“ผมเติบโตมากับการเมือง”สุรเกียรติ เทียนทอง

ในบรรดาบุตรชาย 4 คน และบุตรสาว 1 คน ของผู้เฒ่าแห่งวังน้ำเย็น “เสนาะ เทียนทอง” และ ป้าอุ “อุไรวรรณ เทียนทอง” “สุรเกียรติ เทียนทอง” บุตรชายคนกลาง เป็นอีก 1 คนในทายาททั้งหมดที่วันหนึ่งต้องลงสนามการเมืองอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า วันนี้เขาต้องการเวลาเพื่อบ่มเพาะให้ตัวเองมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างที่ตัวเองต้องการ

“การเมืองผมมองว่าถึงเวลามันเข้ามาเอง การเมืองสมัยใหม่ถ้าจะเข้า ถ้าในมุมมองผม ผมอยากทำให้สังคมยอมรับ ที่ไม่ใช่ว่าเป็นลูก เสนาะ เทียนทอง แต่ต้องยอมรับว่าเป็นสุรเกียรติ เทียนทอง เป็นตัวของตัวเองให้ได้ก่อน เมื่อถึงเวลา ถ้ามีโอกาส ก็คงเข้าไปในส่วนของการเมือง”

เป็นคำตอบที่เราบอกกับเขาว่า ”ชัดเจนดี”

ความคิดมากกว่านั้น”สุรเกียรติ” หรือ ”อุ้ม” ชื่อเล่นในกลุ่มคนที่รู้จักเรียกขาน คือ

“การเมืองเข้าได้หลายทาง จะเข้าทางที่เป็นท้องถิ่นก่อน แล้วค่อย ๆ โตขึ้นไป หรือจะเดินเส้นทางธุรกิจก่อน แล้วเข้าไปตอนช่วงเวลาที่ตัวเองพร้อมที่สุด ผมยังมองส่วนที่สอง ผมจะเข้าไปในช่วงเวลาที่คิดว่าตัวเองพร้อมที่สุด พร้อมในแง่ สังคมยอมรับว่าเราเก่งจริง มีความสามารถ เป็นคนดี แค่นั้นมากกว่า”

ส่วนจะเป็นเวลานานเท่าไหร่นั้น ”สุรเกียรติ” บอกว่าไม่สามารถกำหนดได้ เพราะการเมืองไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเข้าไป เร็วสุดอายุ 35-40 ที่จะเข้าไปก็ไม่ใช่

หลายคนอาจมองว่าเขาใช้เวลานานเกินไปหรือเปล่าในการรอเพื่อสร้างตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วความเป็น ”เทียนทอง” ไม่ต้องแนะนำตัวให้คนรู้จัก ใครๆ ก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงเลือกตั้งในพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่รุ่นพ่อปูฐานไว้อย่างแน่นหนา จนสามารถบอกได้ว่ารับรองไม่มีพลาด

“ใช่ครับ แต่ก็แล้วแต่คนมอง”

เขายืนยันที่จะพิสูจน์ให้เห็นความสามารถของตัวเองก่อนที่เลือกแนวทางเหมือนที่หลายคนเดิน ที่ทำอย่างไรก็ได้ให้เข้าไปสู่เวทีการเมืองก่อน จากนั้นค่อยโชว์ฝีมือให้เห็นกันในภายหลัง

หรือเป็นเพราะเหตุความกลัวในเรื่องของการแข่งขันในสนามการเมือง ที่มีทั้งเทคนิค ชั้นเชิง ไปจนถึงการใส่ร้ายป้ายสี จึงทำให้ขอเวลาเตรียมตัวหรือไม่ “สุรเกียรติ” บอกทันทีว่า “ไม่นะ คนเราต้องมีอย่างนี้อยู่แล้ว มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ จริงๆ ในครอบครัวผม ถ้าถามว่าพร้อมเล่นการเมืองมั้ย ทุกคนพร้อมหมด เพราะผมเติบโตมากับการเมือง คลุกคลีกับการเมืองตั้งแต่เด็ก ๆ แต่มันอยู่ที่ ณ ตอนนี้ เราต้องการทำอะไร ณ ตอนนี้ ผมยังต้องการทำธุรกิ“

