ความสำเร็จ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 26 Feb 2022 10:25:36 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 3 วิธีคิด “หยุดเปรียบเทียบ” ตนเองกับผู้อื่น ลดความเครียด-กังวล https://positioningmag.com/1375542 Sat, 26 Feb 2022 10:06:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1375542 การเปรียบเทียบหรือแข่งขันเล็กๆ กับเพื่อนร่วมงานอาจเป็นยาดีที่ทำให้เราพัฒนาตนเองได้เร็ว แต่การเปรียบเทียบที่มากเกินไปกลับจะกลายเป็นผลเสีย ทำให้เกิดความเครียดและย้อนมาทำร้ายตนเองแทน ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำวิธีคิด 3 ข้อจากนักจิตวิทยาเพื่อ “หยุดเปรียบเทียบ” ตนเองกับคนอื่น บรรเทาความกังวล

เคยมีความรู้สึกเครียดจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนรอบข้างไหม? เพราะรู้สึกว่าเมื่อเทียบแล้วตนเองประสบความสำเร็จน้อยกว่าคนอื่นที่อายุใกล้เคียงกัน ทั้งที่ถ้าคิดดูดีๆ แล้ว หน้าที่การงานที่ตนเองมีก็ดี ได้รับการยอมรับนับถือจากเพื่อนร่วมงาน และมีอนาคตเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน

“อาร์ต มาร์กแมน” ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและการตลาดจาก University of Texas at Austin อธิบายว่า การเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นนั้นเป็น “การเปรียบเทียบทางสังคม” ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติของเราที่มักจะต้องการประเมินว่าเราทำได้ดีแค่ไหน

การเทียบตัวเองกับคนที่ดีกว่าเรา มักจะทำให้เรารู้สึกไม่พึงพอใจ และหากเรารู้สึกว่าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพื่อให้สถานการณ์ของเราเองดีขึ้นกว่านี้ ความรู้สึกไม่พอใจนั้นจะกลายเป็นความหงุดหงิดขมขื่น

กลับกัน หากเราเทียบกับคนที่ด้อยกว่า มักจะทำให้เราพึงพอใจ (หรืออาจถึงกับสบายใจ) แต่ข้อเสียคือมันอาจจะชะลอแรงกระตุ้นที่จะทำงานให้หนักขึ้นได้

ไม่ว่าจะเป็นทางไหน การเปรียบเทียบทางสังคมอาจเป็นผลร้ายกับเราได้ (มีข้อยกเว้นบ้างคือถ้าหากคุณมีการแข่งขันอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานที่ความสามารถระดับเดียวกัน เมื่อเทียบกันแล้วแต่ละฝ่ายจะได้แรงกระตุ้นให้พัฒนา และทำให้ทั้งกลุ่มทำงานได้สำเร็จตามเป้า)

ถ้าหากคุณเริ่มรู้ตัวว่าการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเริ่มเป็นผลร้าย ทำให้ชีวิตตกต่ำ นี่คือ 3 ข้อแนะนำวิธีคิดจากศาสตราจารย์มาร์กแมน เพื่อช่วยลดแรงกดดัน

 

1.มุ่งมั่นกับเส้นทางของตัวเอง
(Photo: Freepik)

ปัญหาพื้นฐานของการเปรียบเทียบทางสังคมคือ มันเป็นการยอมรับให้ชีวิตคนอื่นเข้ามากะเกณฑ์เป้าหมายของเรา ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ทำให้การเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจ ก็เพราะว่าคนคนนั้นได้บางอย่างมาในขณะที่คุณไม่มี

การไปเฝ้ามองแต่ความสำเร็จของคนอื่นนั้นก่อให้เกิดปัญหา อย่างแรกคือมันจะทำให้เราเริ่มไม่พอใจกับสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันและเคยมีความสุขกับมัน การได้รู้ว่าคนอื่นก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นจะทำให้เราหมดสนุกกับสิ่งที่เคยทำ ปัญหาอีกอย่างคือ ความสำเร็จของคนอื่น แม้ว่าจะดูสวยงามแค่ไหน แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข

จะเป็นประโยชน์กว่าถ้าคิดถึงสิ่งที่ทำให้ ‘ตัวเราเอง’ มีความสุขและพึงพอใจ อาจจะเขียนรายการสิ่งสำคัญๆ ที่เราอยากจะทำหรืออยากจะประสบความสำเร็จ การใช้ชีวิตที่ตรงกับความเป็นตัวเอง ตรงกับเป้าหมายของตนเองนั้นจะมีคุณค่ามากกว่า

