ธนาคารทหารไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 25 Feb 2021 10:27:31 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 อัปเดตภารกิจ “ทีเอ็มบี – ธนชาต” ย้ำควบรวมเสร็จในก.ค. 64 ตั้งเป้าปีนี้มีสาขาร่วม 100 แห่ง https://positioningmag.com/1291881 Mon, 10 Aug 2020 09:31:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291881 ภารกิจใหญ่ของทีเอ็มบีธนชาตที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ อันดับ 6 ในไทย หลังประกาศดีลควบรวมมูลค่า 1.4 แสนล้าน ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เเละเริ่มดำเนินการร่วมกัน ตามโมเดล “ONE GOAL” มาเป็นเวลา 6 เดือนวันนี้เราจะมาอัปเดตความคืบหน้าของดีลนี้กัน

หลังผ่านช่วงวิกฤต COVID-19 ที่กระทบธุรกิจทุกภาคส่วน ล่าสุดธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต ยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเเผนเดิม ตามเป้าหมายที่จะรวมสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียว ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2564 

สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น ความคืบหน้าล่าสุดของ ทีเอ็มบีธนชาต ในด้านการให้บริการลูกค้าได้เน้นไปที่การเชื่อมโยงการให้บริการในช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น

  • ลูกค้าชำระบิลสินเชื่อรถยนต์ ประกันรถยนต์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ของธนาคารธนชาต สามารถทำรายการดังกล่าวได้ผ่านโมบายล์แอปพลิเคชัน TOUCH และตู้ ATM ของทีเอ็มบี (ยกเว้นสินเชื่อบ้าน และประกันรถยนต์) ได้เรียบร้อยแล้ว และในส่วนของลูกค้าทีเอ็มบี สามารถใช้บริการกดเงินไม่ใช้บัตรผ่าน TOUCH เพื่อรับเงินสดจากเครื่อง ATM ของธนชาตได้เช่นกัน

  • ลูกค้าทั้งสองธนาคารสามารถทำรายการ ฝาก ถอน และโอน ได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ผ่าน ATM/ADM ทั้งของทีเอ็มบีและธนชาต กว่า 4,900 เครื่องทั่วประเทศ  เหมือนตู้ของธนาคารเดียวกัน
  • บริการสาขา ธนาคารได้เปิดตัว สาขาที่ให้บริการร่วม (Co-Location) ระหว่างทีเอ็มบี และธนชาต ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เเละสิ้นปี 2563 ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 100 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ ราว 60 สาขา และต่างจังหวัดอีก 30 สาขา โดยพนักงานทีเอ็มบีสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่รถใช้แล้วและรถแลกเงินของธนชาตให้กับลูกค้าได้

ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี กล่าวว่า การรวมกิจการของธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ภายใต้ One Dream, One Team, One Goal เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่ากระบวนการรวมกิจการทั้งสองธนาคาร จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 

เมื่อภารกิจการรวมธนาคารของเราสำเร็จเรียบร้อยทุกด้าน ธนาคารใหม่ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ขึ้น แตะระดับ 10 ล้านราย ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่น ทั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียนให้ดีขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการด้านการเงินใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น” 

สำหรับการ โอนย้ายพนักงาน กว่า 11,000 คนจากธนชาตไปธนาคารใหม่นั้น ทางทรัพยากรบุคคลกลางได้เริ่มดำเนินการสื่อสารและจะเริ่มดำเนินการโอนการจ้างพนักงาน มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และมีการทยอยโอนย้ายเป็นระยะ ตามเป้าหมายที่วางไว้ เเม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ หากมาพนักงานจากธนชาตมารวมกันกับพนักงานทีเอ็มบี ที่มีอยู่ราว 8,000 คน จะทำให้มีพนักงานในธนาคารใหม่ทั้งสิ้นราว 19,000 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้เช่นกัน

อ่านต่อ : เปิดเเผนโอนย้ายพนักงานกว่า 11,000 คน ในการควบรวมทีเอ็มบีธนชาต

โดยผู้บริหารของธนาคารใหม่ได้ย้ายมาทำงานร่วมกันทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มีการโอนย้ายพนักงานบางส่วนแล้ว เช่น กลุ่มผู้บริหารระดับสูง พนักงานระดับหัวหน้างาน และพนักงานส่วนปฏิบัติการ  

สำหรับทีเอ็มบี” มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก, Deposit Franchise และรูปแบบการให้บริการด้านการเงินที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม (Traditional Bank) ส่วน “ธนชาต” เป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด โดยเมื่อกระบวนการรวมกิจการเสร็จสิ้น คาดว่าธนาคารใหม่นี้จะมีสินทรัพย์รวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท 

ล่าสุด (25 ก.พ.2564) TMB แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็นธนาคาร ‘ทหารไทยธนชาต’ (TMBThanachart Bank) เป็นไปตามกลยุทธ์การ ‘รีเเบรนด์ดิ้ง’ ของธนาคารโดยธนาคารมีแผนจะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก TMB เป็น ‘TTB’ ต่อไป

