ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 25 Jul 2024 13:59:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม พระราม 3” ปักหมุดสาขาแรกกลางกรุงเทพฯ ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างโตดี เพราะซ่อมบ้านรอไม่ได้ https://positioningmag.com/1483998 Thu, 25 Jul 2024 10:11:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1483998
  • “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม พระราม 3” สาขาแรกที่ซีอาร์ซี ไทวัสดุ เปิดในทำเลกรุงเทพฯ ชั้นใน บุกด้วยรูปแบบร้าน “ไฮบริด” ตอบโจทย์ทั้งผู้รับเหมาและเจ้าของบ้าน
  • มองตลาดวัสดุก่อสร้างภาพรวมทรงตัว แต่ไทวัสดุยังเติบโตต่อเนื่องเพราะเป็นร้านค้าปลีกที่เน้นกลุ่มซ่อมแซมบ้าน ซึ่งเรื่องซ่อมบ้านเป็นเหตุฉุกเฉินที่ลูกค้ารอไม่ได้
  • “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดตัวร้านสาขาล่าสุด “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม พระราม 3” ตั้งอยู่บนถนนพระราม 3 ช่วงใกล้สะพานพระราม 9 ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดินเนื้อที่ 19 ไร่ พื้นที่ขาย 20,000 ตร.ม. โดยเป็นไทวัสดุแห่งแรกที่มีอาคารจอดรถ 4 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 450 คัน

    สาขานี้นับเป็นสาขาที่ 101 ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ (สาขาที่ 84 ของไทวัสดุ และสาขาที่ 17 ของบีเอ็นบี โฮม) และยังเป็นสาขาแรกที่บุกใจกลางกรุงเทพฯ จากเดิมในเขตกรุงเทพฯ จะมีสาขาไทวัสดุเฉพาะย่านชานเมือง เช่น สาขาพระราม 2, สุขสวัสดิ์, ถ.นวมินทร์ หรือออกไปในเขตจังหวัดปริมณฑล เช่น สาขาบางนา, แจ้งวัฒนะ, บางใหญ่ ถือเป็นการปักหมุดความสำเร็จตามกลยุทธ์ ‘ป่าล้อมเมือง’ ของไทวัสดุ

    ไทวัสดุ
    “ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม พระราม 3”

    เป้าหมายของสาขาใหม่บน ถ.พระราม 3 เชื่อว่าจะตอบโจทย์ประชากรโดยรอบที่อาศัยอยู่กว่า 200,000 ครัวเรือนในพื้นที่ตั้งแต่ย่านพระราม 3 เจริญกรุง นางลิ้นจี่ สีลม สาทร พระราม 4 ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่มีกำลังซื้อสูง เป็นกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงลักชัวรี รวมถึงมีศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้ มอลล์, โรงเรียนเอกชน, อาคารสำนักงาน อีกหลายแห่งที่จะเกิดดีมานด์ต้องการซ่อมแซม ต่อเติม ก่อสร้าง และแต่งบ้าน

    สาขานี้เป็นร้านในรูปแบบ “ไฮบริด” หรือ “White Format” มีทั้งไทวัสดุ และ บีเอ็นบี โฮม ในทำเลเดียว ภายในมีสินค้ากว่า 50,000 รายการ แบ่งสัดส่วนสินค้า 40% เป็นสินค้ากลุ่ม Hard DIY (วัสดุก่อสร้าง, อุปกรณ์ไฟฟ้า, ประปา, เครื่องมือช่าง ฯลฯ) และ 60% เป็นสินค้ากลุ่ม Soft DIY (ของแต่งบ้าน, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์จัดเก็บ ฯลฯ)

    ไทวัสดุ

     

    ครึ่งปีหลังคาดเปิดใหม่ 2-3 สาขา

    สำหรับการเปิดสาขาใหม่ของซีอาร์ซี ไทวัสดุ ปี 2567 ช่วงครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 4 สาขา ได้แก่ 1.ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาอุดรธานี กุดสระ 2.ไทวัสดุ สาขาอรัญประเทศ 3.ไทวัสดุ สาขาสระแก้ว และ 4.ไทวัสดุ สาขาแกลง