การมุ่งมั่นกับเป้าหมายของตนเอง จะทำให้เราสร้างเส้นทางของตัวเองในชีวิตได้ เหมือนกับการ “เลือกเส้นทางผจญภัยของตัวเอง”

 

2.ยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น
(Photo: Freepik)

เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอิจฉาความสำเร็จของคนอื่นอยู่ จงพยายามจัดกรอบปฏิกิริยาของตัวเราเองเสียใหม่

ความอิจฉาเป็นอารมณ์ที่เรามีเมื่อใครสักคนมีหรือได้ทำในสิ่งที่คุณคาดหวังว่าตัวเราเองจะได้มาหรือได้ทำบ้าง หากเพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รางวัลที่เราอยากจะได้ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ความอิจฉาจะผลุบเข้ามา แต่แทนที่จะปล่อยอารมณ์ไว้อย่างนั้น ลองเปลี่ยนมายินดีกับเพื่อนอย่างจริงใจแทน

มีเหตุผลสองสามข้อที่ควรฝึกตัวเองให้ยินดีกับคนอื่น ข้อแรกคือ จริงๆ แล้วสถานการณ์ที่ความสำเร็จของคนอื่นจะมาขัดขวางเป้าหมายของเราเองนั้นมีน้อยมาก เหตุการณ์ที่เป็นไปได้คือเมื่อเราไปแข่งขันกีฬาแล้วจะมีแค่คนคนเดียวที่ได้เหรียญทอง แต่ในสายอาชีพการงานทั่วไป มีทางอื่นที่เดินไปเพื่อความสำเร็จได้เหมือนกัน และถ้าหากเราแสดงออกถึงความเจ็บใจอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ถ้าหากเราแสดงออกถึงความยินดี คนอื่นจะคิดถึงเราในฐานะสมาชิกที่ดีของสังคมการงาน และเมื่อเราประสบความสำเร็จบ้าง คนอื่นก็จะยินดีกับเรากลับคืน

อีกข้อดีหนึ่งคือ นิสัยหลายๆ อย่างเป็นการฝึกจากภายนอกสู่ภายใน ในช่วงแรกๆ ที่เราฝึกยินดีกับคนอื่นอาจจะรู้สึกเหมือนไม่จริงใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้สึกว่ามันง่ายขึ้นในการยินดีกับคนอื่น เพราะเราได้ฝึกการแยกแยะความสำเร็จของเขากับของเราออกจากกันแล้ว

 

3.ซาบซึ้งกับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง

การจะเพิกเฉยไม่สนใจคนอื่นโดยสิ้นเชิงนั้นยากมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำได้คือเปลี่ยนธรรมชาติของความรู้สึกที่มีต่อคนอื่น

วิธีที่ดีในการฝึกความคิดใหม่คือ การเขียนลิสต์รายการความรู้สึกขอบคุณหรือซาบซึ้งกับความช่วยเหลือของคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนที่คอยดูแลเรา เคยสั่งสอนเรา หรือสนับสนุนเราในที่ทำงาน

ความรู้สึกซาบซึ้งใจจะเป็นเหมือนยาต้านการเปรียบเทียบเชิงลบทั้งหลาย เพราะความรู้สึกนี้จะคอยย้ำเตือนว่าคนรอบตัวเรานี่แหละที่มีส่วนช่วยให้เราไปสู่ความสำเร็จ

Source

อ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม

]]>
1375542
ถอดรหัส “เดอะทอยส์” อะไรคือความสำเร็จของนักร้องรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1205798 Sat, 29 Dec 2018 02:58:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1205798 ยิ่งไม่เข้าใจยิ่งดัง ยิ่งมีดรามาซ้ำ ก็ยิ่งส่งกระแส ถ้าผ่านเวทีเมืองนอกมาแล้ว คนไทยยิ่งยอมรับง่ายขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้เหมือนจะกลายเป็นส่วนประกอบความดังของนักร้องยุคนี้ไปแล้ว เพราะดูเหมือนว่าอะไรที่มันไม่ลงตัว ชวนเอ๊ะนี่แหละ ที่กลายเป็นแรงดึงดูดทำให้ “นักร้องรุ่นใหม่” ได้รับความสนใจและอาจจะถึงกับเป็นสปริงบอร์ดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

