ธุรกิจเวลเนส – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 03 May 2023 05:50:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คาดธุรกิจแก้ปัญหา “สุขภาพการนอน” จะเติบโตปีละ 6% โอกาสมาแรงในอุตสาหกรรม “เวลเนส” https://positioningmag.com/1429369 Wed, 03 May 2023 05:30:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1429369 ทุกคนรู้ว่า “สุขภาพการนอน” เป็นเรื่องสำคัญ ทำให้อุตสาหกรรม “เวลเนส” ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับกำลังบูมไปทั่วโลก และนักวิทยาศาสตร์ต่างกำลังศึกษาปัจจัยความเสี่ยงต่อการนอน

McKinsey บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง เสนอรายงานถึงมูลค่าตลาดอุตสาหกรรม “เวลเนส” ทั่วโลกที่สูงถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีธุรกิจหลักที่ทำเงินในอุตสาหกรรมนี้คือ ฟิตเนส, โภชนาการ และการทำสมาธิ

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเวลเนสอีกอย่างหนึ่งที่กำลังมาแรงคือ “สุขภาพการนอน” ธุรกิจนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ในตลาด และลูกค้ายังแบ่งสัดส่วนการใช้จ่ายด้านเวลเนสมาที่การนอนหลับค่อนข้างน้อยหากเทียบกับการใช้จ่ายด้านอื่น แต่ตัวเลขกำลังเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ โดย McKinsey คาดว่า ธุรกิจส่งเสริมสุขภาพการนอนจะโตเฉลี่ยปีละ 6% ระหว่างปี 2022-2030 ทำให้มูลค่าธุรกิจสุขภาพการนอนเติบโตขึ้นไปแตะ 1.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐได้ภายในปี 2030

 

นอนไม่พอ ส่งผลต่อการทำงาน

ปัญหาการนอนหลับเป็นบ่อเกิดของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า และยังกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานด้วย

เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องคนที่ประสบความสำเร็จสูงโดยนอนพักผ่อนแค่ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์พบว่าเรื่องนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะการวิจัยพบว่าการนอนให้เพียงพอมีผลสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงาน แม้แต่ตัวเราเองก็น่าจะเคยรู้สึกได้ถึงผลของการนอนไม่พอ หากคืนนี้นอนดึกมาก การทำงานในวันพรุ่งนี้ก็จะลำบากชีวิตกว่าปกติ

เมื่อร่างกายของเรานอนไม่พอ การรับรู้สิ่งรอบตัวจะแย่ลงเหมือนกับการมีแอลกอฮอล์ในเลือดในระดับ 0.05% การตั้งสมาธิในการประชุม ทำงานสำคัญ เก็บรายละเอียดข้อมูล ร่วมงานกับผู้อื่น ทุกอย่างจะถดถอยลงทั้งหมด ในทางกลับกัน ถ้าเรานอนหลับได้เป็นอย่างดี เราจะกลายเป็นนักแก้ปัญหาที่ดีขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถรับความรู้ใหม่ๆ ได้ดี และคิดวิเคราะห์ได้มากขึ้น

Young Asian man sleeping and snoring loudly lying in the bed

องค์กรธุรกิจก็ทราบผลลบจากการนอนไม่พอเช่นกัน ทำให้บางบริษัทเริ่มมีแพ็กเกจด้านสุขภาพการนอนรวมเข้าไปในสวัสดิการด้านเวลเนส เช่น โปรแกรมฝึกการนอนหลับ สมัครสมาชิกแอปพลิเคชัน Calm and Headspace ให้ฟรี แนวโน้มเหล่านี้ทำให้ธุรกิจด้านการนอนกำลังจะเติบโต

คนมีปัญหาการนอนมีมากแค่ไหน? มีผลการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า 29% ของผู้ใหญ่เพศหญิงมีปัญหาการนอน ซึ่งคาดว่าตัวเลขนี้น่าจะไม่แตกต่างมากในผู้ใหญ่เพศชาย นั่นแปลว่าชาวอเมริกันวัยทำงาน 1 ใน 3 มีปัญหาการนอนหลับ

สำหรับประเทศไทย มีตัวเลขจากกรมสุขภาพจิตระบุว่าคนไทย 19 ล้านคนมีปัญหาการนอน หรือเท่ากับ 27.5% ของประชากรทั้งหมด ถือว่าค่อนข้างสูงเช่นกัน

 