 

]]>
1291881
ME by TMB ตอกย้ำผู้นำเทรนด์ต้นแบบ “ดิจิทัลแบงก์กิ้ง” ที่ให้มากกว่า รุกตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่ม Gen D เพิ่มเงินเก็บให้งอกเงย https://positioningmag.com/1218219 Wed, 06 Mar 2019 10:16:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1218219 ME by TMB ผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านบัญชีเพื่อเก็บ เพื่อใช้ และทำให้เงินงอกเงย ด้วยจุดยืนผลตอบแทนที่มากกว่า โชว์ผลงาน 7 ปีเติบโตต่อเนื่อง ลูกค้าเพิ่มเฉลี่ยปีละ 22% พร้อมจ่ายผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่มากกว่าให้กับลูกค้าไปแล้วรวม 4,490 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์ปี 62 เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่รับยุคดิจิทัล พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงความต้องการลูกค้า เจาะกลุ่ม Gen D ใช้โซเชียลและดิจิทัลในชีวิตประจำวัน เสนอเป็นตัวช่วยทำให้เงินเก็บงอกเงย พร้อมผลตอบแทนที่ให้มากกว่าเสมอ

ดร. เบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ME by TMB เปิดเผยว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ME by TMB การธนาคารรูปแบบดิจิทัล (Digital Banking) เพื่อตอบโจทย์คนยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง มีผลการดำเนินงานเติบโตในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้ามากกว่า 360,000 บัญชี เมื่อดูจากบัญชีหลักคือ ME SAVE เติบโตเฉลี่ย 22% ต่อปี ทำให้ช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ME ให้ดอกเบี้ยกับลูกค้าไปแล้วรวมทั้งสิ้น 4,490 ล้านบาท

ในช่วงที่ผ่านมา ME ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัลผ่าน 3 ผลิตภัณฑ์ เริ่มจากบัญชี ME SAVE บัญชีเงินฝากดิจิทัลซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงถึง 4.5 เท่าของออมทรัพย์ทั่วไปหรือ 1.7% ต่อปี และล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ได้ปลดล็อคการเปิดบัญชี ME SAVE ได้ผ่านระบบ EKYC (Electronic Know Your Customer) เพื่มความสะดวกให้กับลูกค้าในขั้นตอนยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ME ได้ทุกที่ ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาอีกต่อไป และเมื่อกลางปี 2561 ได้เปิดให้บริการบัญชี ME MOVE บัญชีเพื่อใช้จ่าย พร้อมฟีเจอร์ Balance sweep ที่ช่วยคุณปัดเงินที่ยังไม่ใช้ไปเก็บที่ ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยสูงแบบอัตโนมัติ ซึ่งลูกค้าให้การตอบรับดีมาก โดยเปิดบัญชีถึง 48,000 บัญชี มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 40,000 บัญชี และยังส่งผลให้ลูกค้าทำธุรกรรมกับ ME เพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับปี 2560 พร้อมด้วยล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว ME SURE ซื้อประกันชีวิตผ่านแอปพลิเคชั่นเป็นรายแรกของไทย

ในปีนี้เราได้แบ่งกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านกลยุทธ์ Personalize โดยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ พร้อมนำเสนอบริการแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าได้รับ Digital Experience ผ่านกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่

  1. ME Love You คือ กลุ่มลูกค้าที่ใช้งาน ME เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีความเคลื่อนไหวทางบัญชี หรือฝากมากกว่าถอน และรวมถึงกลุ่มที่มีผลิตภัณฑ์ ME ครบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ พร้อมด้วยสิทธิพิเศษ (Privilege) ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ME และก่อให้เกิดการบอกต่อในอนาคต
  2. ME Miss You คือ กลุ่มลูกค้าที่ขาดการติดต่อกับ ME โดยจะกระตุ้นให้กลับมาเคลื่อนไหวบัญชี พร้อมทั้งนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ใช้งานบัญชีสะดวกสบายยิ่งขึ้น แล้วทำให้กลับมาใช้ ME เป็นหนึ่งในดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของเขา
  3. ME Need You คือ กลุ่มลูกค้าใหม่ ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ที่ 20% ของลูกค้าปัจจุบัน โดยเราโฟกัสไปที่กลุ่ม Gen D และ Gig worker หรือ ฟรีแลนซ์ เนื่องจากผลวิจัยพบว่า พฤติกรรมของ Gen D เป็นคนที่มีประสบการณ์กับดิจิทัลเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของเขา ชอบการใช้โซเชียลในชีวิตประจำวัน และยังมี 2 เรื่องใหญ่ที่ Gen D ให้ความสำคัญ ได้แก่ เรื่องการบริหารการใช้จ่ายเพื่อการออม (Manage Spending for Saving) และการบริหารการลงทุน (Manage Investment Portfolio per Risk Appetite)

นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบอีกว่า คนกลุ่มนี้มีเงินเก็บ เช่น การเก็บเงินเพื่อวางแผนท่องเที่ยว เก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่ต้องการ หรือเก็บเงินเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายในระยะสั้น มากว่าการวางแผนการเงินในระยะยาว ดังนั้น ME จะเข้าไปเป็นตัวช่วยคนกลุ่มนี้ ให้มีเงินเก็บถึงเป้าหมายทั้งในระยะสั้นได้เร็วขึ้น และทำให้เงินเก็บงอกเงยขึ้นเพื่อให้ถึงเป้าหมายในระยะยาวได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัล โดยยังคงใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินเก็บ

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของ ME ปัจจุบัน 80% เป็นคนรุ่นใหม่ถึงวัยทำงาน ชอบความคล่องตัว เป็นกลุ่มที่เปิดรับการใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต สะดวกกับการทำอะไรด้วยตัวเอง เพื่อผลตอบแทนที่มากกว่า ไม่สะดวกไปทำธุรกรรมที่สาขา โดยมีสัดส่วนอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 73% และต่างจังหวัด 27%

ดร. เบญจรงค์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ ME ยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้มากกว่าเสมอพร้อมกระตุ้นลูกค้าให้หันมาใช้บริการ ME ผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีลูกค้าใช้งานอยู่ประมาณ 70% โดยมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของลูกค้าทั้งหมด และปัจจุบัน ME กำลังอยู่ใน Sand box หรือ เฟส 2 ของการพัฒนาไปสู่ Full EKYC ที่สามารถเปิดบัญชีได้ด้วยบัตรประชาชน และสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้งานได้ภายในไตรมาสที่สองนี้ และจะทำให้ทุกคนสามารถเป็นลูกค้า ME ผ่านแอปพลิเคชันเดียวได้แบบ real time ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องมายืนยันตัวตนที่สาขาอีกต่อไป

โดยมั่นใจว่าแบงก์จะเป็นตัวช่วยทำอะไรให้ลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การเก็บเงินได้มากขึ้น ด้วยฟีเจอร์ Balance sweep ของบัญชี ME MOVE ช่วยปัดเงินที่ยังไม่ใช้ไปรับดอกเบี้ยสูงกับ ME SAVE การใช้จ่ายได้สะดวกขึ้น ด้วยฟีเจอร์ QR payment ของบัญชี ME MOVE การได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น ผ่านผลิตภัณฑ์ใหม่ บัญชีเพื่อการลงทุนที่ได้ผลตอบสูง เพื่อทำให้เงินของคุณงอกเงย รวมทั้งการเก็บเงินพร้อมความคุ้มครองที่มากขึ้น กับ ME SURE ซื้อประกันผ่านแอปพิเคชันพร้อมความคุ้มครองทันที และผลตอบแทนที่ได้รับคืนเข้าบัญชี ME SAVE เพื่อรับดอกเบี้ยทำให้เงินงอกเงย ตลอดจนช่วยทำให้ลูกค้าไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ด้วยฟีเจอร์และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น เพื่อให้ลูกค้า ME ได้สัมผัส Digital Experience แบบเต็มรูปแบบ

“กลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ME by TMB มากขึ้น และนำข้อมูลการใช้บริการของลูกค้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการ หรือ Personalize และในที่สุดจะก้าวสู่ดิจิทัล เอ็กซ์พีเรียนซ์ (Digital Experience) ซึ่งจะศึกษาข้อมูลจากพฤติกรรมของลูกค้า และเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าอย่างตรงจุดมากขึ้น โดยไม่ต้องมีพื้นฐานของสาขาเข้ามาเกี่ยวข้องเลย

สำหรับการพัฒนาดิจิทัลแบงก์กิ้งของประเทศไทยนั้น โดยเฉพาะโมบายแบงก์กิ้งเติบโตเร็วมากจนได้รับการจัดให้สัดส่วนการเข้าถึง mobile banking เป็นอันดับที่ 1 ในโลก หลังจากเปิดให้บริการระบบพร้อมเพย์ และธนาคารพาณิชย์ต่างลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม โดยประเทศไทยยังเน้นเรื่องผลิตภัณฑ์กับฟีเจอร์ ทำให้บริการหลักเป็นเรื่องรับเงิน จ่ายเงิน โอนเงิน และถอนเงิน เป็นต้น

“เราเชื่อว่าการมีผลิตภัณฑ์เงินฝากดิจิทัลใหม่ๆ นำเสนอออกมา จะทำให้ตลาดดิจิทัลแบงก์กิ้งของเมืองไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น และเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้ใช้ดิจิทัลอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นผลดีต่อการตอกย้ำแบรนด์ ME ในการเป็นผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้งอันดับหนึ่งของเมืองไทยตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว นับได้ว่า ME กลายเป็นโมเดลดิจิทัลแบงก์กิ้งแห่งแรกที่มีบัญชีเพื่อเก็บเงิน เพื่อใช้จ่าย และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นพร้อมความคุ้มค่า บนจุดยืนที่สำคัญของ ME คือเรื่องของการให้ผลตอบแทนที่มากกว่า และทำให้เงินของคุณงอกเงย และเรายังคงยึดมั่นและตั้งเป้าให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมทุกอย่างผ่านช่องทางดิจิทัล 100% เพื่อให้มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก ตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงวิธีการใช้งานในชีวิตประจำวัน สามารถทำทุกอย่างบนแพลทฟอร์มที่เป็นดิจิทัล” ดร. เบญจรงค์กล่าว