คิดว่าตัวเองมีบุคลิกเป็นนักการเมืองหรือไม่
ชัดเจนในคำตอบอีกเช่นกันว่า “เป็นได้” เขาอธิบายว่า เป็นคนประนีประนอม ผมเป็นคนค่อนข้างใจเย็น

ถ้าเช่นนั้นแล้วมองการเมืองในระบบของคนรุ่นก่อน กับการเมืองในภาพที่ตัวเองวาดหวังไว้อย่างไรบ้าง
คำถามนี้ทำให้ ”สุรเกียรติ” นิ่งไปนานอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะบอกว่า ”ตอบยากเนอะ”

ที่สุดเขาก็ให้ความเห็นว่า “การเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ต้องเอาความคิดใหม่มาตลอด อย่างที่ครอบครัวผมสอนมา ไม่ใช่ว่าเรามีความรู้สูง จบจากเมืองนอก มันมี 2 อย่าง คำว่า วุฒิ กับ ภาวะ ผมเองตอนนี้อาจมีแค่วุฒิ แต่ภาวะคงต้องแสวงหาประสบการณ์ คงต้องเอาสองอย่างประกอบกันของคนรุ่นเก่าด้วย ของเราด้วยมาประกอบกัน คือจริงๆ แล้ว อย่างหลายอย่างที่คนรุ่นเก่าเจอมา ที่ผมมองอยู่ ณ ปัจจุบัน ก็เป็นจริงหลายอย่าง อย่างที่คนรุ่นใหม่อย่างเราดูล้าหลังแต่ก็เป็นจริงหลายอย่าง”

ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการเมืองแม้จะมีมากมาย แต่สำหรับ ”สุรเกียรติ” แล้วพยายามระวังไม่พูดถึงมากนัก หลายครั้งเขาจึงบอกว่า ”การเมืองไม่อยากพูดลึกมาก เอาเรื่องธุรกิจดีกว่า”

ขณะนี้ ”สุรเกียรติ” เป็นเจ้าของธุรกิจ ตั้งบริษัทร่วมกับพี่น้อง และเพื่อนพ้อง ตั้งแต่บริษัทที่มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท จนถึงบางแห่งกำลังมีแผนเพิ่มเป็นหลักร้อยล้านบาท ตั้งแต่การทำโชว์รูมรถยนต์ยี่ห้อดังในแถบชานเมือง การตั้งบริษัทผลิตสื่อโฆษณา ที่รู้จักกันดีในนามบริษัทเคเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด ที่เทกโอเวอร์บริษัทที่ได้รับสัมปทานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ผลิตสื่อโฆษณาบนตั๋วรถไฟ และกำลังมุ่งหางานใหม่ด้วยสื่อโฆษณาที่มีวิธีการนำเสนอใหม่ ที่ยังเป็นความลับในนามบริษัท เฟรช มีเดีย จำกัด ที่หากบรรลุเป้าหมาย เฟรช มีเดียจะมีกำไรเป็นหลักร้อยล้านบาท และภายใน 3-5 ปีจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกเหนือจากนี้เขายังอยู่ระหว่างการวางแผนร่วมทุนกับพันธมิตรทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร และเครื่องดื่ม ที่เขาใช้ทักษะความสามารถด้านการตลาด ส่วนพันธมิตรอีก 2 รายคือ ผู้ผลิต และช่องทางการจัดจำหน่าย
“เราก็ไม่ได้มองธุรกิจสื่ออย่างเดียว เรามองไปที่ Consumer Products ด้วย พวกอุปโภคบริโภค เรากำลังเจรจากับ Partner แต่ละเจ้า เอาจุดแข็งแต่ละคนมารวมกัน พวก Consumer Products อยู่แล้ว และพวกที่ Branding แข็ง ของเราก็เป็น Marketing”

แต่การทำธุรกิจทั้งหมดที่ผ่านมา ”สุรเกียรติ” ยืนยันว่าไม่เคยต้องใช้นามสกุลเป็นใบเบิกทาง แม้บางทีจะทำให้เขาไม่ต้องแนะนำตัวมากนัก ในทางกลับกันบางคนเมื่อได้ยิน ”เทียนทอง” อาจเกิดความรู้สึกที่เขาบอกว่า “Bias” หรืออคติกับเขามากกว่า และหลายงานเขาก็พลาด ไม่ได้งาน อย่างโครงการผลิตสื่อโฆษณาตัวรถเมล์ ที่คู่แข่งรายใหญ่ได้งานไป

