ครีมบำรุงผิว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 06 Jun 2024 12:01:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ต้องดูดีทั้งตัว”! เทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยปี 2567 ดันผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม-ครีมทามือมาแรง https://positioningmag.com/1476984 Thu, 06 Jun 2024 11:34:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476984
  • Kantar เปิดเทรนด์ผู้บริโภคไทยปี 2567 พบกลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล (Personal Care) ฟื้นตัวกลับมาแล้วหลังผ่านโควิด-19
  • เทรนด์ใหม่คนไทยในการดูแลตนเองคือ “ต้องดูดีทั้งตัว” ทำให้ผลิตภัณฑ์ประเภทดูแลเส้นผมไปจนถึงครีมทามือกลายเป็นสินค้ามาแรง
  • แนะช่องว่างทางการตลาด เน้นสินค้ารับมือแดดร้อน ต้านมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • “Kantar” ที่ปรึกษาทางการตลาด เปิดเทรนด์ผู้บริโภคไทยหลังผ่านพ้นโควิด-19 และกลับออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน พบเจอคนอื่นใน “ชีวิตจริง” มากขึ้น ทำให้เมื่อปี 2566 กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน (Home Care) ยอดขายตกลง -10.7% สวนทางกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล (Personal Care) ที่กลับมาฟื้นตัว 0.2% และเทรนด์นี้น่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 2567

    บทวิจัยนี้ยังพบไฮไลต์ที่น่าสนใจว่า การที่คนไทยต้องดูแลตนเองเพื่อพบเจอคน ไม่ได้ทำให้ยอดขายสินค้าประเภท “เครื่องสำอางสำหรับใบหน้า” เท่านั้นที่เติบโต แต่ยังทำให้สินค้ากลุ่มดูแลผมและผิวพรรณโตตามไปด้วย เพราะลูกค้าต้องการจะดูดีในทุกจุดของร่างกาย

    เมื่อปี 2566 ยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลที่ “เติบโตดีที่สุด” 10 อันดับแรกนั้น ได้แก่

    1.น้ำยาบ้วนปาก
    2.ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
    3.ทรีตเมนต์เส้นผม
    4.แปรงสีฟัน
    5.ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด
    6.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า
    7.มอยเจอไรเซอร์สำหรับทาตัวและทามือ
    8.สบู่เหลว
    9.โทนเนอร์
    10.ผลิตภัณฑ์จัดแต่งเส้นผม

    เห็นได้ว่าใน 10 อันดับแรกมีสินค้าที่เกี่ยวกับเส้นผม 2 อันดับ และที่เกี่ยวกับการดูแลร่างกายโดยเฉพาะเข้ามาติดอันดับด้วย สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องการดูแลผมและผิวกายให้ดูดีเป็นเรื่องสำคัญของผู้บริโภคไทยยุคนี้

     

    ช่องว่างการตลาด: ต้านมลพิษ สู้แดดร้อน

    Kantar ยังชี้เป้าด้วยว่า ด้วยอากาศที่ร้อนขึ้นและมลพิษสูงขึ้น แต่คนไทยต้องกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำให้สิ่งที่ลูกค้ามองหาจะเป็นสินค้าที่ช่วยสู้กับแสงแดดร้อนแรงและมลพิษเมืองไทย เช่น มีส่วนผสม SPF, ส่วนประกอบอ่อนโยนต่อผิว

    รวมถึงแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในอากาศและมลพิษแบบนี้ได้จะเป็นผู้ชนะ เช่น ลูกค้ามักจะเชื่อว่าการทาโลชันแล้วไปเผชิญอากาศร้อนจะทำให้ตัวเหนียวเหนอะหนะ ดังนั้น แบรนด์ที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และสื่อสารให้ลูกค้าเชื่อได้ว่าโลชันของแบรนด์ ‘ซึมเร็ว’ ไม่ทำให้ตัวเหนียวแม้อยู่กลางแดดร้อน ก็จะได้ยอดขายที่สูงขึ้น

    Woman smile applying sun cream on face. Skincare. Body Sun protection. sunscreen. Female in hat smear moisturizing lotion on skin.

     

    ชอบผลิตภัณฑ์ที่ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” แต่ติดที่ “ไม่เชื่อใจ”

    อีกหนึ่งช่องว่างการตลาดที่แบรนด์สามารถเจาะได้คือ จากข้อมูลของ Alibaba’s Sustainability Trends Report 2023 พบว่า คนไทย 88% อยากจะมีไลฟ์สไตล์เพื่อความยั่งยืน เช่น การเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แพ็กเกจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใส่สารเคมี ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์ เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม กำแพงที่กั้นคนไทยไม่ให้หันมามีไลฟ์สไตล์เพื่อความยั่งยืนจริงๆ เป็นเพราะไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือเปล่า ทั้งสินค้าที่ทำเพื่อความยั่งยืนก็มักจะแพง และมีตัวเลือกให้เลือกน้อย

    ผลสำรวจนี้พบว่าคนไทย 38% ไม่เชื่อใจว่าผลิตภัณฑ์ที่บอกว่าทำเพื่อความยั่งยืนนั้นมีแรงจูงใจที่ ‘จริงใจ’ ต่อสิ่งแวดล้อม มีคนไทยเพียง 15% เท่านั้นที่บอกว่าตนเองเชื่อใจแบรนด์เวลาแบรนด์บอกว่าทำสิ่งเหล่านี้ออกมาเพื่อความยั่งยืน

