ธุรกิจบนแผ่นฟิล์มยุคนี้ พ.ศ.นี้ เมื่อหนังดัง หนังดี ระดับโกอินเตอร์ จำเป็นต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้าง Movie Marketing “ต้มยำกุ้ง” ได้ 4 สปอนเซอร์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าต้มยำกุ้ง, HAPPY จาก DTAC, เครื่องดื่ม เอ็ม 150 และการบินไทย ถือเป็น Exclusive Band สำคัญ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีพลังทางการตลาดที่ช่วยส่งเสริม Band ของหนัง และตัวสินค้าผู้สนับสนุนแบบคู่รักคู่รส
รสเด็ดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป!
เมื่อชื่อภาพยนตร์บนแผ่นฟิล์ม ต้มยำกุ้ง ผูกโยงกับแบรนด์สินค้าดังอย่าง “มาม่าต้มยำกุ้ง” พลังของ Movie Marketing บนเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จึงเกิดขึ้น!!
ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า ของเครือสหพัฒนพิบูล นับเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลัก ผู้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง อย่างเป็นทางการ สามารถกล่าวได้ว่า เบื้องหลังหนังดัง และบะหมี่ดังยี่ห้อนี้ กลายเป็นพลังการตลาดที่แซ่บร้อนแบบไม่ธรรมดา
เบื้องหลังที่ทำให้มาม่า กลายเป็นสินค้าที่ทางสหมงคลฟิล์ม ปรารถนาอยากให้เข้ามาร่วมเป็นสปอนเซอร์มากที่สุด เพราะมาม่า เป็น รอยัลตี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน ทำให้คนไทยเรียกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า “มาม่า” จนติดปาก และเมื่อชื่อหนังมีสัญลักษณ์บางอย่างที่สะท้อนถึงบุคลิกของมาม่ารสต้มยำกุ้ง โดยเฉพาะรสชาติของเครื่องปรุงรสต้มยำกุ้ง
“คุณเอ๋ (อวิกา เตชะรัตนประเสริฐ) ลูกสาวเสี่ยเจียงเป็นผู้ติดต่อมาทางผู้บริหารของมาม่า และเราเห็นว่า น่าจะสนับสนุนหนังไทย ความเป็นไทยสู่ตลาดโลก จึงตัดสินใจขอเป็นหนึ่งในการสนับสนุนหนังเรื่องนี้”
ธนินธร โชควัฒนา ทายาทคนดังของตระกูลโชควัฒนา ผู้รับหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ผลิตมาม่า สินค้าในเครือสหพัฒนพิบูล บอกอีกว่า มาม่าลงทุนจ่ายเงินค่าสปอร์เซอร์ครั้งนี้จำนวนถึงประมาณ 5 ล้านบาท และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผลิตภัณฑ์มาม่า ในการเข้าร่วมเป็นสปอนเซอร์หนังไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีการจัดทำผลิตภัณฑ์มาม่าคัพ สำหรับภาพยนตร์ต้มยำกุ้งขึ้น โดยเฉพาะ
นั่นคือ การนำภาพของ จา พนม ยีรัมย์ พระเอกของเรื่อง 3 เวอร์ชั่น มาติดอยู่ในแพ็กเกจจิ้งของมาม่าคัพ โดยจะมีจำนวนถึง 3 ล้านกล่อง ออกวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมๆ กับการจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อส่งเสริมการขายและการคืนกำไรให้กับผู้บริโภคตามโมเดิร์นเทรดในพื้นที่ทั่วประเทศ กิจกรรมพิเศษ เช่น จับรางวัลสำหรับผู้โชคดี เมื่อซื้อมาม่าเส้นเหลือง รสต้มยำ แบบซองและแบบคัพ ครบ 50 บาท มีสิทธิได้ตั๋วหนังฟรี 1 รางวัล ฯลฯ
นี่เปรียบเสมือนแบรนด์สร้างแบรนด์ สินค้าช่วยสินค้า เมื่อหนังดีต้องการพลังโปรโมต มาม่าก็เป็นเหมือนแรงหนึ่งที่สามารถเชื่อมต่อการขยายสื่อถึงผู้ชม ผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรผู้สนับสนุนภาพยนตร์ต้มยำกุ้งของมาม่าครั้งนี้ ผู้บริหารมาม่า ยืนยันว่า ไม่ได้มีผลต่อการสร้างยอดขาย แต่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้เกิดความรู้สึกถึงความเป็นไทย สินค้าไทย และหนังไทย เพราะมาม่า และหนังไทยอยู่กับสังคมไทยมาช้านาน
“แพ็กเกจจิ้งที่ทำเพียง 3 ล้านกล่อง เปรียบเทียบกับยอดการผลิตของมาม่าทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ เราทำแค่นี้เพราะเรามองเรื่องกระแสหนังด้วยว่า น่าจะมีอายุการฉายประมาณหนึ่งเดือน และก็คงค่อยๆ หมดกระแสลงไป”
เรียกว่า Movie Marketing งานนี้นอกจากผู้ชมจะเอร็ดอร่อยกับรสชาติต้มยำกุ้งบนแผ่นฟิล์ม ยังอิ่มท้องกับรสแซ่บ เผ็ดร้อน ของบะหมี่ยี่ห้อนี้อีกด้วย
อร่อยแบบ Happy
ด้วยบุคลิกของแบรนด์ Happy ที่ดูสนุกสนาน จึงถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 4 พันธมิตรหลักที่เป็นสปอนเซอร์โปรโมตหนังไทยฟอร์มยักษ์เรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งสอดรับกับพอร์ตเรื่องของหนังแนวบู้สนุกสนาน ด้วยฝีไม้ลายมือนักแสดงบู้ระดับประเทศอย่าง “จา พนม” และ “พันนา ฤทธิไกร” รวมทั้งตลกชื่อดังอย่าง “หม่ำ จกม๊ก” ก็น่าจะรับประกันความฮาแปลกแหวกแนวได้เป็นอย่างดี