เรื่องแบบนี้ปฏิเสธไม่ได้ เพราะไม่ว่าวงการเพลงเมืองไทยจะพัฒนาไปแค่ไหน และนักฟังเพลงของไทยจะเริ่มรู้จักหันไปโฟกัสนักร้องที่ความสามารถมากขึ้นกว่าเดิมแล้วก็ตาม แต่สไตล์ผู้บริโภคไทยก็ยังสนใจและมองข้ามไม่พ้นชีวิตส่วนตัวรวมถึงบุคลิกภาพของนักร้อง และไม่เคยวางเรื่องเหล่านี้แยกจากผลงาน ทำให้องค์ประกอบเหล่านี้ยังต้องมีผลต่อความสำเร็จและความดังของนักร้องไทยจนถึงปัจจุบัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเริ่มมาจาก “ความสามารถ” ที่นักร้องเหล่านั้นมีอยู่แล้วในตัวเสียก่อน ไม่ใช่ว่าไม่มีของ ไม่มีดี แล้วจะมาอาศัยแค่กระแส ดรามา สร้างแบรนด์ ก็หมดยุคแล้วเช่นกัน เพราะคุณสมบัติแท้เท่านั้นที่จะบ่งบอกได้ว่าเป็นตัวจริงอย่างไร และยิ่งสร้างความมั่นใจให้คนฟังมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาอยากรู้จักแล้วเจอข้อมูลที่ทำให้ว้าว

ความรู้สึกพวกนี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่ เพราะผู้บริโภคทั่วไป มักจะรู้สึกภูมิใจเสมอถ้าสิ่งที่ตนเลือกเป็นของดีที่สามารถสะท้อนกลับมาเพิ่มความรู้สึกดีๆ เช่น การเลือกใช้ หรือชอบแบรนด์ที่บอกได้ว่าเป็นคนตาถึง ช่างเลือก แต่ก็ไม่แปลกเช่นกัน ที่จะมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่มีความมั่นใจในสิ่งที่เลือกโดยไม่แคร์อะไร

ความรู้สึกเหล่านี้ถือเป็นข้อดีของผู้บริโภคยุคนี้ จากที่มีความเป็นตัวของตัวเองที่หลากหลายมากขึ้น พอๆ กับบรรดาสินค้า หรือนักร้องในวงการดนตรี นั่นคือพร้อมจะแสดงออกว่า ตัวเองเป็นแนวไหน เป็นคนอย่างไรผ่านสิ่งที่ชอบ

ไม่ต้องเพอร์เฟกต์แต่ต้องยูนีกและเรียล

สำหรับวงการเพลง ความรู้สึกที่ส่งผลถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลายนี่เอง ทำให้วงการได้เห็นนักร้องรุ่นใหม่ๆ ที่อาจจะทำให้บางคนที่ยังติดกับภาพนักร้องรุ่นเก่า ต้องทำความเข้าใจเด็กยุคใหม่จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเสียที

ในวงการตลาด พูดกันถึงแบรนด์ยุคนี้ที่ได้รับผลจากโลกดิจิทัลที่ต้องทำอะไรด้วยความรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า เพราะโลกการตลาดต้องการความเร็ว เหมือนที่คนนิยามว่า เป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า ปลาตัวเล็กที่ปราดเปรียวก็พร้อมจะตอดปลาใหญ่จนตายได้ ซึ่งมีผลให้แบรนด์ยุคนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์อีกต่อไป แต่ต้องมีจุดยืนและจุดแข็งของตัวเองที่ชัดเจน และมีเอกลักษณ์ด้วยยิ่งดี

ภาพจาก : facebook.com/thisisthetoy

คุณสมบัติแบบนี้คือสิ่งที่นักร้องที่กำลังมาแรงอย่าง เดอะทอยส์ (The Toys) ธันวา บุญสูงเนิน มีอยู่ในตัวเองโดยธรรมชาติ และจากพัฒนาการด้านดนตรีที่สะสมมาหลังจากที่เขาตัดสินใจชัดเจนแล้วว่าจะเอาจริงเอาจังกับงานดนตรีตั้งแต่วัยรุ่น จนเลือกที่จะเดินออกจากระบบการศึกษาซึ่งต่างจากเด็กไทยวัยเดียวกัน