    ในครึ่งปีหลังประเดิมสาขาที่ 5 คือ ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาพระราม 3 ที่เพิ่งเปิดใหม่นี้ โดยสุทธิสารกล่าวต่อถึงแผนของปีนี้ว่า ในครึ่งปีหลังจะมีการเปิดสาขาใหม่อีก 2-3 สาขา เช่น สาขาอุทัยธานี, แพร่, กาฬสินธุ์ และจะมีการรีโนเวตเปลี่ยนรูปแบบอีก 2-3 สาขา เช่น ไทวัสดุ สาขาสุขาภิบาล 3 จะเปลี่ยนเป็น White Format เพิ่มส่วนบีเอ็นบี โฮม

    รูปแบบร้าน White Format ผสมผสาน ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม

    รูปแบบ White Format ของซีอาร์ซี ไทวัสดุเริ่มทดลองสาขาแรกที่ จ.ภูเก็ต มาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งได้รับผลตอบรับดี ช่วยขยายฐานลูกค้า ทำให้บริษัทวางกลยุทธ์ขยายสาขารูปแบบนี้อย่างต่อเนื่อง โดยพระราม 3 เป็นสาขาที่ 11 ที่เปิดในแบบ White Format

    “วิธีเลือกทำเลที่จะเปิดแบบ White Format คือเป็นสาขาที่ได้ลูกค้ากลุ่มคนเมืองหรืออยู่ในแหล่งท่องเที่ยว เพราะกลุ่มนี้จะต้องการสินค้าที่มากกว่าวัสดุก่อสร้างพื้นฐาน ต้องการของตกแต่ง มีดีไซน์ แบบในบีเอ็นบี โฮม” สุทธิสารกล่าว

     

    ซ่อมบ้านรอไม่ได้ ค้าปลีกวัสดุก่อสร้างยังโตต่อ

    ด้านภาพรวมสภาวะตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างปี 2567 สุทธิสารกล่าวว่า ภาพรวมไม่ได้หวือหวาตามสภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์กลุ่มบ้านสร้างใหม่ชะลอตัว

    อย่างไรก็ตาม เฉพาะกลุ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างยังเติบโตได้ต่อเนื่องเพราะจับตลาดซ่อมแซมบ้านมากกว่าสร้างใหม่ และกลุ่มซ่อมแซมบ้านเป็นกลุ่มจำเป็นฉุกเฉิน โดยเฉพาะฤดูฝนแบบนี้มีดีมานด์สูงเพราะต้องซ่อมหลังคา สำหรับซีอาร์ซี ไทวัสดุเองยอดขายเติบโตดีเช่นกัน และโตได้ทั้งจากอัตราเติบโตยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) และจากการเปิดสาขาใหม่

    “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล

    ขณะที่ บล.กสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ โกลบอลเฮ้าส์ ดูโฮม และ โฮมโปร ในช่วงไตรมาส 2/2567 คาดการณ์ว่า SSSG ของกลุ่มค้าปลีกปรับปรุงบ้านจะติดลบประมาณ -5% YoY เพราะความเชื่อมั่นการบริโภคอ่อนแอและการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐล่าช้า แต่ในแง่การทำกำไรคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น 7% YoY จากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์บางตัว เช่น เหล็ก

    บล.กสิกรไทยคาดการณ์ด้วยว่า ทิศทางไตรมาส 3/2567 กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้างน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ เพราะเริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ

    เป้าหมายของซีอาร์ซี ไทวัสดุนั้นต้องการจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเมื่อปี 2566 ทำรายได้ไป 40,000 ล้านบาท สุทธิสารเคยประกาศเป้าไว้ว่าจะเพิ่มรายได้เป็น 70,000 ล้านบาทภายในปี 2571 ผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