วิจัยเพื่อแก้ปัญหาการนอน

เมื่อการนอนเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งที่เกิดงานวิจัยตามมาอีกมากคือ ทำไมคนเราจึงมีปัญหาการนอนและจะแก้ไขอย่างไร

ปัจจุบันนี้มีบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการนอนหลับมากมาย ตั้งแต่อุปกรณ์การนอน อาหารเสริม แอปพลิเคชันฝึกการนอนให้เป็นเวลา ฯลฯ แต่วิทยาศาสตร์ยังค้นหาคำตอบใหม่ๆ เรื่องการนอน อย่างล่าสุดมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร The Journal of Sleep Research พบว่า ปัญหาการนอนอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง “บุคลิกภาพ”

การวิจัยพบว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงด้านการนอนหลับไม่สนิท มักจะเป็นคนมีบุคลิกภาพประเภทที่ไม่มั่นคงทางอารมณ์ หุนหันพลันแล่น และเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว

เรื่องนี้สอดคล้องกับงานวิจัยเดิมที่พบว่า การนอนหลับที่ดีมักจะสัมพันธ์กับการมีภาวะอารมณ์เชิงบวก มีอารมณ์เชิงลบให้น้อยเมื่อเข้านอน ดังนั้น คนที่มีบุคลิกภาพดังกล่าวอาจจะต้องบริหารจัดการอารมณ์เชิงลบของตัวเองมากกว่าคนอื่น จึงนอนหลับได้ไม่ดี

การค้นพบเรื่องบุคลิกส่วนตัวเชื่อมโยงกับการนอนหลับ อาจจะทำให้ธุรกิจดูแลสุขภาพการนอนมีมิติใหม่ในการบริการเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้

Source

]]>
1429369
คิกออฟ! “รักษ” ศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนม “มั่นคง-บำรุงราษฎร์-ไมเนอร์” มูลค่า 2,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1296408 Fri, 11 Sep 2020 03:41:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296408 มั่นคงเคหะการ พัฒนาโครงการ “รักษ” (อ่านว่า รัก-ษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ดึงพันธมิตรศูนย์ VitalLife รพ.บำรุงราษฎร์ บริหารด้านการแพทย์ และไมเนอร์ดูแลด้านการบริการและอาหาร ราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพ-เวลเนสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ทำให้อัตราเข้าพักช่วงปีแรกน่าจะลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดการณ์ไว้

“วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดบริการโครงการ “รักษ” ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ในเดือนธันวาคม 2563 มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท

ลักษณะโครงการ “รักษ” จะเป็นเวลเนส รีทรีต รีสอร์ต ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันพร้อมกับการพักผ่อน ตั้งอยู่บนที่ดินรวม 200 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ แบ่งเฟสการพัฒนา เฟสแรก 60 ไร่ ภายในประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (ช่วงเปิดตัวมีบริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆ แวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน

บริเวณโครงการรักษ (RAKxa) บนคุ้งบางกระเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (หมายเหตุ : กรอบรอบพื้นที่ดินไม่ได้ขีดเส้นตามความเป็นจริง เป็นเพียงการคาดคะเนโดยประมาณเท่านั้น)

วรสิทธิ์กล่าวว่า ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ เป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับพันธมิตร 2 รายเข้ามาช่วยบริหารโครงการ คือ รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

 

ชูจุดเด่นโปรแกรมที่ออกแบบจาก “พันธุกรรม” รายบุคคล

ภายในพื้นที่โครงการรักษ นอกจากมีการ์เดนวิลล่า พูลวิลล่า และเพรสซินเดนเชียลวิลล่า ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากจิม ทอมป์สันสำหรับเป็นที่พักสำหรับผู้เข้ารับการรักษาแล้ว จะมีศูนย์สุขภาพในด้านต่างๆ จาก รพ.บำรุงราษฎร์ มาตั้งในพื้นที่พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่

  • VitalLife’s Scientific Wellness Clinic : ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพด้วยเทคโนโลยีแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรายบุคคลให้ตรงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และวิถีชีวิตของบุคคลนั้นๆ
  • RAKxa Jai – Holistic Wellness Centre : ศูนย์ผสานศาสตร์การบำบัดหลายแขนง เช่น แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย ธาราบำบัด อบไอน้ำ ฯลฯ
  • RAKxa Gaya – Medical Gym : ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์ มีนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อ เส้นประสาท
  • RAKxa Wellness Cuisine : เชฟและนักโภชนาการจาก VitalLife ปรุงอาหารที่เหมาะกับผู้รับการรักษา ใช้อาหารที่ทราบถึงแหล่งที่มาแบบ Farm-to-Table ปลอดสารพิษ และดีต่อสุขภาพ
วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