ธุรกิจของเขาที่อยู่ในระดับน่าพอใจ ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ อย่างเคเอเคฯ รายได้ประมาณ 120 ล้านบาท เฟรช มีเดีย ประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพราะความละเอียดที่ ”สุรเกียรติ” ดูแลงานอย่างใกล้ชิด แม้กระทั่งการตรวจจดหมาย สัญญา ทุกฉบับ หรือร่างด้วยตัวเองหากเป็นไปได้ บวกกับทีมงานและน้องชายคนสุดท้อง “สุรชาติ เทียนทอง” ที่ช่วยเหลือด้านการตลาด โดยอาศัยประสบการณ์จากการเป็นพนักงานที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเบียร์ช้าง

แม้จะมุ่งมั่นในธุรกิจ แต่ใช่ว่าเขาจะเพิกเฉยละเลยเรื่องราวความเคลื่อนไหวของการเมือง ข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองในทุกมุมเขายังคงติดตามอย่างใกล้ชิด หลายประเด็นในกระแสที่เกิดขึ้นก็ให้ความเห็นชนิดได้อารมณ์ แต่กรณีที่พาดพิงถึงใครบางคนนั้นเขาบอกว่า ”ขออย่าไปเขียน”

สิ่งที่บอกได้เพียงวันนี้คือข้อคิดที่เขานึกถึงเสมอคือ

“ความคิดผม คิดว่าคนเราทำธุรกิจให้รู้สึกว่าตัวเอง achieve อะไรบางอย่าง คือ goal ผมทำธุรกิจที่เราปั้นมาเอง และประสบความสำเร็จ เป็นความภูมิใจมากกว่า แต่หาได้ ก็คงต้องรู้จักคำว่าพอ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนเป็นเวรเป็นกรรม มีมากเกินไปก็คงเป็นเวรเป็นกรรมกับลูกหลาน มีเวลาน้อยตื่นเช้า 11 โมง ประชุม 12 ประชุม คนเราทำธุรกิจต้องรู้จักคำว่าพอนิดนึง ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำให้เราขี้เกียจหรืออะไร คือทำให้เรารู้สึกว่าประสบความสำเร็จในอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ไม่รู้จักพอ เอาไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ไหว”

Profile

Name: สุรเกียรติ เทียนทอง
Age: 28 ปี (วันเดือนปีเกิด 14 กันยายน 2520)
Education:
– มัธยมต้น – สาธิตปทุมวัน
– มัธยมปลาย – ม.4-ม.5 เตรียมอุดมศึกษา
– ม.6 Oneida Baptist Institue สหรัฐอเมริกา
– ปริญญาตรี-ปริญญาโท Johnson&Wales University สหรัฐอเมริกา
Career Highlights:
ประสบการณ์
– ตำแหน่ง Senior Trader เครือซีพี
– ฝึกงาน กรมสอบสวนดคีพิเศษ
– ดูแลธุรกิจบิวตี้แอนด์สปา กรมส่งเสริมการส่งออก
ปัจจุบัน
– กรรมการผู้จัดการ บริษัทเคเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด
– บริษัทเฟรช มีเดีย จำกัด

รายชื่อผู้ถือหุ้น เฟรช มีเดีย
– ร.ต.ท.สุรศักดิ์ เทียนทอง 26 เปอร์เซ็นต์
– สุรเกียรติ เทียนทอง 26 เปอร์เซ็นต์
– สุรชาติ เทียนทอง 26 เปอร์เซ็นต์
– ธนา เชาวนปรีชา 13 เปอร์เซ็นต์
อื่น ๆ ที่เหลือ 13 เปอร์เซ็นต์

รายชื่อผู้ถือหุ้นเคเอเค
– สุรเกียรติ เทียนทอง 20 เปอร์เซ็นต์
– สุรชาติ เทียนทอง 20 เปอร์เซ็นต์
– ร.ต.ท.สุรศักดิ์ เทียนทอง 25 เปอร์เซ็นต์
– ชนมาศ มัสยวาณิช 15 เปอร์เซ็นต์
– ธนา เชาวนปรีชา 10 เปอร์เซ็นต์
อื่นๆ ที่เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์