]]>
1218219
ทีเอ็มบี ยังไม่เคาะควบรวมธนชาต https://positioningmag.com/1214450 Fri, 15 Feb 2019 10:30:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1214450 จากกรณีที่มีกระแสข่าว การควบรวมระหว่างธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ต่อเนื่องมาตลอดและคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้ (14 .. 62)

ล่าสุด ธนาคารทหารไทย ได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า

1. ที่ผ่านมาธนาคารได้ศึกษาถึงการเติบโตในธุรกิจในหลายๆ รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตจากภายในองค์กร หรือการเติบโตจากภายนอก ผ่านการรวมกิจการ

2. ทั้งนี้ ธนาคารยังอยู่ระหว่างหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ถึงการรวมกิจการ รวมถึงมีการนำเรื่องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร หากแต่การศึกษายังไม่มีข้อสรุปอันเป็นที่ยุติในขณะนี้ 

]]>
1214450
พรูเด็นเชียล ซื้อกิจการ บลจ.ทหารไทย บุกตลาดกองทุนรวม รับมือคนชั้นกลางขยายตัว https://positioningmag.com/1180668 Thu, 26 Jul 2018 10:02:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1180668 ปิดไปอีกหนึ่งดีล สำหรับ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ บริษัทบริหารสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ในภูมิภาคเอเชีย ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อหุ้นในเบื้องต้นจำนวน 65% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด จากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ อีสท์สปริงมีสิทธิ์ เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ได้ในอนาคต

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ อีสท์สปริง ยังได้บรรลุข้อตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรด้านการจัดจำหน่ายกับธนาคารทหารไทยในการส่งมอบบริการด้านการลงทุนชั้นแนวหน้าแก่ลูกค้า

การเข้าซื้อกิจการ บลจ.ทหารไทย ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับห้าในประเทศไทย 1 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 10,000 ล้านปอนด์ 2 หรือ 4222,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 26% ในช่วงระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา

พรูเด็นเชียล มองว่า การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมธุรกิจประกันชีวิตของพรูเด็นเชียลให้เติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น และเอื้อโอกาสแก่อีสท์สปริงในการเข้าดำเนินธุรกิจในตลาดที่ใหญ่ที่สุด และเติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน 3 ทั้งนี้ ความสมบูรณ์ของการทำรายการดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากทางการก่อน

ในการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารทหารไทย ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ในด้านสินทรัพย์ 4 มีสาขาครอบคลุมกว่า 400 สาขา และลูกค้า 6.4 ล้านราย นั้น อีสท์สปริงจะช่วยส่งเสริมการเติบโตด้านสินทรัพย์ของ บลจ.ทหารไทย และยังเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตของตลาดกองทุนรวมในประเทศไทยที่มีความน่าสนใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของชนชั้นกลาง ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น วัฒนธรรมการเก็บออมที่มีความแข็งแกร่ง และอัตราการเข้าถึงบริการกองทุนรวมที่ยังค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว


ที่มา : Investor factsheet ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (มีนาคม 2561)

  • 1 สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561
  • 2 ที่มา : Cerulli Asset Management in Southeast Asia in 2017 Report, ข้อมูล เดือนธันวาคม 2559
  • 3 ที่มา :  Investor factsheet ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (มีนาคม 2561)

พรูเด็นเชียลนั้นจัดตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักรและเวลส์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ฮ่องกง สิงคโปร์ และนิวยอร์ก และทำธุรกิจในไทยมา 20 ปี ภายใต้ชื่อ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมีลูกค้า 1.5 ล้านราย และจัดการสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาท

ส่วนอีสท์สปริงเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์เพื่อลูกค้ารายย่อยชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย มีสินทรัพย์ภายใต้จัดการ 139,000 ล้านปอนด์ และได้ดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียเป็นระยะเวลาเกือบ 25 ปี การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทำให้อีสท์สปริงเพิ่มจำนวนธุรกิจเป็น 11 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย

ภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่สร้างการเติบโตให้กับพรูเด็นเชียล และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญเป็นลำดับต้นๆ การซื้อกิจการครั้งนี้ จะช่วยตอบสนองความต้องการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็วของลูกค้าในภูมิภาคนี้ และสนับสนุนธุรกิจประกันชีวิตในอีกทางหนึ่ง

นอกจากนี้ จะส่งผลดีต่อลูกค้าของ บลจ.ทหารไทย และธนาคารโดยรวม เนื่องจากอีสท์สปริงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารสินทรัพย์ในระดับโลกในหลายมิติของการลงทุน มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่ารวมกว่า 188 พันล้านเหรียญสหรัฐ ให้บริการทั้งลูกค้าสถาบัน และลูกค้าบุคคล จากสำนักงาน 10 แห่งในเอเชีย และยังมีสำนักงานที่ลักเซมเบิร์ก ลอนดอน และชิคาโก ซึ่งให้บริการลูกค้าในระดับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งธนาคารเชื่อมั่นว่า อีสท์สปริงจะนำความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาเสริมศักยภาพของ บลจ.ทหารไทย

ธนาคารทหารไทยเป็นแกนหลักในการร่วมก่อตั้ง บลจ. ทหารไทย เมื่อปี 2539 โดยในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บลจ. ทหารไทยมีผลการดำเนินงานที่ดี และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีสูงถึง 26%.