จนผ่านเส้นทางที่ทำให้หลอมรวมกันจนกลายเป็นความเรียล (Real) ที่มีเอกลักษณ์ และกลายเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้คนได้ฟังเพลง ได้เห็นผ่านการแสดง เริ่มสนใจ และสามารถเพิ่มน้ำหนักความชอบมากขึ้นเมื่อได้รู้ที่มาที่ไปเบื้องหลังผลงานเพลงและภาพลักษณ์ที่ได้เห็น

เดอะทอยส์เริ่มเป็นที่สนใจจากเสียงเพลงและเนื้อหาที่สะดุดหู ท่อนแร็ปรัวๆ ที่ฟังไม่ทัน จับใจความไม่ได้ แต่มันเหมือนจังหวะดนตรีที่ทำให้ต้องฟังซ้ำ หาความหมาย จนคนฟังไม่ปล่อยผ่าน และภายใต้หน้านิ่งๆ ไม่หยิ่ง ไม่ยิ้ม ดูสื่อสารกับคนรอบตัวไม่รู้เรื่อง รวมทั้งดูเหมือนว่าจะไม่มีคำว่า “แฟนเซอร์วิส” อยู่ในหัวแม้ในยามที่ต้องปรากฏตัวต่อสาธารณชน ก็เป็นภาพที่ขัดแย้งจากนักร้อง หรือไอดอลทั่วไป

นี่คือภาพของเดอะทอยส์ โดยเฉพาะจากการไปร่วมงาน MAMA หรือ MNet Asian Music Award 2018 เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2018 ที่ผ่านมาที่ประเทศเกาหลี พร้อมกับคว้ารางวัล Best New Asian Artist Thailand และโชว์เพลงก่อนฤดูฝนที่มีท่อนแร็ปรัวเร็วที่เจ้าตัวเผยว่า ตั้งใจร้องให้คนร้องตามไม่ได้ แต่กลายเป็นท่อนที่ส่งให้คนไทยรวมทั้งคนเกาหลีถูกเดอะทอยส์ตกมาเป็นแฟนจำนวนมาก โดยเฉพาะสถิติที่ยืนยันได้จากชื่อ The Toys ขึ้นเทรนด์คำค้นอันดับหนึ่งของเกาหลีในช่วงนั้น

สิ่งที่เกิดขึ้นย้ำไอเดียของทอยในการทำเพลงที่ว่า เพลงที่เข้าถึงง่าย ไม่มีสเต็ป จะไม่มีแรงดึงดูด และเขาก็เลือกทำเพลงที่อยากจะทำโดยให้น้ำหนักถึง 80% มากกว่าที่จะเลือกทำเพลงตามใจตลาด

งาน  MAMA 2018 ยังเป็นที่มาให้เกิดบทดรามาจากฝั่งประเทศไทย จากจุดเล็กๆ เพียงแค่ทอยทำมือเป็นรูปมินิฮาร์ทผิดทรง แล้วหลังจากมีการค้นข้อมูลที่ไม่รู้เป็นอะไรจะต้องเกิดทัศนคติลบๆ ปนมากับงานเพลงและศิลปินที่น่าชื่นชมทุกทีไป เป็นเรื่องแม้กระทั่งชื่อเล่นที่แท้จริง ความเป็นธรรมชาติซื่อๆ ใสๆ ที่ถูกมองเป็นเรื่องเด๋อด๋าของคนบางกลุ่ม ที่แรงสุดก็น่าจะเป็นเซียนเพลงสมัครเล่นที่ออกมาถอดรหัสทำนองสไตล์เพลงที่หาว่าย้อนไปก๊อปไกลถึงงานเพลงในยุค 80 กันเลยทีเดียว

โชคดีที่ได้กระแสชื่นชมจากต่างประเทศ เพราะขณะที่คนบางกลุ่มในไทยมองว่าเด๋อด๋า อย่างในเกาหลีกลับมองเป็นเรื่องน่ารักใสๆ ของหนุ่มขี้อาย บวกกับขาใหญ่ในวงการเพลงอย่าง ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ที่ออกมาดับดรามาไปได้เสียก่อนจนได้สติขึ้นมา

หลุดเรื่องดรามา มาดูเนื้องานความเป็นเดอะทอยส์ ต้องบอกว่า เดอะทอยส์นับเป็นแบรนด์ที่มีพื้นฐานพร้อมดังที่เข้ากับยุคนี้ในหลายประเด็น

