แม้จะสิ้นบุญเซเลบริตี้รุ่นลายครามอย่างเจ้าป้ากอแก้ว ประกายวิล ณ อยุธยา ไปแล้วแต่วันนี้การที่จะหาคนดังที่รุ่นใกล้ๆกันจะมาบอกเล่าให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความเป็นจริงในสังคมเซเลบริตี้ตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน คงไม่มีใครอื่นใดนอกเหนือจาก วี มาร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์และโฆษณา นิตยสาร Hi ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นเซเลบริตี้ที่คลุกคลีอยู่กับวงการไฮโซมานานพอ ๆ กับเจ้าป้ากอแก้ว
พื้นฐานวี มาร์ เป็นผู้หญิงไทยไปพบรักสามีฝรั่งมิสเตอร์ สจ๊วต มาร์ ซึ่งมีเชื้อสายความเป็นผู้ดีอังกฤษเก่า คนสมัยเมื่อ 20-30 ปี ก่อนการที่ผู้หญิงไทยได้แต่งงานกับคนต่างชาติถือเป็นเรื่อง Talk of the town แต่เมื่อคิดลงหลักปักฐานที่จะรักกับสามีตาน้ำข้าว พูดไทยไม่ชัด แถมมีดีกรีความเป็นผู้ดีอังกฤษเก่า ก็ไม่ทำให้ผู้หญิงไทยคนนี้หวั่นไหวไปตามคำพูดของคนในสังคม ว่า ชีวิตคู่ของคนทั้งสองนี้จะไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
วินาทีที่เธอได้ตัดสินใจแต่งงานกับสจ๊วต มาร์ ภาระกิจแรกที่ย่างเท้าของเธอมาเหยียบบนพื้นแผ่นดินไทยคือ การสมัครเข้าไปทำงานในตำแหน่งเลขานุการ กับทางสายการบินคาร์เธ่ย์ แปซิฟิค แอร์เวย์ ด้วยความร้อนวิชาอย่างแรงเพราะบูมหลังก่อนหน้านี้เธอพึ่งไปคว้าประกาศนีย์บัตรDiploma First Class ด้านเลขานุการที่วิทยาลัย Marlbouroug Gate จากประเทศอังกฤษก่อนมาพบรักกับสามีฝรั่ง
ด้วยหน้าที่การงานทำให้มีโอกาสได้ออกไปพบปะกับผู้คนในแวดวงชั้นสูงตามโรงแรมที่เธอต้องไปติดต่องาน ผนวกกับการที่ได้ควงแขนสามีไปตามงานสังคมต่าง ๆ เป็นประจำจุดนี้ที่ทำให้เธอค่อย ๆ ได้รับหล่อหลอมซึมซับความเป็นเซเลบริตี้ พร้อมไปด้วยกิริยา มารยาท การวางตัวในสังคม การได้รู้จักเลือกบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างความเป็นเซเลบริตี้ให้ดูโดดเด่นมากขึ้น
เพราะเมื่อรู้จักกับผู้คนในวงสังคมชั้นสูงทำให้เธอมีโอกาสได้รับคำแนะนำทั้งในด้านของการฟังเพลงคลาสิค ของนักแต่งเพลงชื่อดังอย่างโมสาร์ท บีโธเฟ่น Vivadee ซึ่งความเป็นเซเลบริตี้ของคนสมัยก่อนนั้นจะนิยามคนเหล่านี้ให้เป็นไฮโซ ต้องมาจากพื้นฐานชาติตระกูล มีการศึกษาสูงส่ง ทำงานเพื่อสังคม มีการบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยเหลือตามงานกาชาด งานกุศล สังคมจะยกย่องชมเชยไฮโซกลุ่มเหล่านี้จากคุณความดีที่ทำเพื่อสังคมจริง ๆ