]]>
1180668
ทีเอ็มบีมีผลการดำเนินงานหลักที่ดีขึ้น ทำให้มีกำไรในไตรมาส 3/2557 จำนวน 2,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และ 9 เดือนมีกำไร 6,564 ล้านบาท https://positioningmag.com/58596 Wed, 15 Oct 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58596

ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 3 ปี 2557 ในวันนี้ โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 2,387 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 7% จาก 2,575 ล้านบาทในไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากในไตรมาสที่แล้วธนาคารมีการรับรู้รายการพิเศษ แต่เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับ 1,870 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว

ผลกำไรของธนาคารปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2556 ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิซึ่งเกิดจากสินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้นหรือเติบโตขึ้น 3% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งเติบโต 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2556 โดยส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของการขายแบงก์แอสชัวรันส์และการขายกองทุนรวม ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นน้อยกว่ารายได้เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (cost to income ratio) ในไตรมาสนี้ลดลงเป็น 50% จาก 52% ในไตรมาสที่แล้ว และ 53% ในไตรมาสที่ 3/2556 ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองของธนาคารในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้นเป็น 3,800 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2556

ทั้งนี้กำไรงวด 9 เดือนของปี 2557 มีจำนวน 6,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับ 3,938 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว

ในไตรมาสที่ 3/2557 นี้ เงินฝากของธนาคารลดลงเล็กน้อยประมาณ 4,500 ล้านบาทหรือ 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของเงินฝากประจำ แต่เงินฝากธุรกรรมทางการเงิน (Transactional banking account) เพิ่มขึ้นประมาณ 7,000 ล้านบาทหรือ 4%และโดยรวมในงวด 9 เดือนของปีนี้ ธนาคารสามารถขยายเงินฝากได้ประมาณ 39,000 ล้านบาทหรือ 7% โดยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือน มาจาก 2 ส่วนเป็นหลัก คือ เงินฝากลูกค้ารายย่อยในผลิตภัณฑ์เงินฝากที่เป็นจุดเด่นของธนาคาร คือ เงินฝากไม่ประจำ (No Fixed) เงินฝากME by TMBและมาจากเงินฝากเพื่อธุรกรรมทางการเงิน ขณะที่สินเชื่อในไตรมาสที่ 3/2557 นี้ ขยายตัวประมาณ 16,000 ล้านบาทหรือ 3% จากไตรมาสที่แล้วจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และสินเชื่อลูกค้าบุคคล โดยสำหรับงวด 9 เดือนนั้น สินเชื่อเพิ่มขึ้นรวม 5%

ธนาคารยังคงควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้อย่างดี โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ของธนาคารและบริษัทย่อยมีจำนวน 21,027 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 250 ล้านบาทจากไตรมาสที่แล้ว และลดลงในงวด 9 เดือนเป็นจำนวน 1,394 ล้านบาท โดยสัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ลดลงมาอยู่ที่ 3.43% จาก 3.87% ณ สิ้นปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ยังคงแข็งแกร่งที่ 139%

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีเอ็มบี กล่าวว่า “ธนาคารมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ขณะที่ยังสามารถขยายฐานลูกค้าเงินฝากธุรกรรมทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 นี้แม้ว่าเงินฝากรวมจะลดลงเล็กน้อย แต่มีเงินฝากธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย อีกทั้งธนาคารยังคงดำรงสถานะกองทุนที่แข็งแกร่งมากขึ้น โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.3% และกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10.9% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ”

นอกจากนี้ จากการที่ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สามารถดำรงความแข็งแกร่งทางการเงินและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ ได้เพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของทีเอ็มบี เป็น Baa 2 จาก Baa3 ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

]]>
58596
ทีเอ็มบี จับมือ PTTPM พัฒนาบรืการค้ำประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ https://positioningmag.com/58490 Fri, 26 Sep 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58490

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี และนางสาวสิริวรรณ เจียระพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (PTTPM) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวบริการค้ำประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ TMB e-Guarantee ที่ช่วยลดความยุ่งยากด้านเอกสาร ลดเวลาจาก 1 วัน เหลือ 1 นาที ลูกค้าสามารถใช้เวลาที่ลดลง ไปสร้างยอดขายให้เติบโตยิ่งขึ้น และทีเอ็มบีเป็นแบงก์แรกที่พัฒนาบริการนี้สำหรับบริษัทเอกชน

