บันเทิง ดนตรี กีฬา และแฟชั่น เป็นสิ่งที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน ในสังคมปัจจุบันศิลปินชื่อดังมากมายเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นให้กับเด็กรุ่นใหม่ได้ทำตามกันอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปัจจุบันสภาพสังคมในบ้านเราที่เปิดกว้างมากขึ้น พร้อมกับเด็กรุ่นใหม่มีความกล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออกมากขึ้น ทำให้วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ได้เป็นแค่วัยรุ่นแบบที่แต่งตัวไปตามกระแสแฟชั่นของแต่ละช่วงเท่านั้น แต่วัยรุ่นหลายคนนอกจากการแต่งกายมีทั้งผลงาน ทั้งความคิดที่ทำให้ตนเองเป็นที่ยอมรับในสังคม
แน่นอนว่าเมื่อเด็กกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ กล้านำเสนอในสิ่งที่ตนเองคิด แฟชั่นการแต่งกายจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเท่านั้น แต่จะถูกแยกออกไปตามแนว ไปตามความชอบของแต่ละกลุ่มกันไป หากจะนำสิ่งใดมาแบ่งแยกนั้น การแบ่งแยกตามแนวเพลงคงจะเห็นได้ชัดที่สุด เพราะศิลปินในแนวเพลงแต่ละแนวก็มีแนวในการแต่งตัวตามกันไป เมื่อศิลปินเหล่านั้นโด่งดัง ก็กลายเป็น idol สำหรับวัยรุ่น
ดังนั้น เมื่อโลกของดนตรีมีความหลากหลาย แฟชั่นจึงหลากหลายตามไป ทุกวันนี้เราเห็นเด็กวัยรุ่นกล้าที่จะแต่งตัวมากขึ้น หลายคนที่เราเห็นดูแปลกตา จนเป็นที่มาของคำว่า “เด็กแนว” เด็กแนวที่ว่านี้ก็จะมีทั้งกลุ่มวัยรุ่นที่รู้ตนเองอยู่จริงว่าตนเองชอบและต้องการทำสิ่งใดและจะแต่งตัวไปในแนวไหน แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ยังค้นหาตัวเองอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเป็นสิ่งไหน แต่ถูกกระแสแฟชั่นพัดพาไป หรือที่เราเรียกกลุ่มนี้ว่า “wanna be”
ถึงจะมีทั้งแนวจริง และมีทั้งที่กำลังค้นหาแนวอยู่ กลุ่มวัยรุ่นก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดกลุ่มหนึ่ง ถึงแม้วัยรุ่นส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถหารายได้เองได้ แต่กำลังซื้อที่มาจากกระเป๋าของผู้ปกครองนั้นก็มีสูงเสียจนสินค้าหลายอย่างไม่สามารถที่จะปฏิเสธกลุ่มวัยรุ่นไปได้ ดังนั้น ปัจจุบันเราจะเห็นกิจกรรมทางด้านการตลาดมากมายที่พยายามออกแคมเปญต่างๆ มาตอบสนองวัยรุ่นกลุ่มนี้ รวมไปทั้งโทนของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็ยังใช้รูปแบบนำเสนอผ่าน “เด็กแนว” ที่ว่านี้
เมื่อช่วงไหน แนวไหนเป็นที่นิยม สินค้าก็จะวิ่งเข้าหาเป็นธรรมดา เมื่อแฟชั่นแนวนั้นถึงช่วงตกก็จะมี แนวใหม่ๆ เกิดขึ้น สินค้าก็จะมุ่งไปยังแนวใหม่ที่ว่า ไม่ต่างอะไรกับเด็กวัยรุ่นที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