หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
ปี พ.ศ. 2550 เป็นปีกุนที่มีดิถีบนเป็นธาตุไฟ ดิถีล่างเป็นธาตุน้ำ ในทางศาสตร์ขอเรียกปีนี้ว่าเป็นปีแห่ง “หมูไฟ” ซึ่งสะท้อนแห่งความเลวร้าย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่เมืองไทยยังต้องก้มหน้ารับชะตากรรมกันต่อไป
จับตาเดือนอันตราย
โดยเฉพาะในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ให้จับตามองเป็นพิเศษ เพราะจะมีคลื่นมนุษย์ออกมาชุมนุมต่อต้านท้าทายอำนาจคณะความมั่นแห่งชาติ (คมช.) ถึงแม้ว่าในกรุงเทพฯ จะยกเลิกกฎอัยการศึกไปแล้วก็ตาม คมช. อาจต้องกลับมาใช้กฎอัยการศึกอีกครั้ง
แม้การชุมชนครั้งนี้จะไม่ถึงขั้น 14 ตุลาฯ หรือพฤษภาทมิฬ แต่หาก คมช. ไม่มีการป้องกันหรือรับมือให้ดีความรุนแรงอาจจะเกิดขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง จะมีหลายกลุ่มหลายฝ่ายพร้อมที่จะให้จับกุมอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ในการตรวจดูดวงของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แม้ช่วงนี้ ท่านถือว่าเป็นคนดวงดี แต่ดวงชะตาในคณะรัฐมนตรีหลายๆ ท่านที่ตกอยู่ในช่วงบาปเคราะห์ จึงเป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีบางกระทรวง อาจจะมีรัฐมนตรีบางท่านได้รับเกียรติให้ลาออกเอง อาจจะมีเหตุอ้างว่าเพราะสุขภาพหรือชราภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรที่จะปรับเปลี่ยนเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมายและไม่ทันใจประชาชน จึงทำให้ประชาชนเกิดความเบื่อหน่าย ความเสื่อมศรัทธาคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันจะค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ในขณะเดียวกัน ตลอดทั้งปี ให้จับตา “คลื่นใต้น้ำ” จะมีพลังขึ้นมา ภายในองค์กรบางองค์กรที่ยังมีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับผู้มีอำนาจเก่า (นายกฯทักษิณ) พร้อมที่จะรอคอยและต้อนรับการกลับมาของอดีตผู้นำ
ขอย้ำ! จะมีกลุ่มต่อต้าน-กลุ่มประท้วง-ชุมนุม ก่อตัวขึ้นจำนวนมาก ทั้งรัฐบาลชุดนี้และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เป็นนายกฯ คนต่อไป เจอม็อบแน่ !
ระบบทักษิณคัมแบ๊ก !
มีคำถามและติดตามกันมากเป็นพิเศษว่า “ระบบทักษิณ” จะหวนกลับคืนมาเมื่อไหร่ หมอนิดชี้ชัดว่า ดวงอดีตนายากฯ ทักษิณช่วงนี้ยังไม่ดี ดวงตกและต่อเนื่องไปถึงปี 2552 ดังนั้นอีก 2-3 ปีนี้ระบบทักษิณยังไม่สามารถกลับมายิ่งใหญ่ได้
ทว่าพอพ้นปี 2552 ดวงของทักษิณเริ่มแรงขึ้นมาเรื่อยๆ พอเข้าปี 2553 แรงมากขึ้นอีก ที่น่าเป็นห่วงก็คือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในช่วงปี พ.ศ. 2552 ดวงไม่ค่อยดี จะรอดหรือไม่รอดก็ตอนนี้ เป็นเรื่องท้าทายต่อการพิสูจน์ ถ้าปล่อยไปถึงตอนนั้นบ้านเมืองอาจยุ่งเหยิงอีก
“ในปี พ.ศ. 2553 พื้นฐานดวงของทักษิณจะกลับมาแข็งแกร่งอย่างน้อย 8-9 ปี จากปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป ถ้าหากว่าประเทศไทยไม่มีคนเก่งเท่าอดีตผู้นำก็ขอให้เชิญคนเก่งคนเก่ากลับมา ถ้าถึงตอนนั้นก็ตัวใครตัวมันเพราะรายการเช็กบิลต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ตามภาษิตจีนที่กล่าวว่า อีกสิบปีมาแก้แค้นก็ยังไม่สาย
การเลือกตั้งที่คาดหมายกันว่าจะมีภายในปี พ.ศ. 2550 นี้ แต่เท่าที่ตรวจญาณดูแล้วจะไม่มีการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ. 2550 แต่การเลือกตั้งจะมีขึ้นได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม หรืออย่างช้าไม่เกินเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 ผลจากการเลือกตั้งจะทำให้คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไปอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากการเลือกตั้งก็ตาม ก็คงหลีกหนีไม่พ้นกับการประท้วงขับไล่ ชุมนุมเป็นระลอกๆ เนื่องจากประเทศไทยดวงจะตกยาวไปถึงปี พ.ศ. 2552
กลางปีระวังภัยพิบัติ !
