สถานการณ์ของโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยเป็นอย่างมากทั้งด้านการทำงานและการอยู่อาศัย ผู้บริโภคหลายคนจึงมองหาตัวช่วยที่จะสามารถคลายความกังวล เพิ่มความปลอดภัย และความสะอาดให้กับอากาศภายในบ้านได้ โดยล่าสุด “ไดกิ้น” (Daikin) แบรนด์ผู้นำด้านอากาศสะอาด ได้ประกาศผลการวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ว่า “เทคโนโลยีสตรีมเมอร์” เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ “ไดกิ้น” (Daikin) ที่มีอยู่ในเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ สามารถช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.9%**
มร.อาคิฮิสะ โยโคยามา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด กล่าวถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ว่า “เรายังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอไมครอนที่กำลังแพร่ระบาดเป็นจำนวนมากในประเทศไทย ประกอบกับไดกิ้นเองมองเห็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งในกลุ่มเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศให้ตอบโจทย์ครอบคลุมความต้องการใช้งานของผู้บริโภคอย่างตรงจุดในทุกสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางไดกิ้นเองได้มีผลทดสอบของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์กับเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในประเทศไทยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย* และผลทดสอบจากประเทศญี่ปุ่น** ว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 6 สายพันธุ์ (SARS-CoV-2) ได้ถึง 99.9%** ได้แก่ สายพันธุ์แรกเริ่มที่พบในญี่ปุ่น (Conventional) 99.9%, อัลฟา (Alpha) 99.9%, เบต้า (Beta) 99.9% , แกมมา (Gamma) 99.9%, เดลต้า (Delta) 99.8% และล่าสุดมีผลวิจัยจากประเทศญี่ปุ่นออกมาว่าเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ช่วยยับยั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนได้ถึง 99.9% ด้วยเช่นกัน”
สำหรับการทำงานของ “เทคโนโลยีสตรีมเมอร์” คือเทคโนโลยีที่ปล่อยประจุพลาสม่าอิเล็คตรอนความเร็วสูง ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ ยิงเข้าทำลายเชื้อไวรัสได้ถึงแกนกลาง โดยสามารถยับยั้งเชื้อไวรัส ฝุ่น PM2.5 แบคทีเรีย เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นไม่พึงประสงค์...
เวียดนาม คือหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ทั่วโลกจะประสบกับปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เวียดนามกลับมีการขยายตัวของ GDP ที่โดดเด่น เติบโตถึง 2.58% ในปี 2564 ที่ผ่านมา และคาดว่าในปี 2565 *มีแนวโน้มเติบโตได้ถึงประมาณ 6.80 % (ที่มา: https://tradingeconomics.com/vietnam/forecast) และที่สำคัญยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านพลังงานทดแทน เหมาะแก่การขยายพอร์ตพลังงานสะอาดในระดับสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนในช่วงเวลานี้ จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมจากทั่วโลก รวมถึงไทย ต่างตบเท้า ทะยอยเข้าไปตั้งฐานการผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
บ้านปู ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ได้เล็งเห็นว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในการเข้าไปลงทุนขยายพอร์ตพลังงานสะอาด สอดรับกับเทรนด์พลังงานโลก เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน ด้วยการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์รวม 5 แห่ง กำลังผลิตรวมกว่า 218 เมกะวัตต์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การมุ่งขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนของบ้านปูในเวียดนามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงติดอันดับโลกแล้ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตในด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดของโลก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบ้านปูในการเสริมสร้างสินทรัพย์ด้านพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคต่าง ๆ เติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจในตลาดสำคัญ ๆ ทั่วโลกที่เราดำเนินธุรกิจอยู่”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา...
‘บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร ประกาศงบปี 2564 มีกำไรสุทธิ 320.9 ล้านบาท เติบโตที่ 223.1% YoY และมีรายได้รวมกว่า 6,966.7 ล้านบาท เติบโต 57.1% YoY สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมปักธงผลงานปีนี้เติบโต 15-20% รับแผนปรับพอร์ตธุรกิจรุกสร้าง New S-Curve ใหม่ มุ่งเน้นการขายสินค้ามูลค่าสูง เน้นทำตลาดฟลาวมันสำปะหลัง เจาะตลาดคนแพ้กลูเตน
นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% โดยมีแผนปรับพอร์ตธุรกิจขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูง เพื่อผลักดันยอดขาย โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟลาวมันสำปะหลัง...
‘บมจ.เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE ประกาศผลการดำเนินงาน 2564 ทำกำไรสุทธิ 410.2 ล้านบาท เติบโตกว่า 6.3% และมีรายได้รวม 3,712.8 ล้านบาท เติบโต 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือเป็นรายได้รวมและกำไรสุทธิที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15% เดินหน้าเสริมพอร์ตตลาดต่างประเทศ หลังดีมานด์ฟื้นตัว เปิดเกมรุกผ่านกลยุทธ์แบบ O2O หรือ Online to Offline Marketing ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เพื่อต่อยอดการเติบโตในตลาดต่างประเทศ
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,712.8 ล้านบาท เติบโต 11.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 3,320.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 410.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 385.9 ล้านบาท ถือเป็นผลเติบโตจากตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทุกภูมิภาค ประกอบกับ SAPPE ได้เดินหน้ากลยุทธ์แบบ O2O หรือ Online to Offline Marketing ผ่านการผสมผสานการทำการตลาดทางออนไลน์และขายสินค้าในออฟไลน์ ซึ่งได้เริ่มทำกิจกรรมทางการตลาดในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเป็นการส่งเสริมการขายและสร้างโมเมนตั้มที่ดีในการจับจ่ายใช้สอย และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค ขณะที่ในตลาดยุโรปได้เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าในโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ระดับประเทศเพิ่มขึ้น...
