เปิดเทรนด์ธุรกิจโลก

สำนักวิจัยระดับโลก และสื่อต่างๆ หลายแห่ง ได้รวบรวมข้อมูลแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจระดับโลก ทั้งในส่วนของเศรษฐกิจมหภาค และเจาะเฉพาะภาคอุตสาหกรรมต่างๆ จนเห็นได้ชัดถึงแนวโน้มภาคธุรกิจต่างๆ ที่มีทั้งสดใส และซบเซาในปี 2007 รวมทั้งในปีต่อๆ ไป

จีดีพี
จีน อินเดียโตสุด

ปี 2006 เติบโต 5.3%
ปี 2007 เติบโต 4.7%
*การเติบโตในปี 2007 มาจากจีนและอินเดียส่วนใหญ่ แต่ตัวเลขชะลอลงจากปี 2006 เพราะประเทศพัฒนาแล้วเริ่มชะลอการเติบโต

อัตราการค้าระหว่างประเทศ
ปี 2006 เติบโต 9.3%
ปี 2007 เติบโต 7.6%

น้ำมันราคาไม่ลง
ปี 2007 เฉลี่ยอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากปี 2006 ซึ่งความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังทำให้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง

ดอกเบี้ยมีสิทธิ์ขึ้น
ผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลง และอัตราเงินเฟ้อ กดดันให้ธนาคารกลางชาติต่างๆ เล็งขึ้นดอกเบี้ย

แบ่งตามประเภทธุรกิจ
ระดับ 3 ความสดใส
ระดับ 2 ธรรมดา
ระดับ 1 ไม่สดใส

รถยนต์ในเอเชียโตสุด (ระดับ 1)
เอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) และออสเตรเลีย เติบโต 10%
ละตินอเมริกา เติบโต 0.4%
ยุโรปตะวันตก ลดลง -1.2%
อเมริกาเหนือ ลดลง -4.3%
ญี่ปุ่น เติบโต 2.1%

*อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย จากการชะลอตัวในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่มีตลาดที่มีเศรษฐกิจเติบโตรองรับอย่างจีน อินเดีย และตลาดใหม่อย่างรัสเซีย ส่วนตลาดประเทศในอาเซียน จะให้ความสำคัญกับรถยนต์ที่เน้นคุณสมบัติประหยัดน้ำมัน

ค้าปลีกชะลอตัว (ระดับ 2)
ธุรกิจค้าปลีก ปี 2007 เติบโต 2%
อัตราการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกที่ชะลอตัวตั้งแต่ปี 2006 เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อลดลง โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาที่จะเติบโตเพียง 0.5% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี ส่วนที่เติบโตสูงสุดคือยุโรปตะวันออก และพื้นที่สหภาพโซเวียตเดิม เติบโต 9.7% ส่วนจีนในช่วงอีก 5 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 15% อินเดีย จะเติบโต7%

ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมาแรง (ระดับ 3)
การช้อปปิ้งออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ซึ่งรวมการประมูลผ่านออนไลน์ และธุรกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการซื้อสินค้าพวกเสื้อผ้า และเทคโนโลยี จะเติบโตปีละ 14% ทำให้มีมูลค่าสูงถึง 329,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2010 จากปี 2005 มีมูลค่า 172,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2007 จะมีถึง 337.6 ล้านคน จากปี 2006 มี 271.2 ล้านคน และปี 2008 คาดว่าจะมีถึง 400.1 ล้านคน

นอกจากนี้ เอ็ม-คอมเมิร์ซ หรือการช้อปปิ้งผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สาย ก็จะเติบโต มีมูลค่า 88,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2009 เพราะเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างน่าเชื่อถือทั้งระบบการส่งข้อมูล ที่เรียกว่า HSDPA (High Speed Downlink Packet Access) และระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยมากขึ้น

ถึงเวลาหนังดิจิตอล (ระดับ 2)
ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างเน้นระบบดิจิตอลสำหรับการผลิตและการให้ผู้บริโภครับสื่อ ทั้งทีวีดิจิตอล และจอหนังแบบดิจิตอล และการผลิตหนังโดยใช้ระบบดิจิตอล เพื่อลดต้นทุน สำหรับการส่งหนังเพื่อฉายไปทั่วโลก โดยคาดว่าทั่วโลกจะมีจอหนังระบบดิจิตอลจำนวน 17,000 จอ ในปี 2010 ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา

สำหรับผู้ผลิตหนัง ที่อินเดียที่เป็นตลาดใหญ่รู้จักกันดีว่า ”บอลลีวู้ด” คาดว่าจะมีหนังออกฉาย 900 เรื่องในปี 2007 ซึ่งแม้แต่ค่ายหนังระดับโลกอย่างโซนี่ พิคเจอร์สก็ยังลงทุนผลิตหนังภาษาท้องถิ่นอินเดีย อย่างฮินดูเพื่อบุกตลาดอินเดียด้วย