]]>
58490
ทีเอ็มบี ส่ง “สินเชื่อเพิ่มพลัง” อัดฉีดเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ช่วยแบ่งเบาภาระธุรกิจ https://positioningmag.com/58475 Tue, 23 Sep 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58475

ทีเอ็มบี อัดฉีดลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็ก ด้วยสินเชื่อเพิ่มพลังเอสเอ็มอี ช่วยเสริมสภาพคล่องธุรกิจ ด้วยวงเงิน 3 เท่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเพิ่มสภาพคล่อง ผ่อนนาน 7 ปี และปีแรกขอผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยได้

นายปพนธ์ มังคละธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอสเอ็มอีและซัพพลายเชน ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ทีเอ็มบีมุ่งมั่นมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อเปลี่ยนให้ชีวิตลูกค้าดีขึ้น โดยในขณะนี้ ธนาคารได้ติดตามสถานการณ์ของลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าในแต่ละช่วงธุรกิจ ทั้งในช่วงที่ธุรกิจดำเนินไปอย่างปกติ ช่วงที่ตึงตัว หรือช่วงที่ลูกค้ามีโอกาสทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด ทีเอ็มบีได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อเพิ่มพลัง เอสเอ็มอี” มาช่วยเป็นพลังเสริมให้ลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วยแบ่งเบาภาระธุรกิจ ในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

สินเชื่อเพิ่มพลัง SME เป็นวงเงินสินเชื่อ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็ก นิติบุคคลที่ยอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาท ต่อปี และธุรกิจเอสเอ็มอีที่ดำเนินโดยบุคคลธรรมดา ยอดขายไม่เกิน500 ล้านบาท ต่อปี  เพื่อให้การสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ ด้วยวงเงินกู้ระยะยาวส่วนเพิ่มสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าหลักประกัน (ภายใต้วงเงินเพิ่มสูงสุด 50% ของวงเงินโอดีที่มีกับทีเอ็มบี และ/หรือวงเงินโอดีที่รีไฟแนนซ์มา) ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 7 ปี โดยปีแรกสามารถเลือกชำระแต่ดอกเบี้ยได้ สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยมีวงเงินกับ ทีเอ็มบี สามารถรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น โดยจะให้วงเงินเท่ากับธนาคารเดิม และให้ส่วนเพิ่ม สูงสุดถึง 50% ของวงเงินโอดีเดิม ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ทีเอ็มบี ทุกสาขา ทั่วประเทศ ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ โทร 0 2828 2828 หรือ ทีเอ็มบี คอนแท็ค เซ็นเตอร์ โทร 1558

]]>
58475
ทีเอ็มบีเอาใจลูกค้าเอสเอ็มอี ไซด์กลาง เพิ่มบริการรับเช็คตามนัด รับเช็คถึงบริษัทลูกค้า เพิ่มความสะดวกและคล่องตัว https://positioningmag.com/58350 Thu, 04 Sep 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58350

ทีเอ็มบี ชูกลยุทธ์เสนอบริการที่ใหม่และแตกต่าง เน้นตอบโจทย์ให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ล่าสุดออกทีเอ็มบี บริการรับเช็คตามนัด (TMB Cheque Pick-Up Service) อำนวยความสะดวกในการนำฝากเช็คเข้าบัญชี โดยลูกค้าไม่ต้องเดินทาง ย้ำเป็นแบงก์แรกที่นำบริการนี้มาให้บริการลูกค้าเอสเอ็มอี

นายไตรรงค์ บุตรากาศ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร ลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า จากแนวคิด Make THE Difference “เปลี่ยน…เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น” ที่ธนาคารมุ่งมั่นทำความเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มให้ได้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีที่มียอดขาย 50-500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญ ในฐานะที่คลุกคลีกับลูกค้ากลุ่มนี้มาเป็นระยะเวลานาน ธนาคารทราบดีว่าเรื่องที่ลูกค้าให้ความสำคัญ คือ การขายสินค้าและการรับเงินจากการขายสินค้า ซึ่งปัจจุบันการรับเงินค่าสินค้าด้วยเช็ค ยังคงเป็นวิธีที่ลูกค้าใช้เป็นหลัก สำหรับบริษัทที่มีปริมาณเช็คมากๆ การบริหารเรื่องเช็คถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหมายถึงการบริหารกระแสเงินของบริษัท และในบางครั้งหากไม่สามารถบริหารได้อย่างรัดกุม ก็จะทำให้ต้องสูญเสียเวลาและโอกาสทางธุรกิจไป ทีเอ็มบี บริการรับเช็คตามนัด(TMB Cheque Pick-up Service)จึงออกมาเพื่อช่วยขจัดปัญหาและความยุ่งยากในการบริหารจัดการเช็ค โดยทีเอ็มบีจะส่งเจ้าหน้าที่ไปรับเช็คถึงบริษัทของลูกค้า มาเข้าบัญชีเงินฝากทีเอ็มบี ลูกค้าสามารถกำหนดวันและเวลาในการรับเช็คเพื่อให้สอดคล้องกับระบบการเงินของบริษัทได้ รับเช็คช่วงเช้านำเช็คเข้าบัญชีทันทีในช่วงบ่ายวันเดียวกัน  รับเช็คช่วงบ่ายนำเช็คเข้าบัญชีภายในช่วงเช้าของวันถัดไป ไม่จำกัดมูลค่าหน้าเช็คหรือจำนวนเช็ค (รับเฉพาะเช็ค A/C Payee ทั้งเคลียริ่งและเช็คล่วงหน้า) ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาธนาคารเองอีกต่อไป สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและไม่มีค่าบริการในการรับเช็ค  โดยทีเอ็มบี เป็นธนาคารแรกที่ให้บริการรับเช็คตามนัดแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง ทีเอ็มบี บริการรับเช็คตามนัด (TMB Cheque Pick-Up Service) ครอบคลุมพื้นที่ทุกภาคทั่วประเทศ รวม 27 จังหวัด 93 อำเภอ และมีแผนที่จะขยายพื้นที่ให้บริการออกไปอีกในปี 2558