    ไทวัสดุ

    ]]>
    1483998
    ครบรอบ 40 ปี “ดูโฮม” ค้าวัสดุก่อสร้างแดนอีสาน รุกคืบเพิ่ม 3 สาขา เชียงราย-อยุธยา-ปทุมธานี https://positioningmag.com/1430842 Wed, 17 May 2023 09:48:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1430842 ฉลองครบรอบ 40 ปี “ดูโฮม” ร้านค้าวัสดุก่อสร้างจากอุบล ปีนี้วางแผนเปิดเพิ่ม 3 สาขาใหญ่ เชียงรายอยุธยาปทุมธานี คาดรายได้เติบโตชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากครึ่งปีแรกเป็นช่วงเปลี่ยนรัฐบาล หวังอีก 3 ปีข้างหน้ามีโอกาสเบียดขึ้น Top 3 ค้าวัสดุก่อสร้างของไทย

    “อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา” ประธานกรรมการบริหาร และ “นาตยา ตั้งมิตรประชา” รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) นำทีมจัดฉลองครบรอบ 40 ปีบริษัท ขอบคุณลูกค้า ซัพพลายเออร์ และพันธมิตรทางธุรกิจ ที่ช่วยให้วันนี้ดูโฮมเติบโตระดับประเทศ

    ดูโฮมเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านวัสดุก่อสร้างเล็กๆ ในจ.อุบลราชธานี ก่อนจะขยายตัวในภาคอีสาน และขยายไปทั่วประเทศ จนในที่สุดได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2562

    ผู้บริหารรุ่น 1 และ รุ่น 2 : (จากซ้าย) สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ, นาตยา ตั้งมิตรประชา, อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา, อริยา ตั้งมิตรประชา และ มารวย ตั้งมิตรประชา

    นาตยากล่าวว่า ธุรกิจของดูโฮมจากนี้จะเป็น ‘เหรียญ 2 ด้าน’ ในตนเอง เพราะมีทั้งส่วนค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงยังเป็นธุรกิจที่มีรากฐานจากกิจการครอบครัวที่มีความจริงใจต่อพันธมิตร แต่เสริมความเป็นมืออาชีพในการทำงานมากขึ้น

    ขณะที่สโลแกนหลัก คือ “ครบ ถูก ดี” จะยังยึดถือไว้เช่นเดิม ร้านดูโฮมจะใช้จุดเด่นต่อสู้ในตลาด ของครบทุกรุ่นทุกเกรด ราคาถูก และมีคุณภาพมาตรฐาน

     

    “ดูโฮม” ปีนี้ขยายเพิ่ม 3 สาขาใหญ่

    ด้าน “อริยา ตั้งมิตรประชา” รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการและจัดซื้อ ดูโฮม เปิดเผยผลการดำเนินงาน นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รายได้บริษัทเติบโตขึ้นมาถึง 75% จากในปี 2562 ทำรายได้เกือบ 18,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 725 ล้านบาท ล่าสุดปี 2565 ปิดรายได้ที่ 31,500 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 774 ล้านบาท

    ปัจจุบันร้านค้าของดูโฮมมี 2 รูปแบบ คือ

    • ร้านขนาดใหญ่ พื้นที่ 20,000 ตร.ม. ลงสินค้าครบ มีทั้งหมด 21 สาขา
    • ร้านขนาดเล็ก ‘To Go’ เน้นลงสินค้าประเภทซ่อมแซมบ้าน ทำเลในเมือง มีทั้งหมด 8 สาขา
    ดูโฮม
    ดูโฮม To Go สาขาท่าอิฐ

    โดยสินค้าของดูโฮมมีมากกว่า 100,000 SKUs ครอบคลุมทุกประเภทสินค้า คือ วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตกแต่งบ้าน ทำสวน

    ด้วยสินค้าครบทำให้บริษัทมีลูกค้าทุกประเภท แบ่งสัดส่วนเป็น 1) 40% คือกลุ่มคนสร้างบ้าน ผู้รับเหมาโครงการ 2) 30% คือกลุ่มคนซ่อมบ้าน นายช่างรับจ้างซ่อมแซมบ้าน และ 3) 30% คือกลุ่มคนรักบ้าน เจ้าของบ้านซ่อมเอง/ซื้อเอง หรือตกแต่งบ้าน