นอกจากสถานการณ์การเมืองอันร้อนระอุในปีหมูไฟแล้ว เรื่องของภัยพิบัติจากธรรมชาติเป็นเรื่องที่ต้องจับตามากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงกลางปีจะเกิดภัยธรรมชาติ คือแผ่นดินไหวในเมืองไทย เป็นภัยพิบัติที่แรงกว่าทุกครั้ง และจะกระทบมาถึงกรุงเทพฯ ด้วย
ภัยธรรมชาติที่มองข้ามไม่ได้เลย คือภัยจากน้ำ ที่ปีนี้จะรุนแรงอย่างหนัก สร้างความเสียหายกับชาวเกษตรกรและย่อมกระทบถึงเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติที่กล่าวมานี้ ให้เฝ้าติดตามและหาทางป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ
โดยเฉพาะคุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม. ควรจะเร่งลอกท่อระบายน้ำทุกจุด ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป อย่าช้ากว่านี้เพราะจะไม่ทันการ ปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2550 อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน อุบัติเหตุจากเครื่องบิน และทางน้ำ ทางบก ยังเป็นเรื่องที่ไทยและทั่วโลกต้องจับตามมอง เพราะจะมีการสูญเสียครั้งใหญ่
ธุรกิจร่วงมากกว่ารุ่ง
ความปั่นป่วนทางการเมืองจะกระทบชิ่งไปถึงเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2550 อย่างรุนแรง ทั้งตลาดหุ้นที่ยังอยู่ในสภาพทรงและทรุด ไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ขอให้นักเล่นหุ้นจงระวัง ทั้งนี้หุ้นบางกลุ่มบางตัวจะถูกเทขายออกต่อเนื่องจนแทบไร้ค่า
นักเล่นทองจงระวัง !ราคาทองคำโอกาสที่จะสูงขึ้นถึง 12,000-13,000 บาทนั้นคงจะยากสำหรับนักเก็งกำไรทองคำ หากจะปรับราคาสูงก็น่าไม่เกิน 11,000 บาท ขณะเดียวกัน โอกาสที่ราคาทองจะลงต่ำกว่า 10,000 บาทก็ไปได้สูง
ในส่วนของภาคธุรกิจต่างๆ ปีนี้ถือเป็นปีหมูไฟที่ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น อาจถือเป็นปีซ่อมสร้างธุรกิจที่ทรุดตัวจากปีที่แล้ว เป็นปีแห่งความหวาดระแวงประชาชน ส่งผลต่อภาวะเงินฝืด ภาคธุรกิจต่างๆ จะชะลอตัวลง หรือรุนแรงถึงขั้นปิดกิจการ
ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ น่าเป็นห่วงที่สุด ยอดขายจะไม่ได้ตามเป้าหมาย ควรหาทางส่งออกในต่างประเทศ โดยเฉพาะเต็นท์รถมือสอง มีโอกาสปิดเต็นท์ ล้มหายตายจากไปจำนวนมาก รวมทั้งโรงงานสิ่งทอหลายแห่งมีโอกาสลดคนงานลงบางส่วน หรือบางแห่งถึงขั้นปิดกิจการลง
ธนาคารและสถาบันการเงิน อยู่ในสภาพวิ่งตามหนี้ไล่เบี้ยฟ้องบัตรเครดิตมากขึ้น และเงินกู้นอกระบบจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง คนไทยจะเป็นหนี้มากขึ้น
ภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังคงซึมเศร้าไปอีกระยะหนึ่ง บางโครงการอาจจะต้องยุติโครงการลงไป เพราะผลจากภาวะดอกเบี้ย และภาวะเงินฝืด
หมอนิดบอกว่า ธุรกิจที่ยังพอไปได้ในปีหน้ามีเพียงไม่กี่ธุรกิจ อย่างเช่น ธุรกิจเกี่ยวกับแฟชั่น โดยเฉพาะสินค้าที่จับกลุ่มวัยรุ่น ยังพอลืมตาอ้าปากได้ และธุรกิจฟุ่มเฟือยประเภทขายของให้คนรวย ยังพอไปได้
บันเทิงฉาว-ทีวีดับ
วงการบันเทิง ดารา-ศิลปิน จะมีเรื่องฉาวโฉ่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง เป็นปีแห่งการดับของดาราดัง พิธีกรคนดังที่มีปัญหาการจัดรายการ ย้ายช่องจนต้องดับจางลงไป
ที่น่าจับตา! ธุรกิจทีวีดาวเทียวบางแห่งอาจถึงขั้นต้องล้มเลิกกิจการ รวมทั้งธุรกิจฟรีทีวีบางแห่งอาจจำเป็นต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก
นอกจากนี้ ปัญหาที่สังคมไทยต้องจับตามากเป็นพิเศษ คือ ยาเสพติด จะหวนกลับมาระบาดอย่างหนักและรุนแรงมาก
โดยสรุปแล้วปี พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นปี “หมูไฟ ที่เมืองไทยยังต้องเผชิญกับดวงตก เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ยังคงไม่ฟื้น และต้อง “ระทมขมขื่น” กันต่อไป
หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
เป็นหมอดูที่ใช้ญาณของพ่อปู่ฤาษีนารายณ์ ตรวจดวงชะตามานานเกือบ 20 ปี แต่ช่วงที่แวดวงการเมืองไทยเริ่มรู้จัก เป็นช่วงปี 2547 เมื่อออกรายการถึงลูกถึงคน และสามารถทำนายเหตุการณ์การเมืองหลายอย่างได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเขาเองก็บอกว่าเป็นจิตหรือญาณที่เขารับรู้ได้ ดังที่หมดนิดพูดเสมอว่า
“ชีวิตผมเกิดมาไม่เคยเรียนดูหมอที่ไหน ไม่มีครูบาอาจารย์ ที่ดูหมอมาได้ทุกวันนี้ เพราะญาณของพ่อปู่ฤาษีนารายณ์ ตัวผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่กลับมีเหตุที่ต้องมาเป็น “หมอดู”