นายไตรงรงค์กล่าวย้ำว่า ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้อย่างสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา  ดังนั้น นี่จึงป็นอีกหนึ่งบริการที่ทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกมากยิ่งขึ้น  สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีที่กำลังเติบโตและมีปริมาณธุรกิจเพิ่มขึ้น มองว่าการจัดการด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจก้าวเดินเติบโตได้อย่างมั่นคง ไม่สะดุด ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจใช้ทีเอ็มบี บริการรับเช็คตามนัด (TMB Cheque Pick-Up Service)  สามารถติดต่อใช้บริการได้ที่ ทีเอ็มบี คอนแท็ค เซ็นเตอร์ 1558

]]>
58350
ทีเอ็มบี บุกตลาดกลุ่มลูกค้าครอบครัว เสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย ฟรีคุ้มครองอุบัติเหตุสูงถึง 1 ล้านบาท https://positioningmag.com/57706 Mon, 17 Mar 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57706
ทีเอ็มบี รุกตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัว ด้วยแนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก… ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ ด้วย “บัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย” (TMB Savings Care Account) ที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุในกรณีเสียชีวิต 20 เท่าของยอดเงินฝาก สูงสุด 1 ล้านบาท โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มเติม เพียงมีเงินออมในบัญชีตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
 
นายเบอร์นาร์ด คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากการที่ ทีเอ็มบี ได้ศึกษาข้อมูลเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พบว่ากลุ่มลูกค้าในช่วงอายุระหว่าง 30-45 ปี ที่มีครอบครัว ซึ่งมีมากกว่า 16 ล้านคนทั่วประเทศ เป็นกลุ่มที่มี ‘ลูก’ เป็นเป้าหมายสำคัญของชีวิต ลูกค้ากลุ่มนี้จะเน้นการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับ ‘ลูก’ เช่น มีการศึกษาที่ดีในอนาคต มีความมั่นคงในการดำรงชีวิต ทีเอ็มบียึดมั่นในแนวคิดหลัก Make THE Difference ทำให้เรามุ่งท้าทายความคิดและวิธีการดำเนินงานเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อสร้างคุณค่าและมอบสิทธิประโยชน์ที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้น โดยการตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินในทุกด้านของลูกค้า อาทิ การเก็บเงินในระยะสั้นที่มีความคล่องตัว การออมเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระยะยาว การคุ้มครองและดูแลค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ ในครอบครัว เป็นต้น จึงเกิดเป็นแนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก… ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ ที่จะเป็นตัวช่วยของครอบครัวในการวางแผนการออมและจัดการด้านการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทีเอ็มบีเป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศที่ได้นำเสนอ TMB The Better Family ผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีครอบครัว”
 
นางกาญจนา  โรจวทัญญู หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ล่าสุด ทีเอ็มบี ได้จัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด ตามแนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก… ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ ภายใต้ชื่อ “แคมเปญแทนความห่วงใย” โดยผ่าน “บัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใย” (TMB Savings Care Account) ซึ่งเป็นบัญชีเพื่อออมที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุในกรณีเสียชีวิต 20 เท่าของยอดเงินฝาก สูงสุด 1 ล้านบาท เพียงคงเงินในบัญชีขั้นต่ำ 5,000 บาท ขึ้นไป โดยที่ลูกค้าผู้ออมเงินไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มเติม นอกจากจะเป็นบัญชีที่ช่วยให้ครอบครัวมีเงินเก็บและให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุฟรีแล้ว ลูกค้ายังสามารถวางแผนการออมได้เอง โดยไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการฝากแต่ละครั้ง และไม่กำหนดระยะเวลาในการฝาก สามารถถอนได้ตลอด เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับครอบครัวที่มีลูกหลายคน ก็สามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แทนความห่วงใยได้มากกว่า 1 บัญชี และสามารถระบุผู้รับผลประโยชน์ได้มากกว่า 1 คนอีกด้วย และสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคมศกนี้ ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป จะได้รับ “สมุดนิทานแทนความห่วงใย” โดยนำเรื่องราวความห่วงใยในครอบครัวมาร้อยเรียงถ่ายทอดผ่านสมุดนิทานและตัวการ์ตูนป๊อปอัพ ซึ่งมีการจัดทำเป็น 4 เรื่องราว เพื่อช่วยเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขและรอยยิ้มของครอบครัว จำนวน 1 เล่ม ต่อ 1 บัญชี โดยลูกค้าเลือกรับจาก 4 เรื่องราว ได้ที่ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ TMB Contact Center โทร.1558
 