    ดูโฮม
    การเติบโตของดูโฮม และเป้าเปิดสาขาปี 2566

    “สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ” รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร ดูโฮม กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2565 บริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขาขนาดใหญ่ ขณะที่ปี 2566 มีแผนเปิด 3 สาขาใหญ่ใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย อยุธยา และปทุมธานี รวมถึงจะเปิดสาขาเล็กแบบ To Go อีก 6 สาขา โดยการเปิดสาขาทั้งหมดจะใช้งบลงทุนรวม 3,000 ล้านบาท

    เหตุที่ปักหมุดใน 3 จังหวัดนี้ สำหรับเชียงรายถือเป็นหัวเมืองสำคัญอีกแห่งของภาคเหนือ ต่อจากเชียงใหม่และพิษณุโลกที่ดูโฮมเข้าไปเปิดสาขาแล้ว ส่วนอยุธยาและปทุมธานีถือเป็นจังหวัดอุตสาหกรรมที่มีกำลังซื้อสูง

     

    รายได้เติบโตช้าลง ครึ่งปีแรกชะลอตัว

    สลิลทิพกล่าวต่อว่า สำหรับคาดการณ์รายได้ปี 2566 น่าจะเติบโตได้ไม่เท่ากับปีก่อน (เมื่อปี 2565 รายได้เติบโตพุ่งสูง 25.7%) เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงของการเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้กลุ่มผู้รับเหมาโครงการภาครัฐจะมีการเบิกจ่ายล่าช้า ส่งผลถึงการซื้อวัสดุก่อสร้าง

    ในไตรมาส 1 ปี 2566 ดูโฮมแจ้งผลประกอบการทำรายได้กว่า 8,500 ล้านบาท เติบโตเพียง 1.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท ซึ่งลดลง -43.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

    อย่างไรก็ตาม สลิลทิพเชื่อว่าหลังตั้งรัฐบาลได้และมีการเบิกจ่ายตามปกติ รวมถึงดูโฮมจะเปิดทั้ง 3 สาขาใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ จึงน่าจะทำให้ครึ่งปีหลังมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

    ขณะที่ความท้าทายปีนี้มองถึงประเด็น “ค่าแรง” 450 บาทต่อวัน ซึ่งว่าที่รัฐบาลใหม่ประกาศนโยบายไว้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันดูโฮมจ่ายค่าแรงที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว จึงกระทบไม่มาก คาดว่าอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นประมาณ 0.05% ของยอดขายเท่านั้น

     

    ลุยต่ออีคอมเมิร์ซ หวังเติบโตเท่าตัวทุกปี

    ด้าน “มารวย ตั้งมิตรประชา” รองกรรมการผู้จัดการสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตลาดออนไลน์ ดูโฮม กล่าวถึงส่วนการขายในรูปแบบอีคอมเมิร์ซที่บริษัทเริ่มขึ้นเมื่อ 6-7 ปีก่อน ปัจจุบันขยายการขายผ่านหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์, โซเชียลคอมเมิร์ซ​ (Line และ Facebook) และมาร์เก็ตเพลส เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้

    โดยช่องทางเว็บไซต์มีสินค้าลงจำหน่ายแล้ว 3-4 หมื่นรายการ ส่วนในมาร์เก็ตเพลส ลงขายแล้ว 4-5 พันรายการ รวมทั้งหมดสร้างรายได้เป็นสัดส่วน 1% ของรายได้รวมบริษัท แม้สัดส่วนยังน้อยแต่มีทิศทางที่ดี เพราะรายได้ออนไลน์เติบโตเท่าตัวมาทุกปี และต้องการจะให้เติบโตสม่ำเสมอเช่นนี้

    ส่วนการลงระบบ CRM ของบริษัทที่เริ่มต้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ขณะนี้มียอดสมาชิกแล้ว 2 ล้านราย และเปิดระบบให้ลูกค้าแลกแต้มส่วนลดได้ เริ่มเป็นระบบที่ช่วยให้บริษัทแก้ปัญหาให้ลูกค้าหลังการขายได้ดีขึ้น

     

