ซาอุดิอาระเบีย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 06 Sep 2023 08:49:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ราคา ‘น้ำมันดิบ’ ทำสถิติสูงสุดของปี หลัง ซาอุดีอาระเบีย-รัสเซีย จับมือลดกำลังการผลิตยาวถึงสิ้นปี https://positioningmag.com/1443635 Wed, 06 Sep 2023 07:30:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1443635 ราคาน้ํามันแตะระดับสูงสุดใหม่อีกครั้งสําหรับปีนี้ หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ํามันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกจับมือกันขยายเวลาที่จะ ลดกำลังการผลิตน้ำมัน ยาวถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย

ราคา น้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานโลกเพิ่มขึ้น +1.8% โดยมีการซื้อขายสูงกว่า 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมัน West Texas Intermediate (WTI) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกันที่ 87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจาก ซาอุดีอาระเบีย และ รัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกกลุ่ม OPEC+ ตกลงที่จะลดการผลิตลงอย่างมากและลากยาวไปถึงสิ้นปี

แหล่งข่าวอย่างเป็นทางการจากกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยกับสํานักข่าว state-run SPA ว่า ทางประเทศจะลดกำลังการผลิตเหลือ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม หลังจากที่เคยกำหนดว่าจะลดกำลังการผลิตถึงแค่เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ นับตั้งแต่ที่ตัดสินใจลดกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเหลือเพียง 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ในขณะเดียวกัน อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า ประเทศจะลดการส่งออกลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปี เพื่อรักษาเสถียรภาพและความสมดุลในตลาดน้ำมัน แม้ว่ารัสเซียกําลังพยายามเพิ่มรายได้เพื่อสนับสนุนในการทําสงครามกับยูเครน 

การลดการผลิตโดย OPEC+ ซึ่งถือเป็น ผู้ผลิตน้ํามันดิบ 40% ของโลก ได้ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยิ่งส่งผลเสียต่ออัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย โดยราคาก๊าซเฉลี่ยในสหรัฐฯ ได้ลอยสูงขึ้นเป็น 3.81 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ซึ่งสูงกว่าช่วงนี้ของปีที่แล้ว 2-3 เซ็นต์

Source

]]>
1443635
‘ซาอุดีอาระเบีย’ ยัน! ไม่มีแผนผลิตน้ำมันเพิ่ม แม้เกิดความผันผวนของราคา https://positioningmag.com/1374464 Fri, 18 Feb 2022 02:57:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1374464 ซาอุดีอาระเบีย ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน และจะไม่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงกับรัสเซียและผู้ผลิตรายอื่น ๆ ที่ยังคงจำกัดระดับการผลิตน้ำมันไว้ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ เกิดความกังวล เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น และความตึงเครียดกับรัสเซียในยูเครนยังเพิ่มความไม่แน่นอนให้ตลาดเชื้อเพลิง

ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี Joe Biden ได้ส่ง Brett McGurk ผู้ประสานงานตะวันออกกลางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ Amos Hochstein ผู้แทนด้านพลังงานของกระทรวงการต่างประเทศไปยังริยาดเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับสงครามที่ดำเนินอยู่ในเยเมนและการจัดหาพลังงานทั่วโลก

โดยเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียสองคนบอกกับ Associated Press ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียได้แจ้งให้องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ OPEC+ ทราบถึงความมุ่งมั่นของราชอาณาจักรต่อแผนงานปัจจุบันของกลุ่มในการเพิ่มปริมาณการผลิตอย่างระมัดระวังทุกเดือน

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กษัตริย์ซัลมาน ได้ตรัสกับ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่า จะเน้นถึง “ความสำคัญของการรักษาข้อตกลง” ของ OPEC+ พันธมิตรผู้ผลิตน้ำมันที่นำโดยซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียมีความสามารถในการผลิตประมาณ 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ปัจจุบัน ผลิตอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสอดคล้องกับการควบคุมของ OPEC+ ในช่วงการระบาดของ COVID-19

ปัจจุบัน เกณฑ์มาตรฐานราคาน้ำมันดิบซื้อขายที่ประมาณ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี  โดยค่าเฉลี่ยของน้ำมันเบนซินปกติหนึ่งแกลลอนในสหรัฐอเมริกามีราคาประมาณ 3.50 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 40% จากค่าเฉลี่ย 2.50 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา

สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด

ที่ผ่านมากลุ่ม OPEC+ ได้ปฏิเสธแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด โดยตัดสินใจที่จะเพิ่มความระมัดระวังในแต่ละเดือนแทน ขณะที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของทั้งซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย เนื่องจากมอสโกต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรจากตะวันตกต่อยูเครน

เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมัน และราคาน้ำมันที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงนั้นเป็นวัฏจักรและส่งผลกระทบต่อกันและกัน ผู้ผลิตน้ำมันจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีอุปทานเพียงพอกับความต้องการ เพื่อที่ราคาจะไม่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง ” Amos Hochstein กล่าว

Fatih Birol กรรมการบริหารของ IEA ก็ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิต OPEC+ “เพิ่มปริมาณให้กับตลาด” เพื่อลดความผันผวนของราคาที่สร้างภาระให้ครัวเรือน

Source

]]>
1374464
ผลประกอบการ Q3 ‘Saudi Aramco’ บริษัทน้ำมันเบอร์ 1 โลกโต 158% จากราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุด https://positioningmag.com/1359414 Mon, 01 Nov 2021 04:23:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359414 หลังจากที่ทั่วโลกเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตและเดินทางกันอย่างปกติ ส่งผลให้การใช้งานน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าระหว่างปี 2564-2565 ราคาน้ำมันดิบโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 65% จากปี 2563 และนั่นทำให้ผลประกอบการของ Saudi Aramco เพิ่มขึ้น 158%

‘โอเปก’ ยืนยันส่งน้ำมันดิบ 4 แสนบาร์เรล/วัน ส่งผลค่าน้ำมันแพงสุดในรอบ 7 ปี

ผลประกอบการของ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น 158% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยมาจากราคาน้ำมันและปริมาณการขายที่สูงขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยรายรับสุทธิของ Aramco อยู่ที่ 3.04 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา โดยมีกระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 2.87 หมื่นล้านดอลลาร์

จากผลประกอบการดังกล่าวทำให้ บริษัทมีผลกำไรสูงสุดนับตั้งแต่ Aramco เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบียเมื่อเดือนธันวาคม 2019 ก่อนที่จะประสบกับภาวะตกต่ำ 44.4% ในปี 2020 และเมื่อย้อนไปช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทมีผลกำไรเพิ่มเกือบ 4 เท่า หลังจากที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

“รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและปริมาณการขายที่มากขึ้น เนื่องจากความต้องการพลังงานทั่วโลกที่ฟื้นตัวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลัก” Saudi Aramco กล่าวในแถลงการณ์ผลประกอบการ

ซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นหนึ่งในผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดและผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเพราะเหตุนี้ ทำให้ประเทศได้ให้คำมั่นว่าจะปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2060 โดย Amin Nasser ผู้บริหารระดับสูงของ Aramco กล่าวว่า บริษัทจะสร้างจากประวัติการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำและคาร์บอนต่ำ หลังจากประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าตั้งใจที่จะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในการดำเนินงานภายในปี 2050

ประเมินราคาน้ำมันในไทยพุ่ง 25% กระทบธุรกิจ ครัวเรือนเเบกค่าครองชีพเพิ่ม 340 บาท/เดือน

อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอนโดย Aramco ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้รับการตอบรับด้วยความกังขาจากนักสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการประกาศดังกล่าวไม่ได้นับรวมถึงการปล่อยมลพิษจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนนี้ Aramco ได้ประกาศว่ามีแผนจะเพิ่มการผลิตน้ำมันให้มีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 13 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2027 โดยในแถลงการณ์ล่าสุด Aramco กล่าวว่า การผลิตไฮโดรคาร์บอนรวมของบริษัทนั้นเทียบเท่ากับ 12.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงน้ำมันดิบ 9.5 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่าบริษัทยังมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Sudair ขนาด 1.5 กิกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 โดยบริษัทได้ขยายการลงทุนโดยเน้นที่ความยั่งยืนบางส่วน และจะกำหนดเป้าหมาย เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

Source

]]>
1359414
เตรียมรับแรงกระแทก! ‘คลังน้ำมันซาอุฯ’ ถูกโจมตี ดันราคาพุ่งสูงสุดในรอบ 13 เดือน https://positioningmag.com/1322316 Mon, 08 Mar 2021 06:24:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322316 ตั้งแต่เริ่มเข้าเดือนมีนาคมมา ราคาน้ำมันก็พุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุมาจากประเทศผู้ส่งออกลดปริมาณการผลิตต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน และล่าสุด ประเทศซาอุดีอาระเบียที่เป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีศักยภาพในการผลิตรวมกว่า 2.6 แสนล้านบาร์เรล หรือกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณรวมของทั้งโลกได้ถูกโจมตีโรงงานผลิตน้ำมันด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา

ซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า หนึ่งในโรงงานผลิตน้ำมันที่ได้รับการปกป้องมากที่สุดในโลกถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากกลุ่มกบฏ ‘ฮูตี’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นกว่า 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2563

การโจมตีดังกล่าวถือเป็นการโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดต่อโรงงานน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย นับตั้งแต่โรงงานแปรรูปน้ำมันทั้ง 2 แห่งที่เคยโดนโจมตีเมื่อเดือนกันยายน 2019 ทำให้การผลิตลดลงเป็นเวลาหลายวัน และส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันหายไปถึง 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของการผลิตน้ำมันทั้งโลก ซึ่งวิกฤตดังกล่าวส่งผลให้น้ำมันดิบเบรนท์ทะยานกว่า 19% แตะที่ 71.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าโมเมนตัมดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นอย่างน้อยในระยะสั้น และเป็นเซนติเมนต์บวกต่อหุ้นพลังงาน เนื่องจากการโจมตีไม่ได้ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สินขณะที่การผลิตน้ำมันยังไม่ได้รับผลกระทบ

เนื่องจาก ‘Ras Tanura’ คลังน้ำมันที่ถูกโจมตีเป็นคลังน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถส่งออกได้ประมาณ 6.5 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งเกือบ 7% ของความต้องการน้ำมัน และด้วยเหตุนี้จึงได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด โดยท่าเรือนี้มีฟาร์มถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำมันดิบไว้ก่อนที่จะถูกสูบไปยังเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่

ทั้งนี้ โดยราคาน้ำมันดิบโลกเริ่มพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ (5 มี.ค. 2564) ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 3.9% มาที่ 69.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลก เช่น สหรัฐฯ และจีน อีกทั้ง OPEC+ มีมติยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายน โดยยังปรับคงการลดกำลังการผลิตที่ 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

Source

]]>
1322316
เด็ดขาด! ซาอุฯ สั่งปิดมัสยิด ชวนให้ละหมาดที่บ้าน เอกชนหยุดงาน 15 วัน https://positioningmag.com/1268790 Wed, 18 Mar 2020 08:25:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1268790 รัฐบาลซาอุดีอาระเบียสั่งงดการละหมาดวันละ 5 เวลาภายในมัสยิด รวมถึงพิธีละหมาดวันศุกร์ และให้ภาคเอกชนหยุดงานเป็นเวลา 15 วัน ยกเว้นธุรกิจด้านอาหารและบริการสุขภาพ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในซาอุดีอาระเบียแล้ว 171 ราย

รัฐบาลซาอุฯ ตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อชะลอการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เช่น สั่งงดพิธีอุมเราะห์ ระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศ รวมถึงสั่งปิดโรงเรียนและสถานที่สาธารณะเกือบทุกแห่ง

สำนักข่าว SPA อ้างถ้อยแถลงจากองค์กรศาสนาสูงสุดของซาอุฯ ซึ่งระบุว่า พิธีละหมาดในมัสยิดจะยังคงมีเฉพาะที่มัสยิดหะรอมในนครเมกกะ และมัสยิดอัน-นะบะวีย์ในนครมะดีนะห์ ส่วนมัสยิดอื่นๆ ทั่วประเทศจะปิดประตูและประกาศเชิญชวนให้ชาวมุสลิมทำละหมาดที่บ้าน

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลซาอุฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหยุดงาน ยกเว้นเฉพาะหน่วยงานด้านสาธารณสุข กองทัพ และความมั่นคง

ราชอาณาจักรซาอุฯ ในฐานะประธานกลุ่ม G20 ยังประกาศจัดการประชุมสุดยอดผู้นำผ่านระบบวิดีโอลิงค์ในสัปดาห์หน้า “เพื่อผลักดันชุดนโยบายร่วมที่จะช่วยปกป้องประชาชนและเศรษฐกิจโลก” ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของเชื้อ COVID-19

รัฐอ่าวอาหรับมีรายงานผู้ติดเชื้อรวมกันกว่า 1,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเดินทางไปเยือน “อิหร่าน” ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดในตะวันออกกลาง

“โอมาน” พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9 รายจากทั้งหมด 33 รายทั่วประเทศ และรัฐบาลได้ประกาศปิดมัสยิด, ร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, สถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงตลาดพื้นบ้านและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ยกเว้นเพียงร้านขายของชำและร้านขายยา โดยจะมีผลตั้งแต่เที่ยงวันที่ 18 มีนาคม เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังเตรียมปิดพรมแดนงดรับชาวต่างชาติและห้ามพลเมืองออกนอกประเทศด้วย

ในส่วนของ “กาตาร์” ซึ่งพบผู้ติดเชื้อแล้ว 442 ราย ทว่ายังไม่มีผู้เสียชีวิต ได้สั่งปิดมัสยิด บาร์ โรงภาพยนตร์ โรงเรียน และยกเลิกการแข่งขันกีฬาต่างๆ ไปแล้วก่อนหน้านี้ และล่าสุดยังประกาศปิดธนาคารอย่างไม่มีกำหนด รวมถึงสั่งปิดห้างร้านที่ไม่ได้จำหน่ายอาหารหรือยารักษาโรค

“บาห์เรน” ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ 227 ราย และมีผู้เสียชีวิตรายแรกในกลุ่มรัฐอ่าวอาหรับ ประกาศจะอุดหนุนค่าไฟฟ้าให้บริษัทห้างร้านและประชาชนเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ เม.ย. เป็นต้นไป

Source

]]>
1268790
ชัยชนะของผู้หญิง! ซาอุฯ ยกเลิกแยกแถวตามเพศเมื่อต่อคิวในร้านอาหาร https://positioningmag.com/1257935 Fri, 20 Dec 2019 07:41:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1257935 Photo : Shutterstock

ซาอุดีอาระเบียยกเลิกกฎหมายบังคับให้ร้านอาหารมีทางเข้าออก คิวต่อแถวซื้ออาหาร และพื้นที่ทานอาหารแยกเพศชายหญิง โดยร้านอาหาร ร้านกาแฟ และพื้นที่สาธารณะต่างๆ มีสิทธิตัดสินใจเองว่าจะจัดทำร้านแบบแยกเพศหรือไม่

ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียมีกฎบังคับให้ร้านอาหารต้องมีทางเข้าแยกกันระหว่าง ผู้หญิงและครอบครัว กับ ผู้ชายที่มาคนเดียว ภายในร้านระหว่างต่อคิวและทานอาหารจะมีฉากกั้นระหว่างลูกค้าครอบครัวกับกลุ่มลูกค้าชาย

ทั้งนี้ การยกเลิกกฎข้อนี้เป็นหนึ่งในกระแสการปฏิรูปทางสังคมของซาอุดีอาระเบียซึ่งเริ่มต้นขึ้นตามวิสัยทัศน์ขององค์ชายรัชทายาท Mohammed bin Salman ผู้ขึ้นสู่ตำแหน่งนี้เมื่อปี 2560 และต้องการเปิดประเทศซาอุฯ ให้มากขึ้นจากสภาพการณ์ปัจจุบันที่ซาอุฯ เป็นสังคมอนุรักษนิยมสุดขั้ว แต่การเปิดประเทศของเจ้าชายก็สร้างความขัดแย้งระหว่างผู้สนับสนุนสองฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างการปฏิรูปทางสังคมที่ทยอยปลดล็อกเสรีภาพให้ผู้หญิงซาอุฯ เช่น ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีพระราชกำหนดอนุญาตให้ผู้หญิงสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองเพศชายของเธอ และย้อนไปเมื่อปีก่อน ประเทศนี้เพิ่งยกเลิกกฎห้ามผู้หญิงขับรถ ซึ่งบังคับใช้มานานหลายทศวรรษ

อย่างไรก็ตาม นักกิจกรรมยังชี้ให้เห็นว่า กฎหมายแบ่งแยกกดขี่ผู้หญิงอีกหลายฉบับยังคงมีอยู่ และนักกิจกรรมสตรีที่โดดเด่นหลายรายยังถูกจับกุมแม้ว่ารัฐบาลจะเริ่มการปฏิรูปสังคมแล้วก็ตาม

รวมถึงเสรีภาพของข้อมูลข่าวสารก็ยังมีข้อกังขา เมื่อนักข่าวนักวิจารณ์ชาวซาอุฯ Jamal Khashoggi ถูกฆาตกรรมเมื่อปี 2561 ภายในสถานกงสุลซาอุฯ ประจำประเทศตุรกี โดยซาอุฯ ปฏิเสธความเกี่ยวข้องและอ้างว่า Khashoggi ถูกสายลับลอบสังหาร ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ (UN) มองว่าคดีนี้เป็นการ “ประหารชีวิตนอกกระบวนการยุติธรรม”

