ในเมืองไทยซึ่งมีประชากรมากกว่าไต้หวันที่มี 25 ล้านคน และกระแสชาเขียวของเราถือว่าดังมาก ยอดขายชาเขียวล่าสุดแค่เกือบ 6,000 ล้านบาทต่อปี (ประมาณ 150 ล้านดอลลาร์) เท่านั้น โดยถ้าคิดเป็นจำนวนหน่วยของน้ำหนักชาที่ดื่มแล้ว หายอดโดยประมาณคร่าวๆ จากราคาขายปลีก 20 บาท ตลาดไทย มีทั้งแบบกระป๋องที่เล็กกว่า และแบบขวด (500 มล.ต่อขวด) คิดตามปริมาตรต่อขวดคร่าวๆ แล้ว คนไทยดื่มชาเขียวปีที่แล้วปริมาตรอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านลิตร
ขณะที่ยอดการดื่มของคนไต้หวัน ถ้าคิดเป็นยอดจำนวนขวดจากมูลค่า 15.7 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน จำหน่ายประมาณ 25- 30 ดอลลาร์ไต้หวันต่อขวด (โค้กราคา 18 ดอลลาร์ไต้หวัน) ยอดอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านขวดต่อปี จำนวนนี้เมื่อผวนกลับมาเป็นปริมาตรมาตรฐาน โดยประมาณอยู่ที่ 250 ล้านลิตร แต่ตัวเลขจากสื่อมวลชนรายหนึ่งบอกว่า คนไต้หวันดื่มชาทั้งหมดปีละ 2,000 ล้านลิตร ทั้งนี้มีการขายชาเย็นเป็นแก้วทั่วไป ปรุงโดยร้านค้าเอง ที่ราคา 10-30 ดอลลาร์ไต้หวัน
ในประเทศไทยตามยอดคาดการณ์การเติบโตนั้น ตลาดชาเขียวคนไทยจะดื่ม คิดตามปริมาตรเพิ่มเป็นประมาณ 250 ล้านลิตร หรือเชื่อว่าตลาดจะขยายถึง 10,000 ล้านบาทต่อปีในปีนี้
โออิชิบอกว่าเดิมมีส่วนแบ่งตลาด 38 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้เพิ่มเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ และสิ้นปีคาดว่ามียอดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์