    เป้าหมาย 3 ปี 36 สาขา

    สลิลทิพกล่าวต่อถึงเป้าหมายระยะกลางใน 3 ปีข้างหน้า วางแผนไว้ว่าจะเปิดให้ครบ 36 สาขา โดยขณะนี้ศูนย์กระจายสินค้า (DC) ของบริษัทที่ขยายพื้นที่เมื่อปี 2565 พร้อมแล้วที่จะรองรับเป้าหมายดังกล่าว

    สาขาใหม่ที่จะขยายจะเน้นหัวเมืองที่ยังไม่มีแบรนด์ดูโฮม เช่น ภูเก็ต และมองว่าโอกาสการขยายตัวยังมีอีกมาก เพราะมีอีกหลายเมืองที่ดูโฮมยังไม่ครอบคลุม

    ถ้าวัดจากรายได้บริษัทปี 2565 แล้ว นับว่าขณะนี้ “ดูโฮม” เป็นอันดับ 4 ของตลาดโมเดิร์นเทรดค้าวัสดุก่อสร้าง รองจากอันดับ 1 คือ “โฮมโปร” ทำรายได้กว่า 69,000 ล้านบาท อันดับ 2 คือ “โกลบอลเฮ้าส์” ทำรายได้เกือบ 36,000 ล้านบาท และอันดับ 3 คือ “ไทวัสดุ” ทำรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท (*เป็นรายได้ปี 2564 ซึ่งไทวัสดุเคยคาดการณ์ว่าปี 2565 รายได้จะเติบโต 18%)

    ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่การเปิดสาขาครบ 36 สาขาจะทำให้ดูโฮมขึ้นมาเป็น Top 3 ของประเทศ สลิลทิพตอบคำถามนี้ว่า “เป็นไปได้” แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการขยายตัวของคู่แข่งในช่วงเวลาเดียวกันด้วยเช่นกัน

    ทั้งนี้ โอกาสฉลองครบรอบ 40 ปีของดูโฮมในปีนี้จะมีการจัดแคมเปญพิเศษ “Better Together ครบ ถูก ดี ตลอดไป” ซื้อสินค้าครบตามกำหนด รับคูปองลุ้นโชครางวัลรถกระบะ รถจักรยานยนต์ ฯลฯ ที่ดูโฮมทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2566

    ]]>
    1430842
    เจาะพื้นที่เมือง! “ดูโฮมทูโก” ปูพรมไซส์เล็ก เปิดกรุงเทพฯ 90 สาขา รับพฤติกรรมคนกรุง DIY ตกแต่ง-ซ่อมแซมบ้าน https://positioningmag.com/1240271 Wed, 24 Jul 2019 09:55:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1240271 ต้องเรียกว่าเป็นอีก “ธุรกิจป่าล้อมเมือง” ที่มีตำนานกว่า 36 ปี สำหรับร้านค้าส่งค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมแซมบ้าน แบรนด์ Do Home ที่เริ่มต้นธุรกิจครอบครัว “ร้านอุบลวัสดุ” สร้างสตอรี่ใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเปิดตัวไซส์ XS เจาะกำลังซื้อคนกรุง

    ธุรกิจ Do Home เริ่มต้นโดย “อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) พื้นเพคนจังหวัดอุบลราชธานี ที่เห็นโอกาสในธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เจาะตลาดค้าส่ง ผู้รับเหมา และคนทั่วไป เริ่มต้นสาขาแรกที่อุบลราชธานี ปี 2526 ด้วยสาขาต้นแบบไซส์ L พื้นที่ 35,000 – 50,000 ตร.ม. สินค้ากว่า 1.3 แสนรายการ (SKU)

    จากนั้นเจนเนอเรชั่น 2 ของครอบครัวเห็นโอกาสนำแบรนด์ Do Home ขยายสาขาออกนอกพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ในปี 2553 ปัจจุบันมีสาขาไซส์ L รวม 9 แห่ง ในหัวเมืองขนาดใหญ่ รวมทั้ง กรุงเทพฯ คือ อุบลราชธานี นครราชสีมา รังสิต ขอนแก่น อุดรธานี พระราม 2 บางบัวทอง เชียงใหม่ และบางนา