นายเบอร์นาร์ด คุ๊ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า แนวคิด TMB The Better Family ‘ให้คำว่ารัก… ยิ่งใหญ่มากขึ้น’ มุ่งเน้นการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ประกอบด้วย “TMB Better Saving – ออมเพื่อลูก” ที่นำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์การเก็บออมเพื่อลูกและครอบครัวที่ให้ทั้งสิทธิประโยชน์และความคล่องตัวสูง “TMB Better Future – วางแผนการเงินเพื่อวันข้างหน้า” นำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยวางแผนการเงินในอนาคตสำหรับเป็นทุนการศึกษาของลูกในระยะยาว และ “TMB Better Protection – คุ้มครองคนที่คุณรัก” นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยดูแลสุขภาพของลูกและทุกคนในครอบครัวอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นธนาคารยังมีเป้าหมายที่จะมอบผลิตภัณฑ์เงินฝากเพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินของครอบครัวมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และประหยัดมากยิ่งขึ้น ตลอดจนผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ช่วยเติมเต็มฝันและความต้องการของทุกคนในครอบครัว

]]>
57706
ME by TMB มอบของขวัญปีใหม่ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3.50% ต่อปี https://positioningmag.com/57450 Wed, 04 Dec 2013 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=57450

ME by TMB self-service banking เพื่อให้คุณได้มากกว่า จัดเต็มเขย่าวงการแบงค์อีกครั้ง กับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้ลูกค้า ME จาก 3.00% เป็น 3.50% สำหรับยอดเงินฝากส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท ถึง 10 ล้านบาท เริ่มแล้ววันนี้ถึง 31 มกราคม 2557 ตอกย้ำการเป็นหนึ่งในบัญชีเงินเก็บที่ดีที่สุด เพราะให้ดอกสูงจริง พร้อมสภาพคล่องที่ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่มีขั้นต่ำ

นางสาวรัชดา เสริมศิลปกุล ผู้อำนวยการการตลาดและการขาย ME by TMB เผยว่า เพื่อเป็นการมอบของขวัญปีใหม่และเพื่อเป็นการกระตุ้นการออมเงินแก่ลูกค้าของ ME ในช่วงปลายปี 2556 ME จึงจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าทุกราย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้อีก 0.50% จากเดิม 3.00% เป็น 3.50% ต่อปีสำหรับยอดเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท จนถึง 10 ล้านบาท มีผลตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค.2557

“นอกจากนี้การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ME ในครั้งนี้ ยังถือเป็นการตอกย้ำการเป็นหนึ่งในบัญชีเงินเก็บที่ดีที่สุด เพราะให้ดอกสูงจริงตั้งแต่บาทแรก พร้อมสภาพคล่องที่ถอนเมื่อไหร่ก็ได้ และไม่มีขั้นต่ำ อีกทั้งยังเป็นบัญชีที่ปลอดภัยสูง เพราะโอนออกไปยังชื่อของคุณเองเท่านั้น ภายใต้แนวคิด Self Service Banking เพื่อให้คุณได้มากกว่าอีกด้วย” นางสาวรัชดา กล่าวเสริม

สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนขอเปิดบัญชีด้วยตัวเองได้ทันทีผ่านทาง WWW.MEBYTMB.COM แล้วนำบัตรประชาชนตัวจริง และสมุดบัญชีออมทรัพย์ตัวจริงของธนาคารใดก็ได้ที่เป็นชื่อคุณไปยืนยันตัวตนที่ ME Place ที่ใดก็ได้ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 (โซนบีทูเอส), ศูนย์การค้าเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก ชั้น 2, อาคารอาคเนย์ ถนนสีลม ชั้น G จนถึงวันที่ 20 ธ.ค.56 เท่านั้น และจะย้ายไป ME Place สีลมคอมเพล็กซ์, เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 2 (โซนหลังน้ำตก) และ เดอะมอลล์ บางแค ชั้น 3 (โซนธนาคาร), รวมทั้งบูธกิจกรรมของ ME จากนั้นลูกค้าสามารถทำธุรกรรมฝาก ถอน โอนได้ด้วยตัวเอง ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ หรือแม้แต่ Call Center

สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.MEBYTMB.COM หรือ ME Call Center 0-2502-0000

]]>
57450