สถานการณ์ในซาอุฯ ส่วนหนึ่งจึงมีทั้งการผ่อนผันเปิดเสรีให้ผู้หญิงมากขึ้นซึ่งได้รับการสรรเสริญจากโลกสากล แต่ในอีกมุมหนึ่ง การกดขี่นักกิจกรรมและนักข่าวยังคงมีอยู่ต่อไป

Source

]]>
1257935
ครั้งแรกของโลก ซาอุดีอาระเบียให้สิทธิพลเมืองแก่หุ่นยนต์แล้ว https://positioningmag.com/1144563 Sat, 28 Oct 2017 05:38:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1144563 ซาอุดีอาระเบียมอบสิทธิในความเป็นพลเมืองให้กับหุ่นยนต์ชื่อ “โซเฟีย” แล้ว โดยทำให้หุ่นยนต์ดังกล่าวกลายเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกของโลกที่ได้รับสิทธิดังกล่าว 

สำหรับพิธีในการมอบสิทธิครั้งนี้จัดขึ้นในกรุงริยาด เมืองหลวงของประเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยหุ่นยนต์โซเฟียได้มีการกล่าวต่อผู้เข้าร่วมพิธีดังกล่าวว่ารู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้ พร้อมกับบอกว่านี่เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการหุ่นยนต์ด้วยที่สามารถได้รับสิทธิในการอยู่อาศัยในฐานะพลเมือง 

อย่างไรก็ดี รายงานจาก Business Insider ระบุว่า เธอไม่ได้อธิบายลงลึกถึงสิทธิและหน้าที่ในฐานะการเป็นพลเมืองของตัวเธอในดินแดนซาอุดีอาระเบียแต่อย่างใด

ภายในงานยังมีการให้โซเฟียตอบคำถามของผู้ดำเนินรายการบนเวทีอย่าง แอนดรูว์ รอส ซอร์กิน (Andrew Ross Sorkin) ด้วย ซึ่งผู้สื่อข่าวรายนี้ได้มีการแสดงความสงสัยในอนาคตที่มนุษย์และหุ่นยนต์จะต้องอยู่ร่วมกันว่าควรจะเป็นอย่างไร (ที่จะไม่เกิดอันตรายต่อมนุษย์) ซึ่งในจุดนี้ โซเฟียตอบกลับมาว่า ผู้ดำเนินรายการอาจรับข้อมูลมาจากอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอคนดังของเทสล่า (Tesla) มามากเกินไปด้วย

อย่างไรก็ดี หุ่นยนต์โซเฟียตัวเดียวกันนี้ได้เคยถูกผู้สร้างอย่าง เดวิด แฮนสัน (David Hanson) จากแฮนสัน โรโบติกส์ (Hanson Robotics) นำไปโชว์ตัวในงาน SXSW เมื่อปี 2016 ซึ่งในขณะที่โชว์ตัว เขาได้ถามโซเฟียว่า “คุณต้องการทำลายมนุษยชาติหรือไม่ ขอให้คำตอบคือไม่เถอะ” และโซเฟียได้ตอบกลับมาว่า “โอเค ฉันจะทำลายมนุษยชาติ”

อย่างไรก็ดี แฮนสันได้เผยว่า อนาคตของพลเมืองอย่างโซเฟียคือการเข้าทดแทนแรงงานในหลาย ๆ ด้านที่กำลังขาดแคลน เช่น การดูแลผู้สูงอายุ หรือการเป็นพนักงานในสวนสนุก หรืออีเวนต์ต่าง ๆ โดยโซเฟียเองได้เผยกับผู้ดำเนินรายการด้วยว่า เธอต้องการใช้ปัญญาประดิษฐ์ของเธอช่วยมนุษยชาติให้มีชีวิตที่ดีขึ้น 

นอกจากโซเฟียแล้ว อีกหนึ่งบริษัทที่กำลังผลิตหุ่นยนต์เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์อย่างมุ่งมั่นหนีไม่พ้นชื่อของซอฟท์แบงก์ (Softbank) บริษัทเจ้าของผลงานหุ่นยนต์เปปเปอร์ (Pepper) นั่นเอง ทว่าญี่ปุ่นไม่มีการขอสิทธิในการเป็นพลเมืองให้กับเปปเปอร์แต่อย่างใด

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9600000108945

]]>
1144563