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่โลกเปิดการค้าเสรีสังคมไฮโซก็พลอยไร้พรมแดนไปด้วยคนรุ่นใหม่กระเป๋าตังค์ตุงไปด้วยเงินล้าน มีรสนิยมแต่งตัวด้วยสินค้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สามารถมาเดินโฉบฉิวไปมา จากนั้นก็กระโจนลงมาสู่วังวนสังคมชั้นสูง จนปัจจุบันไฮโซกลายเป็นสถานที่หนึ่งที่คนรุ่นใหม่อยากเข้ามาลิ้มลองเพราะนั้นคือบันไดทางลัดที่เร็วในการก้าวเข้าสู่ความมีชื่อเสียง ไปไหนมีแต่รู้จัก กลายเป็นคนดังภายในชั่วข้ามคืนเดียว
เป็นเรื่องที่เธออยู่มานานทำให้ไม่แปลกที่จะเห็นวิวัฒนาการความเป็นไปในสังคมไฮโซตั้งแรกเริ่มจนถึงขณะนี้ เพราะเดี๋ยวนี้สังคมไฮโซกลายเป็นสนามการค้ามีการติดต่อซื้อขายธุรกิจ สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างกันเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะมีการเชื้อเชิญเฉพาะลูกค้าที่เป็นวีไอพีจริง ๆ
ดังนั้นการออกงานสังคมแต่ละครั้งจำเป็นอย่างยิ่งที่เธอต้องทำผม แต่งหน้า หาเสื้อผ้าเครื่องประดับอย่างดีเพื่อใส่ไปในงาน เพราะนั้นเป็นการแสดงออกถึงการให้เกียรติเจ้าภาพที่เชิญ และ ต้องเลือกไปงานสำคัญ ๆ ที่สนิมสนมกับเจ้าภาพจริง ๆ แต่ปัจจุบันไฮโซกลายเป็นพวกที่ชอบออกงานสังคมบ่อย ๆ เป็นพวกที่เชิญมาร่วมงานง่ายไม่ต้องจ่ายตังค์จ้างก็มาเพื่อมาเดิน ๆ ให้เต็มงานสร้างสีสัน เปิดตัวเองออกสู่สังคมเพื่อจะสร้างภาพลักษณ์ตัวเองออกไปสู่สายตาคนภายนอก
วันนี้วี มาร์ ได้ผันตนเองจากการเป็นเลขานุการเพื่อมารับงานในตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์และโฆษณา ให้กับนิตยสาร Hi เมื่อปี 2545 ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับเป็นการนำศักยภาพของตนเองที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงสังคมเซเลบริตี้มาต่อยอดความฝันของตนเองที่อยากทำงานในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์ แต่โอกาสยังไม่เอื้ออำนวยเพราะช่วงนั้นต้องคอยดูแลปรนนิบัติสามี
จนเมื่อสามีของเธอได้ล่วงลับและเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่เธอได้รับการทาบทามให้เข้าช่วยทำงานในนิตยสาร Hi ด้วยการนำองค์ความรู้ที่เธอรู้จักไฮโซมาหลากหลายเป็นเวลาแรมปีมาช่วยพัฒนาให้นิตยสารเล่มนี้มีความเด่นชัดมากขึ้นในด้านของการนำเสนอเนื้อหาความเคลื่อนไหวของเซเลบริตี้จริง ๆ ที่ไปออกงานพบปะตามสังคมชั้นสูงจริง ๆ มีการสัมภาษณ์พูดคุยในมุมมองความเป็นไลฟ์สไตล์ของคนดัง ไม่ว่าจะเป็น ชาลอต โทณวณิก พรสรรค์ กำลังเอก
ความถี่ในการออกงานสังคม
ต่อสัปดาห์ไม่เกิน 3 งาน โดยงานที่ไปเป็นประจำ คือ เครื่องสำอางลังโคม ลาแมร์ นาฬิกาโอเมก้า คาร์เอฟ บุ๊ค คัลเลอร์ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นลูกค้าที่ลงโฆษณากับนิตยสาร Hi และ เป็นสินค้าที่วี มาร์ ใช้ประทินผิวและสวมใส่เป็นประจำ