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) มอบใบรับรองระบบบริหารการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม(RDIMS)แก่กลุ่มทรูตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในฐานะองค์กรที่มีศักยภาพและมีคุณภาพด้านการบริหารจัดการและดำเนินงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาสินค้าและบริการอันเป็นเลิศ ตรงใจผู้บริโภค พร้อมสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่คนในชาติ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มทรู ได้เข้าร่วมโครงการวิจัยยกเว้นภาษี200% ตั้งแต่ปี 2558อีกหนึ่งมาตรการกระตุ้นและจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนด้านวิจัยและพัฒนามากยิ่งขึ้น สะท้อนอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความทุ่มเทของกลุ่มทรู เพื่อยืนหยัดความเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมเทคโนโลยียุคดิจิทัลชั้นนำระดับประเทศ
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีแก่ความสำเร็จของกลุ่มทรู ที่ได้ผ่านการตรวจประเมินและรับรองจากคณะกรรมการรับรองระบบบริหารการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมหรือRDIMSภายใต้ความร่วมมือของสวทช.และพันธมิตร 3 หน่วยงาน ได้แก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ (สรอ.)และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ(สพช.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองระบบดังกล่าวสามารถใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ 200% สำหรับรายจ่ายในการวิจัยได้ด้วยตนเอง(Self-Declaration) อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการมีการบริหารงานวิจัยที่เป็นระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่กลุ่มทรู ได้รับการรับรองระบบครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม...
บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โชว์ผลประกอบการปี 2564 ทำรายได้และกำไรเติบโตมากกว่า 50% โดยมีรายได้รวม 303.69 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 66.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 200.53 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 44.29 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.375 บาท โดยตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา การเติบโตเชิงรายได้ของบริษัทฯ เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึง 50% ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นผลมาจากความความไว้วางใจของลูกค้าต่อบลูบิค และความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันขององค์กรขนาดใหญ่ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า...
บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจปี 2564 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง มูลค่าธุรกิจใหม่ (NBV) เติบโต 30% เบี้ยประกันรับปีแรก (ANP) เติบโต 4% สะท้อนการดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพ และการออกแบบผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพและสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างดี
มร.โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานปี 2564 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เติบโตได้ต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายมากมาย โดยสามารถสร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 4% อยู่ที่ 6.1...
เพราะความสวยและสุขภาพดี แผ่วไม่ได้… วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม อันดับหนึ่งของประเทศไทยและเอเชีย เตรียมกดปุ่มรีสตาร์ทโปรโมชั่นซิกเนเจอร์ “ชิ้นที่สอง 1 บาท” ให้คุณเตรียมคว้าของ เป็นคู่ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเลือกช้อปได้ตามชอบใจเพราะวัตสันขนตัวท็อปตัวแรงจากหมวดสินค้ายอดนิยม ทั้งผลิตภัณฑ์ผิวหน้า สกินแคร์ สินค้าเพื่อสุขภาพ และสินค้าในแบรนด์ของวัตสัน (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ให้ลูกค้าได้ช้อปแน่นๆ เมื่อซื้อชิ้นแรกในราคาปกติ ซื้อชิ้นที่สองในราคาเพียง 1 บาท เท่านั้น
จับตาบิ๊กเซอไพรส์กับสินค้าไอเทมลับ Crown Diamond สินค้าสุดฮิตจากหลากหลายแบรนด์มาอยู่ในโปร “ชิ้นที่สอง 1 บาท” เป็นครั้งแรก ที่นำมาลดทุกวันเสาร์ เที่ยงวันยันเที่ยงคืน (เวลา 12.00 – 24.00 น.)
นอกจากนั้น ยังมีสุดยอดสินค้าขายดี Watsons HWB Awards 2022 (Health wellness & Beauty Awards) ที่ได้รับการคัดสรรคุณภาพ อย่างพิถีพิถันการันตียอดขายสูงสุด ในประเภทต่าง ๆ พิเศษสำหรับสมาชิกวัตสันเมื่อซื้อสินค้าที่ได้รับรางวัล HWB...
“โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย ทำตลาดพื้นที่ศักยภาพย่านบางกะปิ หนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีแนวโน้มการเติบโตด้านปริมาณการสั่งอาหาร และมียอดเฉลี่ยในการสั่งอาหารต่อครั้ง (ticket size) สูงเป็นลำดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์ม ล่าสุดส่งแคมเปญใหม่ “เสน่ห์สตรีทฟู้ดดีดีบางกะปิ” ยกขบวนความอร่อยหลากหลายสไตล์จากสตรีทฟู้ดชื่อดังขวัญใจชาวบางกะปิมาไว้บนแพลตฟอร์ม พร้อมส่งตรงความอร่อยให้ลูกค้าถึงหน้าบ้าน และเพื่อเป็นการสนับสนุนร้านเล็กใจดีให้มีโอกาสเพิ่มยอดขายผ่านบริการฟู้ดเดลิเวอรี รวมถึงร่วมเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการช่วยลดภาระค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นให้กับลูกค้า โรบินฮู้ดขอมอบโค้ดส่วนลดพิเศษ “BANGKAPI” ลดทันที 50 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 180 บาท จากร้านค้าที่ร่วมรายการฯ ในเขตบางกะปิเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 – 24 มีนาคม 2565
นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท...









