ใครที่เบื่อความเชื่องช้าของโมเด็ม 56K แล้วกำลังมองหาความเร็วอินเทอร์เน็ตที่จะมาสนอง “Need” ให้กับตัวเองได้มากกว่าเดิม ฉบับนี้ทีมงาน POSITIONING ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ที่จะช่วยย่นระยะเวลาการหาข้อมูลไว้ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
คงต้องยอมรับว่ากระแสของ Broadband ที่กำลังตื่นตัวอยู่ในเวลานี้ ซึ่งมีการทุ่มโฆษณากันอย่างจริงจัง ทั้งตามหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ นิตยสาร ทั้งในด้านของผู้ให้บริการ หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบธุรกิจเอง ก็ได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคอนเทนต์ของตัวเอง ซึ่งจะนำมาให้บริการบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคสามารถดูภาพยนตร์ ฟังเพลง ดูมิวสิกวิดีโอใหม่ล่าสุด หรือเล่นเกมออนไลน์ได้พร้อม ๆ กัน โดยผ่านอินเทอร์เน็ต เพียงแต่ว่าการจะดาวน์โหลดข้อมูลที่มีขนาดใหญ่อย่างนี้ได้เร็วทันใจ จำเป็นต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหน่อยเท่านั้น
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากกระแส Broadband ซึ่งเป็นเหมือนสิ่งกระตุ้นเร้า ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จนกระทั่งเกิดความอยากได้ อยากมีไว้ใช้ทดแทนโมเด็ม 56K แบบเดิม ๆ ที่ความเร็วเอื่อยเฉื่อย ให้ความรู้สึกที่ช้าเกินไปในการเข้าถึงข้อมูล จนต้องเริ่มมองหาสิ่งที่รวดเร็วมากกว่าเดิม ไว้ใช้กับเขาบ้าง
อัพเกรดได้ 3 ระดับ
การปรับระดับความเร็วของอินเทอร์เน็ตจากโมเด็ม 56K มาใช้ความเร็วที่สูงขึ้น แบ่งง่าย ๆ ออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน คือ
ระดับที่ 1 เปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (hi-speed internet) ที่ใช้ได้ 1 เบอร์โทรศัพท์ต่อ 1 จุดต่อ 1 เครื่อง เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องอื่นในเวลาเดียวกันได้
ระดับที่ 2 เปลี่ยนมาใช้ ADSL ที่โทรศัพท์ 1 เบอร์ สามารถทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ในบ้านใช้งานพร้อมกันได้ 1-4 เครื่อง แต่ความเร็วก็ลดลงไปด้วย
ระดับที่ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด คือ การติด Wi-Fi หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเครือข่ายไร้สาย ที่เพิ่มอิสระการใช้อินเทอร์เน็ตทุกพื้นที่ (ขึ้นอยู่กับการติดตั้งว่าจะให้มีสัญญาณครอบคลุมบริเวณใดบ้าง) โดยสามารถใช้คอมพิวเตอร์ต่ออินเทอร์เน็ตพร้อมกันได้มากกว่า 4 เครื่อง แต่แน่นอนว่าความเร็วก็ต้องลดลงไปด้วย เพราะต้องแบ่งความเร็วกันใช้
เช็กต้นทุน
ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกว่า 56K ก็ต้องมานั่งคำนวณก่อนว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายยิบย่อยอะไรบ้าง ในการติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตใหม่ งบประมาณในกระเป๋าพอหรือไม่กับการลงทุน โดยทีมงาน POSITIONING ได้ทำการตรวจสอบค่าใช้จ่ายเบื้องต้นของผู้ให้บริการ ทั้งองค์การโทรศัพท์ และทรู คอร์ปอเรชั่น เอาไว้ให้ผู้อ่านตัดสินใจกันง่ายขึ้น
hi-speed internet
สำหรับระดับนี้ เบอร์โทรศัพท์ 1 เบอร์ ใช้งานอินเทอร์เน็ตกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 1 เครื่องเท่านั้น ไม่สามารถใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเวลาเดียวกันได้
โดยข้อดีสำหรับการเปลี่ยนมาใช้อินเทอร์เน็ตในระดับนี้คือ เป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่อยู่บนพื้นฐานของ ADSL โหลดข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม 5 เท่าขึ้นไป ด้วยความเร็วเริ่มต้นที่ 256 Kbps. ซึ่งการใช้ระบบนี้จะสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้อง disconnected กับระบบที่เชื่อมต่อก่อน แม้จะมีสายเข้า หรือต้องการใช้โทรศัพท์เบอร์เดียวกันนี้โทรออกไปยังเบอร์อื่น ก็ทำได้พร้อม ๆ กับการเล่นอินเทอร์เน็ต ซึ่งจุดนี้เป็นข้อแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตระบบเก่าอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผู้ให้บริการ hi-speed internet มีเพียง True Corporation เท่านั้น
ADSL
การใช้อินเทอร์เน็ตระบบนี้มีข้อดี คือ สามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตพร้อม ๆ กันได้ 1-4 เครื่อง จึงเหมาะกับกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม รวมทั้งเป็นการพัฒนาให้ตรงกับลักษณะการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ต้องการความเร็วในการดาวน์โหลดสูงและการอัพโหลดต่ำ อีกทั้งยังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้พร้อมกับการใช้งานโทรศัพท์
ผู้ให้บริการ ADSL มีทั้งองค์การโทรศัพท์ และ True Corporation ซึ่งแต่ละรายก็มีจุดเด่นของแพ็กเกจที่ให้บริการแตกต่างกันไป โดย ADSL ของ True ผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้ความเร็วที่สูงกว่าโมเด็ม 56K แบบเดิม 2-18 เท่า ได้ตามความต้องการ ซึ่งมีความเร็วในการรับข้อมูล (Download) ได้ระหว่าง 128 Kbps – 1 Mbps และส่งข้อมูล (Upload) ได้ที่ความเร็ว 64-512 Kbps
ส่วนทางด้านองค์การโทรศัพท์ สามารถรับข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุด 2 Mbps และส่งข้อมูล (Upload) ได้ที่ความเร็วสูงสุด 512 Kbps โดยผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้การเชื่อมต่อในลักษณะจุดต่อจุด (point to point) โดยมีความเร็วในการส่งข้อมูลตั้งแต่ 64 Kbps – 256 Kbps หรือเลือกใช้ในแบบ Corporate User ที่ไม่จำกัดชั่วโมงการใช้งาน สามารถใช้คอมพิวเตอร์พร้อมกันได้ 1-4 เครื่อง หรือเลือกติดตั้งในแบบองค์กรธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider – ISP) ก็ได้ ซึ่งจะมีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันไป
Wi-Fi Internet
เป็นบริการที่ให้อิสระในการต่อเชื่อมไร้สาย ในทุกมุมของบ้าน และที่ทำงาน ที่สามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งเครื่องโน้ตบุ๊ก, PC, PDA โดยสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ หรือจะเชื่อต่อคอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องในเวลาเดียวกันก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยปัจจุบัน True Corporation ได้เปิดให้บริการ 2 แพ็กเกจ ด้วยกัน คือ
1. Wi-Fi Unlimited Monthly Plan ที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถออนไลน์ได้ทุกที่ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน รวมทั้งบริเวณที่มีสัญลักษณ์ Wi-Fi Internet Zone ที่มีจุดบริการครอบคลุมพื้นที่ 79 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งมีความเร็วสูงสุด 512 Kbps
2. Wi-Fi @ Home ที่สามารถเปลี่ยนบ้านหรือออฟฟิศให้เป็นโลกไร้สาย ในทุกมุมของบ้าน ด้วยความเร็วที่มีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการ
เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้อ่านคงจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากต้องการเปลี่ยนระบบอินเทอร์เน็ตแบบเดิม ๆ มาใช้ในแบบที่เร็วกว่าเดิม ดีกว่าเดิม ซึ่งในขณะนี้ผู้ให้บริการแต่ละรายก็ได้จัดโปรโมชั่นอย่างดุเดือดแข่งกันแทบจะทุกเดือน ดังนั้นราคาจะต่ำกว่าที่แสดงไว้ข้างต้นแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการลงทุนระยะยาว เพราะฉะนั้นควรเลือกให้ตรงทั้งใจและงบประมาณที่มีในกระเป๋าของคุณให้มากที่สุด
Website