    อดิศักดิ์ ตั้งมิตรประชา ผู้ก่อตั้ง Do Home

    ปีนี้ ดูโฮม ได้สร้างสตอรี่ใหม่จากธุรกิจภูธร สู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสร้างรายได้และกำไรเติบโตมาต่อเนื่อง ปี 2561 รายได้ 18,535 ล้านบาท กำไร 439 ล้านบาท เตรียมเทรดหุ้นครั้งแรกในวันที่ 6 ส.ค. นี้ พร้อมกลยุทธ์การขยายสาขาใหม่ไซส์ XS เจาะกำลังซื้อคนกรุง

    ปูพรมไซส์เล็กกรุงเทพฯ 90 สาขา

    ภูธดา ธีรเวชชการ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแผนธุรกิจช่วง 3 ปีนี้ (2562 – 2564) การขยายสาขาไซส์ใหญ่ จะเปิดเพิ่มราว 7 สาขา จากปัจจุบันมี 9 สาขา รวมเป็น 16 สาขา แต่ยุทธศาสตร์การขยายสาขาที่จะโฟกัสในช่วง 3 ปีนี้ คือ ฟอร์แมตไซส์เล็ก หรือ XS แบรนด์ Do home To GO พื้นที่ 300 – 1,000 ตร.ม. วางเป้าหมายเปิดรวม 90 สาขา ภายในปี 2564

    ฟอร์แมต Do home To GO เป็นร้านไซส์เล็กใช้เจาะกำลังซื้อคนเมือง เน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งอยู่ในพื้นที่ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างค้าส่ง ทั้ง แม็คโคร, เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า End User เปิดแล้ว 2 สาขา ในแม็คโคร สาขาจรัญสนิทวงศ์ และสาทร

    สาขาไซส์ XS ดูโฮม ทูโก มีสินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่งและซ่อมแซมเป็นหลัก ประมาณ 10,000 รายการ เน้นกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ที่ซื้อสินค้ากลุ่มตกแต่งและซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเบื้องต้นด้วยเอง และกลุ่มลูกค้าช่างที่ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางไปสาขาใหญ่ที่อยู่รอบกรุงเทพฯ

    ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค DIY

    วนิดา รินนาศักดิ์ รองผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ดูโฮม ทูโก กล่าวว่า การเปิดดูโฮมไซส์เล็กในกรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่โมเดิร์นเทรด ที่มีฐานลูกค้ามาใช้บริการอยู่แล้วและมีโอกาสเข้ามาเป็นลูกค้าของดูโฮมทูโกด้วย

    การพัฒนาฟอร์แมตขนาดเล็ก เพื่อขยับเข้ามาอยู่ใกล้ลูกค้าในกรุงเทพฯ และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นครอบครัวขนาดเล็ก อาศัยในคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น นิยมซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านมา DIY เอง ที่สำคัญต้องการลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อของใหม่ ด้วยการซ่อมแซมของเดิม

    อีกไฮไลต์ของ ดูโฮม ทูโก คือ บริการ “ทีมช่าง” ที่ให้คำปรึกษาเบื้องต้น และบริการดูแลซ่อมแซมบ้านกว่า 100 รายการ เช่น บริการล้างแอร์ เครื่องซักผ้า ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ

    “การเข้ามาเปิดสาขาดูโฮม ทูโก ในพื้นที่เมือง จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และขยายฐานลูกค้าใหม่ ในกลุ่มผู้บริโภคคนเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากจุดเริ่มต้นธุรกิจที่ขยายจากต่างจังหวัดเข้าสู่เมืองกรุง”

    หลังจากนี้ “ดูโฮม” ยังมองโอกาสการเติบโตตลาดต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ทั้งในตลาดที่อยู่อาศัยใหม่และกลุ่มซ่อมแซมบ้าน รวมทั้งโอกาสการพัฒนาฟอร์แมตใหม่เจาะตลาดเมืองรอง หลังจากมีไซส์ L เจาะหัวเมืองใหญ่ และไซส์ XS สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล.

    ]]>
    1240271