เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2547 Microsoft ได้จัดงาน Window “Experience More” ขึ้นที่สำนักงาน Microsoft สิงคโปร์ ซึ่งงานนี้ Microsoft จัดเป็นงานแถลงข่าวเฉพาะสื่อมวลชนเท่านั้น โดยตัวไฮไลต์ของงานจะอยู่ที่ ตัว Windows XP นั่นเอง ที่ทางไมโครซอฟท์นำเสนอให้เห็นถึงวิวัฒนาการทั้งในปัจจุบันและในปี 2005 ข้างหน้านี้ งานที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นทางการครั้งแรกของทาง Microsoft เกี่ยวกับตัว Windows XP Media Center Edition 2005 ที่คาดว่าจะเป็นหมัดเด็ดสำหรับ Microsoft ในปี 2005 นี้
Windows XP Media Center Edition 2005 ถูกพัฒนาด้วยแนวคิดที่ต้องการรวมรีโมตของสื่อ Multimedia ทั้งหมดไว้ในรีโมตเดียวไม่ว่า การฟังเพลง, ดูหนัง, จัดการกับอัลบั้มภาพส่วนตัว รวมไปแม้กระทั่งการมีตารางรายการโทรทัศน์อัตโนมัติผ่านทาง ”หน้าจอโทรทัศน์” แน่นอนหลายคนคิดว่าตัว Media Center Edition 2005 คงจะเป็นโปรแกรมทางด้านความบันเทิงที่ต้องอยู่กับหน้าจอพีซีเท่านั้น แต่ Media Center คือการสั่งงานผ่านหน้าจอโทรทัศน์ได้โดยตรงโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าจอคอมฯ ตลอดเวลา
ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจกันง่ายขึ้นก็ลองนึกถึงห้องนั่งเล่นในบ้านที่คุณเอาไว้พักผ่อนดูทีวี ดูภาพยนตร์หรือฟังเพลง เพียงแต่ตัดเอาภาพปกติที่มีเครื่องเล่นหลายอย่าง รีโมตหลายตัว มาเป็นโทรทัศน์ที่เชื่อมต่อเข้ากับพีซีเพียงเครื่องเดียว ที่เก็บไฟล์ Multimedia ต่างๆ ไว้ไม่ว่าจะเป็น เพลง,หนัง หรือภาพ และควบคุมด้วยรีโมตเพียงอันเดียว ถ้าพูดกันในทางด้านเทคโนโลยี แนวคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะอุปกรณ์ที่มีจำหน่ายในปัจจุบันก็สามารถพอที่จะทำให้คุณมีห้องนั่งเล่นแบบนี้ได้ เพียงสิ่งที่แตกต่างคือ Microsoft ใช้ Windows XP ที่ตัวเองมีพัฒนาส่วนของ Media Player ให้มีความสามารถและรองรับแนวคิด Media Center ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรูปแบบนั้นได้ง่ายขึ้น
การต่อยอดของ Microsft สำหรับ Media Center อีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือการผนวก MSN เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Media Center ทำให้ผู้ใช้สามารถ online ได้ตลอดเวลา พร้อมกับสามารถ Download Multimedia ต่างๆ โดยผ่านเครือข่ายของ MSN ได้ทันที
แนวคิดของ Media Center นี้ถึงแม้จะเป็นแนวคิดสำหรับรูปแบบชีวิตในอนาคตก็ตาม แต่ก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า คนกับความบันเทิงนั้นเป็นของคู่กัน และตลาดทางด้านบันเทิงเองก็ดูจะเป็นตลาดที่ใหญ่โตและหอมหวาน จนดึงดูดเอาบริษัททางด้านเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาผลิตสินค้าและบริการทางด้านบันเทิงกันมากขึ้น ดูได้จากอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำหน่ายในตลาดนั้น สัดส่วนของอุปกรณ์ทางด้าน Digital Entertainment ก็มากขึ้นเรื่อยๆ และผู้ผลิตระบบปฏิบัติการอย่าง Microsoft เองก็ดูเหมือนกำลังจะเบนเข็มหันหน้าเข้าสู่ด้านนี้มากขึ้น โดยใช้ Windows XP Media Center Edition 2005 เป็นหัวหอกในการกรุยทางต่อไป และด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีเหล่านี้ก็คงจะทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงอีกครั้งไปสู่ยุคของ Digital Entertainment อย่างที่ครั้งหนึ่ง Internet เคยเปลี่ยนการใช้ชีวิตของคนมาแล้ว