งสไตล์การแต่งตัว ความเป็นคนตลกแบบนักเลงยียวนกวนบาทา ฯ ซึ่งถึงตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากว่า “แจ๊ส ชวนชื่น” นั้นคือหนึ่งในไอดอลระดับซุปตาร์ของเด็กวัยรุ่นยุคโซเชียลบ้านเราไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ขึ้นไปถึง 150 ล้านบาทตามที่มีการโหมโปรโมตอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่นั้นสุดท้ายสิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดก็คงจะหนีไม่พ้น “คุณภาพ” ของตัวหนังนั่นเอง
จากการสอบถามความรู้สึกไปยังคนดูบางส่วนพบว่าหากเปรียบเทียบกับความอยากดูในก่อนหน้าและความรู้สึกหลังดูแล้วต้องบอกว่ามีหลากหลาย ทั้ง ก็สนุกดี เฉยๆ ไปจนถึงผิดหวังนิดๆ ด้วยเหตุผลว่าหนังไม่มีอะไร แถมการเดินเรื่องก็ค่อนข้างขาดความต่อเนื่องเพราะดูเหมือนตัวหนังจะมุ่งแต่เน้นขายมุกตลกอย่างเดียว
โดยภาพรวมของ “หลวงพี่แจ๊ส 4G” ที่ออกมาต้องบอกว่าไม่ต่างอะไรไปจากหนังของ “พจน์ อานนท์” ที่ผ่านๆ มา คือเล่นกับกระแสหรือสถานการณ์ที่เป็นประเด็น ซึ่งถ้าเมืองนอกมีหนังสไตล์ “ยำหนังจี้” (scary movie) หลวงพี่แจ๊สก็คงจะเป็นไปในลักษณะ “ยำข่าว(โซเชียล)จี้” อะไรทำนองนี้
แต่ทั้งนี้สิ่งหนึ่งต้องชื่นชมผู้กำกับสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือความพอดีในการที่จะเล่นมุกตลกที่ไม่หยาบโลน และไม่เลอะเทอะ เลยเถิด เหมือนกับหนังบางเรื่องที่ผ่านมาของเจ้าตัวนั่นเอง
ถึงตรงนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ายุทธวิธีการโปรโมตของตัวผู้กำกับเองที่ออกมาระบุว่าหากจะดูหนังเรื่องนี้ก็ต้องเสียเงินเข้าไปดูในโรงเพราะจะไม่มีการปั๊มเป็นแผ่นออกมาวางขายนั้นจะสร้างกระแสหรือไปกระตุ้นให้คนทั่วไปยอมเสียเงินเข้าโรงไปดู “หลวงพี่แจ๊ส 4G” กันได้มากน้อยเพียงใด
เพราะลำพังถ้าจะไปหวังกระแสจาก “ปากต่อปาก” นั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากจริงๆ