ไม่เพียงเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ”มหากิจศิริ” หลังเข้าสู่พิธีแต่งงานเมื่อปลายปี 2548 กับ “อุษณีย์ มหากิจศิริ” บุตรสาวคนโตของนักธุรกิจการเมืองชื่อดังของไทย “ประยุทธ มหากิจศิริ” แต่ ”ลอเรน ลีโอนีโอ” ยังได้เป็นสมาชิกใหม่ของสังคมไทย หลังเปลี่ยนสัญชาติจากฟิลิปปินส์เป็นไทย และได้ชื่อภาษาไทยว่า ”ปิยพัฒน์ วรวณิช”
ลอเรน เกิดและเติบโตที่ฟิลิปปินส์ ด้วยพื้นฐานครอบครัวทำธุรกิจเดินเรือขนส่งน้ำมันมูลค่ามหาศาล แต่ตัวเลขที่แท้จริงไม่อาจเปิดเผยได้ เพราะเศรษฐีตัวจริงของฟิลิปปินส์นั้นไม่มีใครเปิดเผยความร่ำรวยของตัวเอง
เวลานี้ไม่เพียงการเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่เท่านั้น แต่นี่คือการเริ่มต้นอีกหลายด้านในชีวิตของเขา ซึ่งกว่า 6 เดือนที่อยู่ในบ้านเมืองและสิ่งแวดล้อมใหม่ ขณะนี้เขาเริ่มมองหาลู่ทางเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเองในไทย
“ตอนนี้พยายามศึกษาลู่ทาง ศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Feasibilty Study) อะไรที่มีความเหมาะสม เพราะผมมาอยู่ในต่างประเทศ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม ตลาดไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ควรต้องรอบคอบและระมัดระวัง พ่อผมบอกเสมอว่าให้ใช้เวลาศึกษานานๆ ทำแผนแล้วค่อยปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติเลยหากศึกษาไม่ดี ก็อาจล้มเหลวได้”
ธุรกิจแรกที่เขากำลังศึกษา เกี่ยวกับอาหารอยู่ในแนวของร้านอาหาร หรือฟาสต์ฟู้ด ที่เป็นอาหารไทยในต่างประเทศ ที่หวังไว้ว่าจะผลักดันให้แบรนด์ไทยเป็นแบรนด์ระดับโลก (Global Brand)
คำตอบสุดท้ายว่าจะลงทุนธุรกิจนี้หรือไม่ เขาบอกว่าขอเวลาสรุปถึงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แต่ระหว่างทางหากมีธุรกิจอื่นที่น่าสนใจก็อาจไปศึกษาธุรกิจใหม่ก็เป็นได้
แม้ธุรกิจอาหารจะไม่ใช่สิ่งที่เขา หรือแม้กระทั่งครอบครัวที่ฟิลิปปินส์ก็ไม่เคยทำมาก่อน แต่ปิยพัฒน์ก็บอกว่า ไม่ใช่เรื่องยาก อย่างครอบครัวตอนนี้ทำธุรกิจชิปปิ้ง (บริการขนส่งทางเรือ) ก่อนทำชิปปิ้งก็เคยทำธุรกิจประมงมาก่อน ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมีระบบบริหารที่ดี คนทำงานที่ดี เหมือนอย่างถ้าเปิดร้านอาหาร ก็ต้องเป็นอาหารที่ดี อร่อย สะอาด และบริการต้องดีด้วย หรืออย่างจีอี (General Electric) บริษัทของสหรัฐอเมริกา ทำตู้เย็น ทีวี เครื่องยนต์เครื่องบิน มีการเปลี่ยนแปลงหลายสินค้า เปิดแบงก์ หรือแม้แต่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี เครือข่ายทีวีใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นของจีอี การทำธุรกิจหลากหลายนั้นทำได้ แต่ทุกอย่างต้องศึกษา และทำแผน ต้องมองหาโอกาสทางธุรกิจ และศึกษา มองหาคนทำงานที่มีคุณภาพเข้ามาทำงาน เหมาะสมกับงานนั้น
อาจด้วยความบังเอิญที่แนวธุรกิจนี้ใกล้เคียงกับนโยบายของรัฐบาล ที่ ”ประยุทธ” ในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน ที่ใกล้ชิด พ.ตท.ทักษิณ ชินวัตร ตามแผนผลักดัน ”ครัวไทยสู่ครัวโลก” แต่ปิยพัฒน์ก็บอกว่า ไม่คิดว่าจะได้สิทธิพิเศษที่นอกเหนือจากคนอื่นจะได้ เป็นไปตามกฎหมาย เพราะทุกอย่างในการทำแผนธุรกิจก็ทำด้วยตัวเอง คิดว่าไปเปิดเมืองนอก ไม่ได้เปิดเมืองไทย เป็นนโยบายรัฐบาลไทย แต่ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะไม่คิดเปิดในเมืองไทย
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาต้องถูกจับตามองอย่างแน่นอน
“เพราะครอบครัวคุณตุ๊ก High Profile ในสังคมนะหรือ จริง เวลาที่อยู่ในครอบครัว ทานข้าวเย็นกัน ก็ไม่ได้คุยกันเรื่องธุรกิจอะไร คุยแต่เรื่องที่เกี่ยวกับคนในครอบครัว มีแต่ทักทายกัน Hi! เป็นยังไงบ้าง ทุกคนในครอบครัวปกติทำงานหนัก เวลาทานอาหารก็ไม่อยากคุยเรื่องธุรกิจแล้ว”
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วธุรกิจของครอบครัวภรรยา ซึ่งมีตั้งแต่สเตนเลส ในนาม ”ไทยน๊อคซ์” ไปจนถึงกาแฟ “เนสกาแฟ” เขาไม่มีแผนจะเข้าไปมีส่วนร่วมเลยหรือ
โดยทันทีเขาบอกว่า “ไม่ เพราะตัวผมเองมีธุรกิจครอบครัวอยู่ฟิลิปปินส์ ธุรกิจในไทยของคุณตุ๊ก เพระฉะนั้นจึงคิดว่าควรตั้งธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าครอบครัวคุณตุ๊กให้ช่วย ในฐานะครอบครัวเดียวกัน ก็ช่วย อย่างให้คอมเมนต์เรื่องโลโก้บริษัท สี ลักษณะก็แค่นั้น เหมือนอย่างบ่ายวันอาทิตย์วันหนึ่งคุณประยุทธถามโลโก้ไทยน๊อคซ์เป็นไงบ้างก็แค่นั้นเอง หรือบางทีบริษัทจะจ้างชาวต่างชาติมาทำงานก็ให้ไปช่วยสัมภาษณ์ แค่นี้ก็ช่วยได้ แต่ให้ไปทำเลยไม่ดีกว่า
ปิยพัฒน์ ยังรู้จักเมืองไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในแง่ของเศรษฐกิจ และการเมืองของประเทศไทยที่เขาเห็นว่าระบบเศรษฐกิจของไทยก้าวหน้าไปมาก
“ผมมาจากประเทศที่มีปัญหามากกว่าประเทศไทยมาก ดังนั้นเมืองไทยในมุมมองของผมจะดีกว่าฟิลิปปินส์ ผมคิดว่านายกรัฐมนตรีทำได้ดีจริงๆ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมได้พบกับเขา เขาเป็นคนธรรมดา เขามีเรื่องล้านเรื่องต้องทำ นั่นคือปัญหา มีหลายเรื่องที่ต้องการให้เขาทำ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ทีเดียวทุกเรื่องหรอก เพราะเขาแค่คนคนเดียว ในเวลาเดียวกัน ต้องเลือกปัญหาที่สำคัญ และทำก่อน
พ่อของผมที่ฟิลิปปินส์ก็บอกผมว่าการเมืองไม่สามารถทำให้ทุกคนแฮปปี้ได้ ซึ่งก็เป็นความจริง อย่างการแก้ปัญหา นายกรัฐมนตรีก็ต้องหยิบยกปัญหาที่มีผลกระทบกับคนจำนวนมากก่อน แต่คนบางส่วนก็อาจไม่ได้รับการแก้ปัญหา”
ความเห็นของ ”ปิยพัฒน์” ชัดเจนและจริงใจ ที่แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของเขาต่อความเป็นไปของการเมือง เป็นทัศนะที่ให้สัมภาษณ์กับ POSITIONING ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองเพิ่งเริ่มคุกรุ่น (ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549) จึงต้องค้นหาต่อ
“สูตรของความล้มเหลว คือการพยายามทำให้ทุกคนพอใจ การทำให้คนชอบทุกคนเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าผมจะใกล้ชิด แต่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากเขา แต่เห็นว่าไทยก้าวหน้าขึ้น ประเทศผมเคยดีกว่าไทย แต่ตอนนี้ไทยดีกว่า มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นในไทย ต้องให้เครดิตกับนายกรัฐมนตรี เป็นล้านเรื่องที่มีปัญหาให้นายกรัฐมนตรีแก้ไข แต่ทำวันเดียวไม่ได้ ต้องใช้เวลา“
เข้าใจขนาดนี้แล้ว เมื่อถามไปว่าวันหนึ่งถ้ามีโอกาสจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ และทันทีอีกเช่นกัน ปิยพัฒน์บอกว่า “ไม่ ครอบครัวผมในฟิลิปปินส์ไม่มีใครอยู่ในการเมือง รุ่นพ่อก็ไม่มีใครอยู่ในการเมือง ผมคิดว่าบางคนเหมาะที่จะอยู่ในการเมือง บางคนไม่เหมาะ เหมือนกับบางคนเป็นครูได้ บางคนเป็นไม่ได้ แม้จะมีเพื่อนๆ หลายคนอยู่ในสภาที่ฟิลิปปินส์ มาชวนผมให้ลงการเมืองที่ฟิลิปปินส์ แต่ผมก็พูดทันทีว่าไม่ ไม่ชอบ เพราะต้องมีคนพยายาเสนอข่าวที่แย่เกิ่ยวกับตัวผม อยากมีชีวิตเป็นส่วนตัวเงียบๆ มากกว่า ผมสัญญาได้เลยว่า ไม่ว่าจะในไทย ในฟิลิปปินส์ หรือที่ไหนในโลก ก็จะไม่เล่นการเมือง I don’t like politics.”
Profile:
Name : ปิยพัฒน์ วรวณิช (ชื่อเดิม ลอเรน ลีโอนีโอ)
Age : 36 ปี
Education :
– De La Salle Zobel – High School
– De La Salle University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศฟิลิปปินส์ จบทางด้านบริหารธุรกิจ
– Norwegian Shipping Academy ปริญญาบัตรทางด้านการเดินเรือ
– Babson College (MBA – Entrepreneurship)
Career Highlights :
Group president ของบริษัทดังนี้
– Petrolift group of companies ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือน้ำมันข้ามชาติที่มีผลกำไรอันดับสองของประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
– LLL holdings Inc. ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองที่ดินติดสนามบินแห่งใหม่ของประเทศฟิลิปฟินส์ถึง 5,000 ไร่ มูลค่าโครงการ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
– Board of director – Philippine inter island shipowners association
– ประธานกรรมการฝ่ายเทคโนโลยีเรือของ – Phillipine petroleum sea transport association
– สมาชิก Philippine chamber of commerce and industry