จากฟังก์ชันที่มีทั้งหมดในโครงการรักษ “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โครงการนี้จะมีจุดเด่นที่เป็นเวลเนส รีทรีทแบบมี ‘Scientific Base’ ออกแบบโปรแกรมผ่านการวิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเจาะลึกถึงระดับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ค้นหาประวัติโอกาสเป็นโรคใดบ้าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน

ประกอบกับศูนย์ VitalLife ของ รพ.บำรุงราษฎร์เปิดมานานย่างเข้าปีที่ 20 และเป็นศูนย์เวชศาสตร์เชิงป้องกันแห่งแรกของเอเชีย ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับสากล

ด้าน “วิลเลียม อี. ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทรับบริหารโรงแรมมากกว่า 500 แห่งอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดยที่โครงการรักษคือแห่งแรกที่บริษัทรับบริหารในลักษณะเวลเนส รีทรีต เชื่อว่าฐานลูกค้าที่ไมเนอร์มีอยู่ทั้งหมดจะสานต่อให้เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้

สำหรับค่าใช้จ่ายแพ็กเกจ “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บมจ.มั่นคงเคะหะการ กล่าวว่า ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท เป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืน ส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร เช่น โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร โปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกัน โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก โปรแกรมผ่อนคลายความเครียด ราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืน

ตารางโปรแกรมในโครงการรักษ

ทั้งหมดหลังจากจบคอร์สแล้วแพทย์จะมีการติดตามต่อเนื่องหลังลูกค้ากลับออกจากรีทรีต และภายในโครงการจะไม่มีการเปิดให้พักผ่อนทั่วไป แขกที่เข้าพักจะต้องสมัครแพ็กเกจโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง

นอกจากแพ็กเกจรายครั้งแล้ว รักษจะมีระบบสมาชิกรายปีด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวไทยซึ่งสามารถแวะมาได้บ่อยครั้งกว่า ราคาสมาชิกเริ่มต้น 500,000 บาทต่อคนต่อปี

 

ตั้งเป้ากลุ่มต่างชาติ แต่ปีแรกยังติดปัญหา COVID-19

วรสิทธิ์กล่าวว่า โครงการนี้เดิมตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2564 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

วรสิทธิ์มองว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในผลประกอบการบริษัท โดยหวังว่าจะทำกำไรคิดเป็นสัดส่วน 15% ในกำไรรวมของบริษัทประจำปี 2564 ส่วนอีก 85% ที่เหลือนั้น 35% มาจากค่าเช่าคลังสินค้าและสนามกอล์ฟ ส่วนอีก 50% มาจากรายได้การขายที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกิจหลักของมั่นคงฯ มาตั้งแต่ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร

(จากซ้าย) “วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ และ “วิลเลียม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ธุรกิจเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต”

ราคาที่แม้จะสูงขนาดนี้ แต่มีลูกค้ารอรับบริการอยู่ทั่วโลก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง โดยการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น ภญ.อาทิรัตน์กล่าวว่าอุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโตดับเบิลดิจิตต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

หากมองคู่แข่งเฉพาะในไทย ดุษฎีมองว่าโครงการรักษจะใช้จุดเด่นเรื่องการมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยเป็นแกน โดยมีศูนย์ของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้รักษาประจำในโครงการ จะต่างจากโครงการเวลเนส รีทรีตอื่นๆ ที่เคยมีมาซึ่งมักจะใช้การบำบัดแบบแพทย์ทางเลือกเป็นหลัก หรือเป็นเวลเนสเพื่อฟื้นฟูในเชิงจิตใจมากกว่าร่างกาย และไม่ได้มีแพทย์ประจำ

ดังนั้น เชื่อว่าโครงการรักษจะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายระดับ World Class ของนักท่องเที่ยวที่สนใจสุขภาพ และเป็นธุรกิจ “ไข่ทองคำ” เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มักจะกลับมาบำบัดในสถานที่เดิมอย่างต่อเนื่องด้วย