ที่ขาดไม่ได้คือ ความเก่งรอบด้าน ที่ได้มาโดยสายเลือดส่วนหนึ่งบวกกับการฝึกฝนด้วยตัวเองและประสบการณ์ทำงานในวงการเพลงตั้งแต่เด็กเมื่อรู้ตัวว่าชอบอะไร

ยุคนี้ไอดอลส่วนใหญ่ โดยเฉพาะไอดอลเกาหลี แต่ละค่ายต่างก็ต้องสอนทุกเรื่องที่นักร้องควรรู้ทั้งดนตรี การเขียนเพลง การเต้น การร้อง แต่เดอะทอยส์ทำทุกอย่างนี้มาด้วยตัวเอง (ปล.อาจจะเว้นการเต้น)

ทอย เป็นคนที่มีความสามารถเล่นดนตรีได้ แต่งเพลงเป็น ทั้งเนื้อร้อง ทำนอง โปรดิวซ์ รวมทั้งร้องเองเมื่อเพลงที่แต่งถูกคนอื่นปฏิเสธ และนี่อาจจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพลงเข้าถึงอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น

ใครเคยฟัง ลาลาลอย ผลงานล่าสุดของเดอะทอยส์ ก็อาจจะพอนึกออกกับเนื้อหาและทวงทำนองเพลงที่ปล่อยไหลไปตามอารมณ์ เพราะเอาจริงๆ คนส่วนใหญ่เวลาฟังเพลงมักจะเน้นอารมณ์เพลงเป็นหลักมากกว่าเนื้อเพลง ซึ่ง ทอย ก็เล่าถึงที่มาของเพลงนี้ว่า ได้ไอเดียมาจากเห็นลูกโป่งที่หลุดลอยผ่านหน้ารถ แล้วก็เลยผ่านไปแค่นั้น จนกลายมาเป็นเพลงหนึ่งเพลง

ประสบการณ์ที่หลอมมาเป็นทอย และทำให้เขามีความสามารถที่จะสร้างผลงานเพลงทั้งหมดได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว จากเบื้องหลังมาถึงเบื้องหน้าแบบครบ 360 องศา กับงานเพลงที่โดนใจคนรุ่นใหม่ วันนี้เลยทำให้เดอะทอยส์ ได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนฟังในช่วงวัยเดียวกัน และกลายมาเป็นไอดอลโดยที่ไม่ต้องพยายามแสดงอะไรให้มากไปกว่าแสดงออกตามธรรมชาติและความเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ในตัว ซึ่งรวมถึงไม่ต้องพยายามสื่อสาร เพราะเขากลายเป็นแบรนด์ที่คนพยายามที่จะรู้จักและเข้าใจมากขึ้นเมื่อเกิดความชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตถ้าเป็นการพูดคุยเรื่องดนตรี ต้องยอมรับว่าบทสนทนาของทอยจะลื่นไหลเป็นพิเศษ

หากให้สรุปเหตุความดังของเดอะทอยส์ ณ วันนี้ ต้องพูดเลยว่า เป็นเพราะเขาพัฒนามาบนสิ่งที่เขาสนใจตั้งแต่ต้นและไม่เคยหยุด จะว่าไปก็เหมือน kaizen หรือ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในสไตล์ญี่ปุ่นดีๆ นั่นเอง อีกทั้งการพัฒนานั้นเกิดขึ้นบนจุดแข็งหรือความสามารถที่ตัวเองมีโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปตามกระแส จนทำให้สิ่งที่ทำมันกลายเป็นกระแสขึ้นมาในที่สุด และที่ขาดไม่ได้อย่างวงการเพลงซึ่งถือเป็นงานสร้างสรรค์คือการใช้ครีเอทีฟมายด์เป็นตัวขับเคลื่อนเหมือนปล่อยเพลงไหลไปตามอารมณ์มากกว่าเน้นเรื่องความคิดในเนื้อหาเพลง ขณะเดียวกันก็แสดงความรู้สึกและเป็นตัวของตัวเองด้วยการแสดงออกตรงไปตรงมาโดยไม่พยายามต้องเป็นแบบใครหรือเพื่อทำให้ดูดี ซึ่งสำหรับเดอะทอยส์ความตั้งใจที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนใครนี่เอง ทำให้เขาไม่เหมือนใครโดยธรรมชาติจนเป็นเอกลักษณ์.

