โซเชี่ยลมาร์เก็ตติ้งครั้งใหญ่ของเยอรมันชน

กล่าวกันว่า เมื่อคำพูดหรือก๊อบปี้จากแคมเปญการตลาดกลายเป็นสแลงหรือคำพูดติดปากของคนทั่วไป ย่อมแสดงถึงจุดสำเร็จสูงสุดของแคมเปญนั้น ที่เข้าไปฝังตัวในจิตสำนึกของคนส่วนใหญ่ในสังคมได้เป็นผล

ท่ามกลางความเสี่ยงต่อการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแนวคิดขวาจัดชาตินิยม แคมเปญ Du bist Deutschland โซเชี่ยลมาร์เก็ตติ้งครั้งใหญ่ของเยอรมัน ริเริ่มโดย 25 องค์กรสื่อ ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2547 จับมือกันทำงานในนาม “Partner for Innovation” สำหรับแคมเปญนี้บริษัท Bertelsmann AG เป็นตัวกลางดำเนินการตั้งแต่ 26 กันยายน 2548 (หลังการเลือกตั้ง เพื่อเลี่ยงการตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง) สิ้นสุดในเดือนมกราคม 2549 ในรูปแบบโฆษณาทีวี/โรงหนัง และพรินต์แอ็ด ไปจนถึงการนำเสนอข่าว เพื่อสร้างกระแสปลุกเร้าคนเยอรมันให้มีจิตสำนึกเชิงบวก เกิดแรงจูงใจที่จะทำอะไรดีๆ เพื่อประเทศ และสร้างอัตลักษณ์เยอรมันที่เป็นเอกภาพ

โจทย์ที่ท้าทายนอกจากการผนึกกำลังสื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ แล้ว ยังอยู่ที่การเลือกเฟ้นบุคคลตัวอย่าง (Idol) เพื่อแสดงอัตลักษณ์เยอรมันยุคใหม่ที่ชัดเจน เป็นตัวแทนในอุดมคติจากอดีต จนปัจจุบัน เป็นบุคคลที่เยอรมันชนรู้จัก ยอมรับ และภาคภูมิใจ

สุดท้ายจึงออกมาเป็นแคมเปญโฆษณาที่ฉายภาพวิถีชีวิตทั่วไปของคนเยอรมันกลุ่มต่างๆ ทั้งในเมือง ในชนบท ผู้ใหญ่ วัยรุ่น หลากสาขาอาชีพ กำกับด้วยประโยค Du bist… ที่ถูกต่อท้ายด้วยชื่อบุคคลเชื้อสายเยอรมันที่มีชื่อเสียง เช่น อัลเบร็ชท์ ดูเรอร์, เกอเธ่, บีโธเฟ่น, อาดี้ ดาสเลอร์ (ผู้ริเริ่มผลิตรองเท้ากีฬาอดิดาส), อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, เฮลมุต นิวตัน, ฟรานซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์, มิชาเอล ชูมัคเคอร์, ทิม แมซเลอร์ (นักทำอาหารชื่อดังเช่นเดียวกับ เจมี่ โอลิเวอร์ ของอังกฤษ), เคลาเดีย เพ็คชไตน์ (นักสเกตน้ำแข็ง) ฯลฯ เพื่อที่จะสื่อว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณคือส่วนหนึ่งของเยอรมัน”

สถิติหลังจบโครงการ แคมเปญนี้ปรากฏในรายงานข่าวทีวีและวิทยุกว่า 2,500 ชิ้น และคิดเป็นมูลค่าสื่อโฆษณา(โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) 32 ล้านยูโร มีคนเห็นแอดนี้กว่า 1,300 ล้านครั้ง คนเยอรมัน 38 ล้านคนและ 58% ของประชากรอายุ 14 ปีขึ้นไป รู้จักและตอบรับแคมเปญนี้ในเชิงบวก 10 ล้านคนยอมรับว่าแคมเปญนี้มีผลสร้างแรงจูงใจ และนักวิเคราะห์มองว่าเกิดบรรยากาศของการฟื้นตัว

แม้ตอนนี้แคมเปญจบไปแล้ว แต่ยังคงมีผลต่อความรู้สึกของคนเยอรมันโดยรวม ประโยค Du bist Deutschland หรือ Du bist… กลายเป็นคำพูดติดปาก ถูกสื่อนำไปพูดล้อเลียนบ่อยๆ

และผลสำคัญอีกส่วนหนึ่งแม้ไม่ได้รณรงค์โดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แคมเปญนี้มีส่วนช่วยสร้างบรรยากาศสำหรับการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน