ตลาดผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย หรือ Anti-aging มาแรงกลบกระแส Whitening ในช่วงปลายปีนี้ เพราะ ผู้เล่นรายใหญ่ต่างงัดกลยุทธ์ “แจกให้ลอง” ช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดระลอกใหญ่
โอเลย์ โททัล เอฟเฟกซ์ งัดแคมเปญเดิมที่เคยใช้มา 2 ครั้งแล้ว คือ นำครีมเก่าแบรนด์อื่นมาแลกโอเลย์ใหม่ หรือแคมเปญ SWAP แจกขนาด 50 g 1,500 ชิ้น เป้าหมายอยู่ที่การขยายฐานไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ไม่เคยใช้โอเลย์มาก่อน ด้วยแนวคิด “เปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่” นำพรีเซ็นเตอร์ที่มีประสบการณ์ใช้จริงมาก่อนอย่างนัท มีเรีย มาเชิญชวน
เมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกรมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคได้
“ผู้บริโภคในตลาดนี้ว่า จะ Switch Brand ยาก เพราะกลัวแพ้ แต่หากมีคนใกล้ชิดยืนยันในประสิทธิภาพ ก็พร้อมเปลี่ยน และหากดีก็จะใช้อย่างต่อเนื่อง โดยดูชื่อเสียงของแบรนด์ประกอบกันไป”
ขณะที่ค่าย “พอนด์ส” ส่ง พอนด์ส เอจ มิราเคิล ลงเล่นในตลาดลดเลือนริ้วรอยระดับพรีเมียม จากเดิมเป็นผู้นำในตลาดไวท์เทนนิ่ง คราวนี้ขนมาทั้งสิ้น 6 sku และใช้วิธีแจกสินค้าทดลองใช้ ประมาณ 200,000 ชิ้น โดยไม่มีการใช้พรีเซ็นเตอร์แบบคู่แข่ง แต่ใช้งบการตลาดสูงถึง 200 ล้านบาท
พอนด์ส เอจ มิราเคิล เน้นย้ำถึง Message สำคัญ ด้วยการนำ Numeric Marketing มาใช้ คือ 7 วันเห็นผล ขณะที่ numeric marketing ของโอเลย์ ยังคงเหนียวแน่นกับการประกาศย้ำถึงคุณสมบัติทั้ง 7 ประการ
แม้จะเป็นสินค้าจำนวนมากถึง 6 ขั้นตอนปรนนิบัติผิว แต่ วรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า แม้ปัจจุบันสาวไทยจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเฉลี่ย 3 ขั้นตอน แต่แนวโน้มตามเทรนด์ญี่ปุ่นที่ใช้อย่างต่ำ 7 ขั้นตอน กำลังส่อแววรุ่ง