]]>
1205798
5 อย่างที่ทำได้ทุกวัน เพื่อความสำเร็จสไตล์ Richard Branson https://positioningmag.com/1156212 Fri, 09 Feb 2018 01:30:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1156212 Richard Branson คือผู้ก่อตั้ง Virgin Group ที่ทุกคนรู้ดีว่ามหาเศรษฐีรายนี้มั่งคั่งได้เพราะ 2 มือและสมองของตัวเอง ล่าสุดนักธุรกิจชื่อก้องโลกคนนี้เขียนบทความบนบล็อกของตัวเอง จนทำให้โลกสามารถสรุปได้ว่า 5 สิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทุกวัน เพื่อการประสบความสำเร็จสไตล์ Branson คือสิ่งเหล่านี้

ถามว่าความสำเร็จสไตล์เจ้าพ่อ Virgin Group คือแบบไหน คำตอบนั้นไม่ใช่เรื่องความร่ำรวยเท่านั้น แต่หมายถึงความคิดทัศนคติที่จะปูทางสู่ความสำเร็จในอนาคต เรื่องนี้ มารดาของผู้ก่อตั้ง Virgin Group เคยเล่าว่า Richard Branson ชอบทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ยังเป็นเด็กวัยหัดเดิน ที่เห็นชัดเจนที่สุดคือตอนที่เขาเป็นหนุ่มน้อยอายุ 16 ปี Richard Branson ตัดสินใจหยุดเรียนและเริ่มธุรกิจของตัวเองผ่านนิตยสารStudent magazineกระทั่งวันนี้ ธุรกิจของเจ้าพ่อ Virgin Group มีตั้งแต่บริการสำรวจมหาสมุทร ไปจนถึงเที่ยวบินสู่อวกาศ

จุดนี้ Branson ยอมรับว่าต้องพยายามจัดสรรโฟกัสของตัวเอง ให้ครอบคลุมธุรกิจที่แตกต่างกันในทุกวัน ซึ่งทำให้เขามักถูกถามเสมอว่าสามารถทำให้ทุกธุรกิจประสบความสำเร็จได้อย่างไร คำตอบคือความรักในงานและความสนุก ที่ Branson ย้ำว่าเป็นตัวช่วยให้เขาจัดการงานมหาศาลได้โดยที่รู้สึกสนุกกับงานในเวลาเดียวกัน

Branson ใช้คำว่าI love lifeความรักในชีวิตที่เป็นอยู่ และประสบการณ์จากการทำงานต่อเนื่อง 67 ปี ทำให้เขาไม่ได้แยกภาระงานและการพักผ่อนออกจากกันอย่างสิ้นเชิง จุดนี้ Branson เขียนไว้ในบล็อกว่าเพราะทั้งหมดคือการใช้ชีวิตซึ่งไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่หมายถึงการได้เรียนรู้ศิลปะแห่งความสมดุล

สำนักข่าว CNBC หยิบวิธีที่ Branson แนะนำออกมาจำแนกเป็น 5 สิ่งที่พวกเราทุกคนสามารถทำได้ทุกวัน โดยเริ่มจากข้อแรกคือ การทำดีต่อผู้คนรอบตัว

1. ต้องมี positive impact กับคนรอบตัว

ความใจกว้างในการทำงาน เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคนทั้งในแง่อาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว เรื่องนี้ Branson เขียนว่าคนส่วนใหญ่มักรู้สึกมีความสุขและเบิกบานที่สุดเมื่อได้ทำดีต่อผู้คนรอบข้าง

Branson เสริมว่าครอบครัวของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเขาตัดสินใจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการที่เน้นแก้ปัญหาประเด็นสิ่งแวดล้อมโลกที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) ยังมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และยาเสพติดที่ตัว Branson สนใจ จุดนี้ Branson ยอมรับว่าต้องการให้หลานของตัวเองเติบโตขึ้นมาในโลกที่ปลอดภัย โดยไม่มีภัยคุกคามเช่นภัยพิบัติหรือสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในอนาคต

การทำดีของ Branson อาจเป็นภาพใหญ่เกินไป แต่ Annie McKee ที่ปรึกษาความเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขเคยยกตัวอย่างว่าในที่ทำงาน ความเอื้ออาทรคือสิ่งที่ง่ายที่สุดในการสร้างบรรกาศที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นการรักษาคำพูด การมอบหรือแชร์เครดิตผลงาน และการขอบคุณผู้มีส่วนช่วยเหลือ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและมิตรภาพที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานได้

2. พักบ้างเป็นครั้งคราว

Branson เขียนในบล็อกว่าการหยุดพักกายพักใจตัวเอง จะช่วยป้องกันไม่ให้เราถูกไฟไหม้ไปเสียก่อน โดยบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะปันเวลาเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองได้หายใจ

ตลอดทั้งวัน มหาเศรษฐี Branson จะดื่มน้ำชาประมาณ 20 ถ้วย ไม่เพียงให้ร่างกายมีพลังเต็มเปี่ยม แต่ยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วย

การดื่มชาไม่เพียงแต่อร่อยและสดชื่น แต่มันทำให้ผมมีเวลาหยุดนิ่งและคิดได้โดยไม่ต้องฟุ้งซ่าน และมีโอกาสได้คุยกับเพื่อน คิดถึงไอเดีย หรือนั่งลงครู่เดียวโดยไม่ต้องคิดอะไร

การหยุดพักเหล่านี้ยังป้องกัน Branson จากการยอมแพ้ เรื่องนี้เขาระบุว่าบ่อยครั้งที่ช่วงเวลาดื่มชา ทำให้เขามีไอเดีย และหาทางออกจากปัญหาที่รุมเร้าได้

3. เขียนเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว

Branson เป็นผู้เชื่อมั่นในการจดบันทึก ไม่ว่าจะด้วยอุปกรณ์สมาร์ทหรือเขียนด้วยปากกาและกระดาษ เขามองว่าการจดบันทึกเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ตลอดทั้งวัน ใครที่เป็น entrepreneur หรือผู้ประกอบการจะต้องมั่นใจว่าจดจำสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อตัวเองและเพื่อบริษัทองค์รวม

คุณควรจะมองหาวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอยู่เสมอรวมถึงตัวคุณเอง คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรทั้งหมดในคราวเดียว นี่จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา Branson ระบุ

หากต้องการปรับปรุงเรื่องเหล่านี้ Branson จะตั้งเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ความสำเร็จในระยะสั้นช่วยให้เขามั่นใจไม่ไขว้เขว และสนับสนุนให้เขาบรรลุเป้าหมายได้ในระยะยาว

ด้วยการเขียน คุณจะสามารถทำงานผ่านรายการของตัวเอง และตัดรายการงานที่ไม่ต้องการทิ้งไปได้ ดังนั้นการเขียนสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เราโฟกัสได้ดี และมั่นใจได้ว่าไม่ได้ลืมไอเดียยิ่งใหญ่ไป

4. ต้องกล้า

Branson ใช้คำว่า brave หรือความกล้าในการบอกให้ทุกคนที่อยากให้บางสิ่งเกิดขึ้น ว่าอย่ามัวแต่นั่งรอคอยให้มันเกิด

จงทำงานหนัก ใช้โอกาสของตัวเอง และหยิบฉวยช่องทางให้ทันเมื่อมองเห็น Branson เขียนไว้ จุดนี้ Branson บอกว่าเป็นสิ่งที่เขาใช้ตั้งแต่เมื่อเริ่มการสร้างนิตยสาร Student ถึงค่ายเพลง Virgin Records 

Branson ย้ำว่าอย่ากลัว เพราะผู้ที่กล้าหาญมีโอกาสสูงที่จะได้รับรางวัล

5. เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสนุก

ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่บ้านหรือเดินทางมาทำธุรกิจ Branson จะเริ่มทุกวันด้วยการเล่นเทนนิสหรือการเล่นว่าว (kitesurfing) เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

มันทำให้เลือดสูบฉีด และทำให้เรารู้สึกว่าได้ทำอะไรสำเร็จก่อนที่คุณจะเริ่มทำงาน Branson เล่า

การออกกำลังกายยามเช้าทำให้happy hormonesหรือฮอร์โมนหลากหลายที่ทำให้ร่างกายและสมองมีความสุขนั้นหลั่ง ทำให้ความสามารถในการกระตุ้นความรู้สึกที่ดีและลดความเครียดทำได้ง่ายกว่า 

ผมได้ยินหลายคนบอกว่าไม่มีเวลาไปฟิตเนส ซึ่งเป็นเรื่องจริง แต่เราไม่จำเป็นต้องมีเวลาเพื่อออกกำลังกาย แต่เราต้องหาเวลาออกกำลังกาย เพราะไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าสุขภาพอีกแล้ว Branson เขียนทิ้งท้าย

ที่มาcnbc.com/2018/02/06/5-things-you-can-do-to-make-every-day-a-success.html

]]>
1156212