]]>
1296408
เปิดตลาดใหม่! รพ.เทพธารินทร์ จับมือ ชาเทรียม ออกโปรแกรมรักษาโรคนอนไม่หลับใน “เมดิเทล” https://positioningmag.com/1289895 Wed, 29 Jul 2020 12:12:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1289895 รพ.เทพธารินทร์ จับมือโรงแรม ชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พัฒนาพื้นที่แบบ “เมดิเทล” ประเดิมโปรแกรมวินิจฉัยโรคนอนไม่หลับ (insomnia) พร้อมกิจกรรมรีทรีตภายในโรงแรม หวังเจาะกลุ่มคนวัยทำงานชาวไทย และต่อยอดกลุ่มชาวต่างชาติในอนาคต โมเดลธุรกิจแบบวิน-วิน ฝั่งโรงพยาบาลได้รุกตลาดเวชศาสตร์เชิงป้องกัน ฝั่งโรงแรมมีตลาดใหม่ชดเชยช่วง COVID-19

“นพ.โอฬาริก มุกสิกวงศ์” ผู้อำนวยการส่วนการแพทย์และนวัตกรรม บริษัท ที อาร์ เอช โกลบอล ในนาม โรงพยาบาลเทพธารินทร์ เปิดเผยถึงนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโรงพยาบาล เป็นความร่วมมือแบบ “เมดิเทล” คือ Medical+Hotel กับ โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ จัดโปรแกรม Sleepless Society วินิจฉัยและช่วยปรับพฤติกรรมแก้ปัญหาโรคนอนไม่หลับ (insomnia) ภายในโรงแรม ไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล เพื่อให้คนไข้ได้ผ่อนคลายระหว่างการวินิจฉัย และตอบรับกับ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ที่กำลังเป็นเทรนด์

ห้องพักแบบ Grand Room ของโรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ พักผ่อนรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยโปรแกรมนี้จะจัดระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ผู้เข้าร่วมจะได้รับแพ็กเกจห้องพักที่ชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ห้องพักเริ่มต้น 60 ตร.ม. เป็นห้องพักแบบ Grand Room รับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีอุปกรณ์ตรวจ Sleep Test จากทางโรงพยาบาลติดตั้งให้ ตามด้วยการวินิจฉัยจากทีมแพทย์และนักจิตบำบัด เพื่อหาสาเหตุการนอนไม่หลับของแต่ละบุคคล พร้อมอาหาร 3 มื้อที่ออกแบบโดยนักโภชนาการ และมีคลาสโยคะ โยคะร้อน แอโรบิกในน้ำ ให้เข้าร่วม ทั้งหมดเพื่อปรับพฤติกรรมที่ทำให้นอนไม่หลับ ราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 27,500 บาท

 

คน 2 ใน 3 ของโลกมีอาการนอนไม่หลับ

นพ.โอฬาริกเชื่อว่าโปรแกรมนี้จะได้รับความสนใจมาก เพราะคน 2 ใน 3 ของประชากรโลกเผชิญปัญหานอนไม่หลับหรือหลับไม่เพียงพอ สำหรับในประเทศไทย คาดว่ามีประชากรถึง 30-40% เท่ากับ 19 ล้านคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ และปัญหาการนอนไม่พอเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไปจนถึงความสามารถด้านการจำ

“ดีมานด์น่าจะเยอะมากแต่ห้องทำ Sleep Test ในโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่ที่เรา โรงพยาบาลอื่นๆ ก็มีคิวต่อกันยาวไปถึงครึ่งปีเพราะห้องไม่พอ” นพ.โอฬาริกกล่าว โดยเสริมว่าคนกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มีปัญหานอนไม่หลับคือคนวัยทำงาน และหนักที่สุดคือคนที่ทำงานเป็นกะ

เป็นเหตุให้การจับมือกับโรงแรมเป็นทางออกที่ดี นอกจากเพิ่มซัพพลายตอบรับดีมานด์แล้ว ยังทำให้ผู้เข้ารับวินิจฉัยผ่อนคลายกว่าในตอนนอนและเป็นการพักผ่อนไปในตัวได้

(จากซ้าย) “เรอเน่ บาลเมอร์” ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มชาเทรียม ฮอสพิทัลลิตี้, “นพ.โอฬาริก มุกสิกวงศ์” ผู้อำนวยการส่วนการแพทย์และนวัตกรรม บริษัท ที อาร์ เอช โกลบอล และ “พาที สารสิน” ผู้ก่อตั้ง Really Really Cool Global Platform

 