วัชรพงษ์ ศิริพากษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายแฮปปี้ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า หนังเรื่อง “ต้มยำกุ้ง” ตรงกับคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ Happy ที่ดูสนุกสนาน และมีสีสัน จึงตัดสินใจทุ่มงบประมาณ 8 ล้านบาท เข้าไปร่วมโปรโมตหนัง ผ่านบัตรเติมเงิน Happy คอลเลกชั่น “ต้มยำกุ้ง”ขนาดราคา 300 บาท ที่มียอดผลิตสูงสุดถึง 2 ล้านใบ จากปกติผลิตแค่ 5-6 แสนใบเท่านั้น โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 4 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้เพื่อให้สมกับความยิ่งใหญ่ของหนังไทย “ต้มยำกุ้ง” ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากตลาดต่างประเทศ และ Happy เชื่อว่าจะเป็นหนังที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการหนังไทย ทั้งในด้านรายได้ และระยะเวลาฉายในโรงนานกว่าเรื่องอื่นๆ เช่นเดียวกับแบรนด์ Happy ที่ต้องปรากฏแก่สายตาผู้ชมทั่วประเทศทุกครั้งก่อนดูหนังเรื่องนี้
นับว่าเป็นกลยุทธ์ Movie Marketing ที่ Happy ใช้สร้างแบรนด์ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ด้วยการเริ่มต้นเดินสายฉายหนังกลางแปลงไปยังกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ เพื่อสื่อแบรนด์ให้เข้าถึงตลาดเซ็กเมนต์ในกลุ่มมหาชนอย่างชัดเจน และปีนี้ปรับกลยุทธ์เชิงลึกมากขึ้น ด้วยการเข้าไปสปอนเซอร์หนังไทยแนวสนุกสนานเกือบทุกเรื่อง อาทิ แจ๋ว, หมานคร ที่สร้างรอยยิ้มให้คนไทยมาแล้ว วัยอลวล และไฉไลที่จะออกฉายเร็วๆ นี้ เป็นต้น
“หนังไทยที่ Happy เลือกสนับสนุน ต้องมีเนื้อหาที่สนุกสนาน และสร้างรอยยิ้มให้คนดูตลอดทั้งเรื่อง และรู้สึกมีความสุข (Happy) ทุกครั้งที่ดูหนังจบ เพื่อสื่อให้ลูกค้าหรือผู้ชมเข้าใจบุคลิกของแบรนด์ Happy ได้อย่างชัดเจน และจดจำแบรนด์ไว้ในความรู้สึกได้นานที่สุด เชื่อว่าหนัง “ต้มยำกุ้ง” ที่จะลงโรงวันที่ 11 สิงหาคมนี้ก็เช่นกัน”
บัตรเติมเงิน Happy คอลเลกชั่น “ต้มยำกุ้ง” มีทั้งหมดเพียง 3 เวอร์ชั่น ซึ่งแต่ละเวอร์ชั่นถูกออกแบบโดยสหมงคลฟิล์ม เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการดัดแปลง หรือเปลี่ยนแปลงภาพ และในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์ที่พันธมิตรทั้ง 4 รายจะต้องจ่ายให้เจ้าของหนังรายละประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อนำภาพไปตีพิมพ์ลงในผลิตภัณฑ์ อาทิ บัตรเติมเงิน Happy และแพ็กเกจจิ้งมาม่าคัพ เป็นต้น
เอ็ม 150 –การบินไทย ร่วมปรุงรส
อีกสองพันธมิตร ผู้สนับสนุน “ต้มยำกุ้ง” อย่างเครื่องดื่มชูกำลัง เอ็ม 150 และการบินไทย งานนี้ประกาศก้องว่า ขอร่วมปรุงรสภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเต็มที่สู่ตลาดโลก
ที่ผ่านมาเอ็ม 150 ได้พยายามสร้างบุคลิกของสินค้าให้เป็นแบรนด์ของฮีโร่ มีแอ็กชั่นสำหรับความเป็นชายหนุ่ม หลายปีก่อน เอ็ม 150 ได้เคยสนับสนุนภาพยนตร์ของ “เฉินหลง” แบบฉบับหนังตระกูล “ฟัด” มาอย่างต่อเนื่อง ถึงวันนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เอ็ม 150 จะขอร่วมสร้าง จาพนม ให้เป็นฮีโร่ของคนไทย
“หนังเรื่องนี้ ตรงกับคาแร็กเตอร์ของสินค้าเราเป็นอย่างดี และยิ่งตัวละครที่มีลักษณะเป็นฮีโร่ของคนไทยด้วยแล้วงานที่เอ็ม 150 ยอมทุ่ม”
ขณะที่การบินไทย พันธมิตรทางการเดินทาง ซึ่งทางสหมงคลฟิล์ม บอกว่า เป็นผู้สนับสนุนด้านตั๋วเครื่องบินทั้งหมด ในการเดินทางไปถ่ายทำที่ประเทศออสเตรเลีย และการบินไทยมีแผนการตลาดโดยจะช่วยนำภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง เปิดฉายบนเครื่องบิน ตามไฟว์ที่เดินทางไปยุโรป เพื่อโปรโมตให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทย และอยากเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
ทำให้ภายนตร์เรื่องนี้ มีสื่อประชาสัมพันธ์เกือบทุกช่องทาง ทั้งบนฟ้า และบนดิน ที่ช่วยสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับต้มยำกุ้ง