    ด้วยโจทย์เช่นนี้ทำให้แบรนด์สามารถหาช่องว่างเข้าไปเป็นแบรนด์ที่ สร้างความเชื่อใจ ได้จริงในแง่ของความยั่งยืน ซึ่งจะทำให้แบรนด์สามารถเล่าที่มาที่ไปได้ว่าทำไมผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงมีราคาแพงกว่า ทำให้ลูกค้า รู้สึกดีเมื่อจะซื้อสินค้าเพราะรู้ว่าตนเองกำลังทำเพื่อโลกด้วย

    ]]>
    1476984
    ไป่ตู้ ชี้เป้า 10 อันดับเครื่องสำอาง-ครีมบำรุงผิวของไทยที่หมวยจีนชื่นชอบ https://positioningmag.com/1177836 Mon, 09 Jul 2018 05:50:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1177836 ไป่ตู้ แอคเซส ที่ปรึกษาและให้บริการใช้สื่อสารออนไลน์จีน เผย 10 อันดับสินค้าประเภทเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมสำหรับเป็นสินค้าของฝากของนักท่องเที่ยวชาวจีน เตรียมแผนกระตุ้นการสื่อสารให้มากขึ้น เพิ่มฐานลูกค้า และอันดับคำสืบค้นในระบบ 

    นางสาวพัชรพร สิริทรัพย์วงศ์

    พัชรพร สิริทรัพย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ไป่ตู้ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมความงามของไทยมีมูลค่าสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7.8% ต่อปี ดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิว เป็นตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 45% หรือเกือบ 1 ใน 2 ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด

    ประเทศไทยเวลานี้ ถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความทันสมัย และตามกระแสโลกในเรื่องของเทรนด์การแต่งหน้า แต่งกาย มีการเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรม รูปแบบการแต่งหน้า แต่งกายจากทั้งยุโรปและเอเชียมาประยุกต์ใช้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำกระแสด้านความงาม และสินค้าผู้หญิงในภูมิภาค เรามีสินค้าด้านความงาม และมีสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมาครองใจลูกค้าชาวจีนอย่างต่อเนื่อง

    ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เห็นได้ว่ามีสินค้าความงาม เครื่องสำอางจำนวนไม่น้อยแม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จกับการขายสินค้าให้กับลูกค้าชาวไทย แต่สามารถสื่อสาร สร้างการรับรู้ และประสบความสำเร็จในการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีน จนสามารถดึงยอดขายสินค้าเหล่านั้นให้เป็นของฝากติดอันดับ และสร้างรายได้หลักกลับเข้ามายังประเทศได้อย่างสวยงาม

    ผู้หญิงส่วนมากเมื่อไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมักจะเลือกซื้อสินค้าประเภทแฟชั่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง กลับมาเป็นของใช้ของฝาก ประเทศไทยเองสามารถขายสินค้าของฝากประเภทเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวให้เป็นสินค้าของฝากที่มีชื่อเสียง และเกิดการบอกต่อมายาวนาน โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมบนโลกโซเชียลมีเดียของจีนในช่วงระหว่างต้นปี 2018 และมีข้อมูลการแนะนำการเลือกซื้อสินค้าเหล่านี้กลับไปเป็นของใช้ของฝาก

    10 อันดับสินค้ายอดนิยมโดนใจสาวจีน

    เมื่อมีการจัดอันดับสินค้าพบว่า 10 อันดับได้แก่ แป้งทาหน้าผสมรองพื้น, ครีมทามือ บำรุงเล็บมือ, ยาแต้มสิว, ครีมกันแดด, สเปรย์กันยุง, อายไลเนอร์, มาสคาร่า, ดินสอเขียนคิ้ว, มาร์กหน้า (overnight mask ), สบู่สมุนไพร

    โดยจะเห็นได้ว่า สินค้าความงามมีการแข่งขันกันทำการตลาดมากขึ้น โดยใช้ช่องทางการทำงานที่หลากหลายกันออกไป

    แต่อีกช่องทางหนึ่งที่ได้รับการตอบรับอย่างดีคือการใช้ KOL (Key Opinion Leader) หรือ การใช้บุคคลผู้มีอิทธิพลในแต่ละสาขาบนโซเชียลมีเดีย สื่อสารข้อมูลสินค้า และบริการไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายหลายช่องทาง และช่องทางการสื่อสารเหมาะกับสินค้าประเภทความสวยงามที่ปัจจัยด้านการตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องของอารมณ์ ความสวยงาม มากกว่าเหตุผลทางด้านประโยชน์การใช้งานหรือราคาของสินค้า

    ไป่ตู้ แอคเซส จะช่วยวางแผนให้ผู้ประกอบการเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวแบรนด์ไทย สามารถเข้าไปสร้างการรับรู้ที่ดีแก่ลูกค้าชาวจีนได้ เนื่องจากเมื่อเราทราบถึงเทรนด์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแล้ว ลำดับต่อไปคือ วิธีการ หรือการสร้างช่องทางการสื่อสารที่จะทำให้สินค้านั้นๆ สามารถเข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ.

    ]]>
    1177836