โอกาสต่อยอดรับลูกค้าต่างชาติ

ดาน “ทักษอร คงคาประเสริฐ” รองประธานกรรมการ โรงพยาบาลเทพธารินทร์ กล่าวถึงที่มาการร่วมมือกับชาเทรียม เดิมพูดคุยกันเพื่อจะร่วมมือสร้างสถานที่กักกันโรคทางเลือก (Alternative State Quarantine : ASQ) แต่หารือแล้วมองว่าการพัฒนาสถานที่กักกันโรคอาจจะเปิดได้แค่ชั่วคราว เมื่อสถานการณ์ผ่อนคลายหรือรัฐมีการเปลี่ยนนโยบายก็จะไม่มี ASQ อีก ทำให้โมเดลธุรกิจนี้ไม่ยั่งยืน

ขณะที่รพ.เทพธารินทร์มีเป้าหมายต้องการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อจะเป็นผู้นำด้านเวชศาสตร์เชิงป้องกัน จึงเลือกหยิบเรื่องปัญหาการนอนไม่หลับมาจัดเป็นโปรแกรม และทำให้ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นได้ยาว ปัจจุบันมีดีลระหว่างกันถึงเดือนพฤศจิกายน 2563

เบื้องต้นยังเน้นเจาะกลุ่มคนไทยหรือ expat ที่อาศัยในไทยก่อนเพราะรัฐยังไม่เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศ แต่อนาคต ทักษอรมองว่ามีโอกาสเนื่องจากกลุ่มต่างชาตินิยมแพ็กเกจรีทรีตอยู่แล้ว เป็นการมาท่องเที่ยวด้วยและเข้าโปรแกรมเพื่อสุขภาพด้วย โดยอยู่ยาว 2-3 สัปดาห์เพื่อปรับพฤติกรรม

ด้าน “พาที สารสิน” ผู้ก่อตั้ง Really Really Cool Global Platform เอเย่นต์ออนไลน์ (OTA) ที่เข้ามาช่วยเป็นช่องทางโปรโมตและขายแพ็กเกจ Sleepless Society มองว่า “ชาวจีน” ให้ความสนใจมาก หากไม่มี COVID-19 จะมีคนจีนจำนวนมากเข้ามาทัวร์สุขภาพในไทยตั้งแต่ต้นปี

 

ตลาดใหม่ของชาเทรียม

ฝั่งโรงแรมก็ได้ประโยชน์จากโปรแกรมนี้แน่นอน ดังที่ทราบกันดีว่าช่วงการท่องเที่ยวชะงักงันเช่นนี้คือวิกฤตของโรงแรมทุกแห่ง รวมถึงชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ด้วย โดยขณะนี้โรงแรมกลับมาให้บริการแล้ว ล่าสุดมีอัตราเข้าพักช่วงวันธรรมดา 10-20% และวันหยุดสุดสัปดาห์ 55% เทียบกับช่วงก่อน COVID-19 โรงแรมริมน้ำอย่างชาเทรียมมีอัตราเข้าพักสูง 70-80% ในช่วงไฮซีซั่น

สระว่ายน้ำริมเจ้าพระยา โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ

เราต้องมองหาตลาดใหม่หลัง COVID-19 การเป็นเมดิเทลคือการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ เพราะเราสามารถให้ความสบายในการพักผ่อนในโรงแรมนี้ได้อย่างเต็มที่” เรอเน่ บาลเมอร์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มชาเทรียม ฮอสพิทัลลิตี้ กล่าว

เป็นครั้งแรกของชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ที่จัดโปรแกรมแบบเมดิเทลกับโรงพยาบาล ทำให้ต้องจัดระบบบุคลากรและฟังก์ชันในโรงแรมขึ้นมารองรับเพิ่มเช่นกัน เช่น บุคลากรโรงแรมจะต้องดูแลแขกอย่างละเอียดมากขึ้นเพราะมีเรื่องอาหาร customized รายบุคคล ทำให้โรงแรมจะใช้บุคลากรมากขึ้นสำหรับโปรแกรมนี้ หรือมีการจัดหาเทรนเนอร์กิจกรรมอย่างโยคะหรือแอโรบิกในน้ำเข้ามาเพิ่มเติม จากเดิมที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นต้น

เรียกได้ว่านาทีนี้ทุกธุรกิจต้องหาทางรอดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ผ่านพ้น COVID-19 และไม่แน่ว่าอาจค้นพบโอกาสใหม่จากดีมานด์ที่รออยู่ในตลาดก็ได้!

]]>
1289895