นอกจากนี้หนังแผ่นดีวีดีก็ยังมาแรง ส่วนอุตสาหกรรมเพลง แนวโน้มชัดเจนคือการให้ดาวน์โหลดเพลงฟรี โดยค่ายเพลงมีรายได้จากโฆษณาเท่านั้น

อาหารสุขภาพมาแน่ (ระดับ 2)
การบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม และบุหรี่ ในปี 2007 คาดว่ามีมูลค่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 7.5% โดยส่วนใหญ่เน้นอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่นกาเฟอีนต่ำ และแคลอรีต่ำ ส่งผลให้ร้านฟาสต์ฟู้ด และผู้ผลิตอาหารมาเน้นผลิตที่เน้นจุดขายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น

ตลาดผู้สูงอายุ (ระดับ 3)
อุตสาหกรรมยา และดูแลสุขภาพมีจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 10.4% ในปี 2007 มากกว่าการเติบโตของจีดีพีถึง 2 เท่า ท่ามกลางจำนวนผู้สูงอายุทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าจำนวนเด็กเกิดใหม่ และโรคระบาดต่างๆ

ไอทีขยาย (ระดับ 3)
พระเอกของอุตสาหกรรมนี้ คืออุปกรณ์ใช้งานต่าง ๆ ที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีจนทำให้ต้นทุนถูกลง ไม่ว่าจะเป็นแบนด์วิธ คอมพิวเตอร์ และการบริการฟรีอินเทอร์เน็ต ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์อื่นมากขึ้น นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์ โดยภาพรวมการใช้จ่ายด้านไอทีทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 6% ในปี 2007

มูลค่าการใช้จ่ายด้านไอที (หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ)
อเมริกาเหนือ 491,600
ญี่ปุ่น 113,100
ยุโรปตะวันตก 379,300
ละตินอเมริกา 31,500
ตะวันออกกลาง และแอฟริกา 17,300
เอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) และออสเตรเลีย 120,500
Transition Economies 33,700

ธุรกิจสื่อโตลดลง (ระดับ 2)
อุตสาหกรรมสื่อเมื่อวัดจากอัตราโฆษณาแล้วในปี 2007 อยู่ในระดับอัตราการเติบโตที่ลดลง เช่นที่สหรัฐอเมริกา คาดว่าการใช้งบโฆษณาจะเติบโตเพียง 4.2% ในปี 2007 เมื่อเทียบกับปี 2006 ที่เติบโต 5% เพราะปีที่ผ่านมามีอีเวนท์ใหญ่ ๆ อย่างฟุตบอลโลก ส่วนอินเทอร์เน็ตจะมาแรงพอ ๆ กับวิทยุ และเข้ามาชิงส่วนแบ่งจากสื่อโฆษณานอกบ้าน ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ก็ต้องพยายามดึงศักยภาพผ่านสื่อทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อดึงโฆษณามายังหน้ากระดาษ

ที่น่าสนใจคือ การดูทีวีผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าปี 2010 จะมีถึง 124.8 ล้านเครื่อง

หนี้เสียเพิ่ม (ระดับ 1)
แนวโน้มหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นในปี 2007 ทำให้การปล่อยสินเชื่อเริ่มชะลอตัว ประกอบกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเฉพาะสัญญาณจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ที่ส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากนี้การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกยังอาจส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินที่เกี่ยวพันกับภาคธุรกิจนี้ทั้งการเป็นผู้ให้กู้แก่ผู้ก่อสร้างโครงการ และผู้ซื้อบ้าน

สถาบันการเงินต้องเพิ่มธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อต่อยอดเงินทุน และฐานทรัพย์สินที่มีอยู่ไปทั่วโลก

มือถือเชื่อม WiFi และVoIP มาแรง (ระดับ 2)
ด้วยเทคโนโลยี VoIP (Voice over Internet Protocal) เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สื่อสารได้ระหว่างโทรศัพท์มือถือ กับโทรศัพท์บ้าน ทำให้ผู้บริโภคสะดวกมากยิ่งขึ้นในการใช้โทรศัพท์ทุกที่ทุกเวลา โดยคาดว่ารายได้จากบริการ VoIP จะเพิ่มขึ้นเป็น 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2009 จากปี 2005 มีรายได้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

จากเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้โทรศัพท์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น โนเกีย โมโตโรล่า แอลจี และซัมซุง ต่างต้องผลิตโทรศัพท์มือถือระบบ Dual Mode สำหรับเชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อใช้บริการ VoIP ได้

ท่องเที่ยวโตไม่มาก (ระดับ 2)
ปี 2007 มีนักท่องเที่ยว 711 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 4% มีการใช้จ่ายรวม 697,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 9.7% ใช้บริการโรงแรม และร้านอาหารมีมูลค่า 2,269,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังคงได้รับผลกระทบจากความมั่นใจในเรื่องการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001